แนเชอรัล พาร์ค ยกเลิกนำหุ้นรถไฟฟ้ากรุงเทพ ขายพร้อมไอพีโอ เหตุคาดราคาเสนอขายหุ้นต่ำกว่า 1.52 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าที่ขอมติผู้ถือหุ้น ดังนั้นต้องขอมติผู้ถือหุ้นใหม่ทำให้ขายหุ้นพร้อมไอพีโอไม่ทัน หันเจรจาขายหุ้นให้บริษัท มหาศิริสยาม แทน ส่งผลให้ "ช.การช่าง" นำหุ้นเดิมออกมาขายแทนให้เป็นไปตามเกณฑ์ตลท.จากเดิมไม่ต้องการขายหุ้น “สมบัติ” ชี้ปัจจัยนักลงทุนจองซื้อหุ้นแม้ยังคงขาดทุนสะสมถึง 3 พันล้าน เมินการทำกรีนชู ระบุเป็นหุ้นโกรทสต๊อก เล็งโรดโชว์ในประเทศ-ต่างประเทศสัปดาห์หน้า คาดเทรดครึ่งเดือนหลัง ก.ย.นี้
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL เปิดถึงความคืบหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ว่า จากการที่บริษัทบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK มีการยกเลิกที่จะนำหุ้นจำนวน 245.86 ล้านหุ้น ออกมาขายพร้อมกับหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (IPO) เนื่องจากราคาเสนอขายหุ้นของ BMCL จะต่ำกว่า 1.52 บาท จากที่มีการขอมติผู้ถือหุ้นเดิมเอาไว้ ดังนั้นหากจะมีการนำหุ้นออกมาขายพร้อมไอพีโอ จะต้องมีการขอมติผู้ถือหุ้นอีกครั้ง ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีก 1 เดือน ซึ่งทำให้เลยกำหนดเวลาจองซื้อหุ้นไป
ทั้งนี้ N-PARK จึงได้มีการเจรจาที่จะขายหุ้นจำนวนดังกล่าวให้กับบริษัท มหาศิริ สยาม จำกัด (MS) แทน ในราคาเท่ากับไอพีโอ ตนคาดว่า N-PARK และ MS จะมีการทำสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าวก่อนช่วงที่หุ้นของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนกันยายนนี้ ซึ่งการที่ N-PARK ไม่นำหุ้นดังกล่าวออกมาเสนอขายนั้นทำให้ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะต้องเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปในสัดส่วน 25%
ส่งผลทำให้บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK จะต้องนำหุ้นเดิมออกมาขายแทนจากที่เดิมนั้นไม่มีนโยบายที่จะนำหุ้นเดิมออกมาขาย และการเสนอขายหุ้นครั้งนี้บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ก็ไม่ได้นำหุ้นเดิมออกมาขายจากเดิมที่มีแผนนำหุ้นออกมาขาย เนื่องจากมองว่ายังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุน เพราะยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง จึงมองว่าควรที่จะถือหุ้นของบริษัทไว้
นายสมบัติ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าบริษัทจะมีการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งคาดว่าจะสรุปราคาเสนอขายหุ้นได้ภายในต้นเดือนกันยายนนี้ โดยการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นจากนักลงทุน (บุ๊คบิ้วดิ้ง) และคาดว่าจะเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นของบริษัทได้ก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ จำนวน 2,756.44 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (หุ้นใหม่) 1,315.81 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมจำนวน 1,440 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นหุ้นเดิมของ 7 ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท
ทั้งนี้การเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะไม่มีหุ้นจัดสรรส่วนเกินจากเดิมที่จะมีการใช้กรีนชู 300 ล้านหุ้น สัดส่วนการจัดสรรหุ้นขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องรอดูความสนใจจองซื้อของนักลงทุนต่างๆ ว่าจะมีจำนวนเท่าไร แต่บริษัทต้องการที่จะมีการจัดสรรหุ้นให้กับผู้ที่ใช้บริการของบริษัทในสัดส่วนจำนวนที่สูง เพราะเป็นผู้ที่รู้ถึงธุรกิจของบริษัท โดยการจองซื้อหุ้นของบริษัทจะใช้วิธีการสุ่มเลือก (แรนดอม) โดยบริษัทจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นในวันที่ 8 กันยายน ที่สถานีรถไฟฟ้าของ BMCL ส่วนสถาบันจะมีการจองผ่านโบรกเกอร์
บริษัทเชื่อว่าการเข้าซื้อขายหุ้นของบริษัทในช่วงครึ่งเดือนหลังกันยายนนี้ เป็นช่วงที่มีความเหมาะสม เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ ภายในประเทศและต่างประเทศได้คลี่คลายแล้ว เช่น อัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว ราคาน้ำมัน และปัจจัยทางการเมืองที่มีความชัดเจนระดับหนึ่ง
“การเข้าซื้อขายหุ้นของบริษัทจะเป็นช่วงครึ่งเดือนหลังก.ย.นี้ จะไม่มีการเลื่อนอีกแล้วหลังจากที่ผ่านมาได้มีการเลื่อนเข้าเทรดหลายครั้งแล้ว จากที่มองว่าปัจจัยลบต่างๆ ได้คลี่คลายแล้ว และบริษัทต้องการเงินระดมทุนเพื่อที่จะนำไปซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 5 ขบวน ซึ่งการเสนอขายหุ้นครั้งนี้บริษัทไม่ใช้กรีนชูแล้ว เพราะมั่นใจว่าราคาหุ้นของบริษัทจะมีเสถียรภาพจากนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อสูง” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมกับเงินที่ได้จากการขายหุ้นให้กับบริษัท รถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) จำนวน 2,987.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นพาร์ที่ 1 บาท ต่อหุ้น ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในสัญญาสัมปทาน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปซื้อรถไฟฟ้า 5 ขบวน และนำไปชำระหนี้เงินกู้จำนวน 1,000 ล้านบาท จากที่มีหนี้สินทั้งหมด 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 80 ล้านบาท/ปี
สำหรับปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัททั้งที่ขณะนี้บริษัทยังคงมีผลขาดทุนสะสมอยู่ 3,000 ล้านบาท และผลการดำเนินงานยังคงขาดทุนอยู่นั้นทำให้ยังไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุนได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทมองว่า หุ้นของบริษัทไม่ใช่หุ้นปันผล แต่จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดีในอนาคต เนื่องจากบริษัทยังมีโอกาสการเติบโตที่สูง เพราะบริษัทมีกำลังการผลิต (การขนส่งผู้โดยสารได้ 1 ล้านเที่ยวต่อวัน)
ขณะนี้บริษัทให้กำลังการผลิตเพียง 20% เท่านั้น เพียง 1.8-2 แสนเที่ยว ซึ่งเมื่อบริษัทมีการซื้อรถไฟฟ้าเพิ่ม ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตที่สูงที่จะทำให้บริษัทมีกำไรที่สูงขึ้น และพื้นที่ของบริษัทยังสามารถที่จะพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ทำให้เพิ่มรายได้อีกจำนวนมากในอนาคต
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะมีผลกำไรได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า 2552 และภายในปี 2553-2554 จะเริ่มล้างขาดทุนสะสมได้ ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการเก็บค่าโดยสาร 95% หรือคิดเป็น 4 ล้านบาทต่อวัน และมีรายได้เชิงพาณิชย์ 5% และมีค่าใช้จ่ายจำนวน 4 ล้านบาทต่อวัน ทำให้บริษัทยังไม่มีผลกำไร
นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-Park แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าตามที่บริษัทได้จัดประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8/2549 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2549 นั้น บริษัทขอแจ้งมติของที่ประชุม ดังต่อไปนี้ เนื่องด้วยบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จะเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนหรือ IPO โดยบริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมของ BMCL และถือหุ้นอยู่จำนวน 1,066.12 ล้านหุ้น มีสิทธิที่จะขายหุ้นสามัญใน BMCL ให้แก่ประชาชนพร้อมกับการออกหุ้น IPO ของ BMCL จำนวน 245.86 ล้านหุ้น แต่มีข้อขัดข้องบางประการเนื่องจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2548 ของบริษัท เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นสามัญใน BMCL ได้ในราคาไม่ต่ำกว่าราคาหุ้นละ 1.52 บาท แต่ราคา IPO ของ BMCL มีแนวโน้มที่จะต่ำกว่า 1.52 บาท ดังนั้น บริษัทจึงไม่สามารถขายหุ้น BMCL พร้อมกับการขายหุ้น IPO ของ BMCL ได้ นอกจากนี้ ตามขั้นตอนปกติ หากบริษัทดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติให้บริษัทขายหุ้นใน BMCL จำนวน 245.86 ล้านหุ้น ในราคา IPO จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งจะทำให้เลยกำหนดระยะเวลาการรับจองซื้อหุ้น IPO ของ BMCL ไปแล้ว
ทั้งนี้บริษัทจึงใช้ความพยายามที่จะหาผู้ที่สนใจจะซื้อหุ้นสามัญใน BMCL ในราคา IPO โดยได้เจรจากับบริษัท มหาศิริ สยาม จำกัด หรือ MS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมอีกรายหนึ่งของ BMCL และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) และได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นทางวาจากับ MS โดย MS พร้อมที่จะรับซื้อหุ้นสามัญใน BMCL จำนวน 245.86 ล้านหุ้น จากบริษัทในราคาเดียวกันกับราคา IPO ภายหลังจากที่พ้นกำหนดระยะเวลาการจองซื้อหุ้นสามัญใน BMCL ไปแล้ว โดยบริษัทจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ การขายหุ้นสามัญใน BMCL จำนวน 245.86 ล้านหุ้น ในราคา IPO ให้แก่ MS จะเกิดขึ้นต่อเมื่อบริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้วเท่านั้น ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติ
คณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติกำหนดวันประชุมและเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 เป็นวันที่ 19 กันยายน 2549 โรงแรม เจ. ดับบลิว แมริออตต์ และพิจารณาอนุมัติการกำหนดวันปิดพักสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2549 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 จะแล้วเสร็จ
|