Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มกราคม 2546
บรุ๊คเคอร์อาจย้อนรอยหุ้นใหญ่อินไซด์รอยเนท             
 


   
search resources

รอยเนท, บมจ.
บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป, บมจ.




จากการตรวจสอบข้อมูลการถือครองหุ้นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ) รอบ 1 ปีที่ผ่านมา หุ้นบริษัท รอยเนท (ROYNET) และหุ้นบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (BROOK) เปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่มากที่สุด

โดยเฉพาะหุ้น ROYNET ซึ่งส่วนการถือครองหุ้นตระกูลเยาวพฤกษ์ ตั้งแต่ไตรมาส 1/2545 จนถึงไตรมาส 3/2545 ไม่พบการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของผู้บริหารแต่อย่างใด โดยเฉพาะส่วนของนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ ที่ถือสัดส่วน 28.93% และนางดวงพร เยาวพฤกษ์ ซึ่งถือ 24.59% สิ่งน่าสังเกตคือ หลังจากไตรมาส 3/2545 จนถึง 20 ธ.ค.2545 สัดส่วนถือครองหุ้นของผู้บริหารเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะส่วนของนางดวงพร เยาวพฤกษ์ ซึ่งไม่ปรากฎสัดส่วนถือครองหุ้นเหลืออยู่เลย

ขณะที่นายกิตติพัฒน์สัดส่วนถือครองหุ้นเหลือเพียง 18.03% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารเทขายหุ้นช่วงระหว่าง ต.ค.-ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวระดับสูงถึง 2 บาทต่อหุ้น ยังเป็นช่วงที่ผู้สอบบัญชี้สั่งปรับงบบัญชีใหม่ จึงตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมดังกล่าวของผู้บริหาร อาจแสดงให้เห็นเจตนาที่จะขายหุ้นที่ถืออยู่ทิ้งหมด เนื่องจากรับรู้ว่างบการเงินบริษัทมีปัญหา โดยพลิกจากกำไรเป็นขาดทุน ถือเป็นการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซด์) เอื้อประโยชน์ตน

อย่างไรก็ตาม นอกจากบริษัท รอยเนท ยังตรวจสอบพบการเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอื่น ๆ ในตลาดใหม่อีก ได้แก่ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลายราย โดยเฉพาะส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ (ZMICO) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท บรุ๊คเคอร์ ขายหุ้น โดยวันที่ 9 เม.ย.2545 สัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 15.01% ต่อมา 2 ม.ค.2546 ถือหุ้นเหลือเพียง 10.99%

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มยูโอบีจากสิงคโปร์ และบริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ จำกัด ในเครือกลุ่มมอร์แกน สแตนเลย์จากแดนมะกัน ก็ขายหุ้นออกมาจนหมดเช่นเดียวกัน จากเดิมซึ่งเคยถือหุ้น 5.38% และ 1.32% ตามลำดับ รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ พากันเทขายหุ้นทิ้งหมด รวมถึงบริษัทเอบีเอ็ม แอมโร เอเชีย (สิงคโปร์) จำกัด ในเครือกลุ่มเอบีเอ็น แอมโร จากเนเธอร์แลนด์ จากเดิมถือหุ้นอยู่ถึง 9.97% เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2545 ปัจจุบันไม่มีการถือครองหุ้นบริษัทนี้เลย

การขายหุ้นออกมาจำนวนมากของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แสดงให้เห็นความไม่มั่นใจตัวบริษัท หรืออาจมีปัจจัยแวดล้อมสนับสนุนให้ตัดสินใจเทขายหุ้น ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่จดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ ผู้บริหารยังคงถือครองหุ้นอัตราสม่ำเสมอ และไม่เปลี่ยนแปลงการถือหุ้น

แสดงให้เห็นว่า ผู้บิรหารไม่มีเจตนาจะทิ้งหุ้น ได้แก ่บริษัท ชูโอเซ็นโก (ประเทศไทย) (CHUO) ซึ่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในเครือชูโอเซ็นโกจากญี่ปุ่น กำหนดนโยบายระยะเวลาห้ามขายหุ้น (ไซเลนท์ พีเรียด) เพิ่มจากปกติ 6 เดือน เป็น 1 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นความตั้งใจทำธุรกิจในประเทศไทยของกลุ่มนี้จริงจัง ผู้ถือหุ้นใหญ ่ได้แก่ Chuo Senko Advertising 26% Mastermitsushige Nakamichi 12% นายวิเชียร ลินจงสุบงกช 9% บริษัท เอราวัณพัฒนาอุตสาหกรรม 8.53% และ นายกำจร รัตนชัยกานนท์ 4%

บริษัท ทีมพริซิชั่น จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นายจักรพันธ์ มานัสสถิตย์ ถือหุ้น 18.68% นายสถาพร มานัสสถิตย์ 16.93% นางสาวจันทิพย์ มานัสสถิตย์ 15.38% นายอนันต์ มานัสสถิตย์ 15.38% ปัจจุบันก็ยังถือระดับดังกล่าว

นอกจากนี้ บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (TRAF) เป็นบริษัทแสดงให้เห็นว่า ตั้งใจจะพัฒนาธุรกิจของตนเอง โดยระดมทุนเพิ่มเพื่อใช้ขยายธุรกิจ โดยตัวผู้บริหารเองก็ไม่เคยขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ถือหุ้น 30% นายวินิจ เลิศรัตนชัย 5.02% และนางสาวศรวณีย์ ศิริจรรยากุล 5% ส่วนบริษัทอื่นๆ การถือครองหุ้นส่วนใหญ่ ยังอยู่ระยะไซเลนท์ พีเรียด

นายชาลี จันทยิ่งยง ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าการที่บริษัทจะรายงานการถือครองหุ้นให้สำนักงาน ก.ล.ต.หรือไม่เป็นเรื่องความรับผิดชอบของผู้บริหาร เป็นหน้าที่ที่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ และข้อปฏิบัติ

ที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไม่รายงานการถือครองหุ้นมาที่ ก.ล.ต. ครบถ้วน สำนักงาน ก.ล.ต.อาจตรวจสอบไม่ได้ทั้งหมด แต่สามารถตรวจสอบและเช็คข้อมูลได้เมื่อพบสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และจะลงโทษโดยเปรียบเทียบปรับ

กรณีบริษัท รอยเนท เนื่องจากเชื่อมโยงกับงบการเงินที่มีปัญหา จึงทำให้กลายเป็นเรื่องซับซ้อน บริษัทจด ทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 90% ที่รายงานงบการเงินมา ก.ล.ต ผู้สอบบัญชีจะไม่มีเงื่อนไขการสอบงบการเงิน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us