|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“แอลจี” โบกธงรบ ขนสินค้าหมวดภาพและเสียงทะลวงศึกครึ่งปีหลัง งัดกลยุทธ์บลูเอเชี่ยนมาร์เก็ตติ้ง ชู “ไทม์แมทชีนทีวี” พระเอกคนใหม่ ดึงฐานลูกค้าดีวีดีเรคคอเดอร์ พร้อมอัดฉีดเม็ดเงิน 100 ล้านบาท ทำตลาด 3 เดือนสุดท้ายของปี มั่นใจทั้งปีมีรายได้เติบโตขึ้น 30%
นายฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ด้านภาพและเสียง บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากขึ้น และจะเป็นสินค้าในกลุ่มไฮเอนท์ทั้งหมด เนื่องจากพบว่า สินค้าในกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจแต่อย่างใด แต่ยังเติบโตดี โดยบริษัทฯได้พัฒนาสินค้าขึ้นมาใหม่ ให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงได้นำกลยุทธ์บลูโอเชี่ยนมาร์เก็ตติ้งมาใช้พัฒนาสินค้าอีกทางหนึ่งด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์การทำงานของสินค้าที่มีมากขึ้น แต่ราคาไม่สูงนัก
ล่าสุดบริษัทฯเตรียมลอนท์สินค้าใหม่ “ไทม์แมทชีนทีวี” จำนวน 3 รุ่น เป็นพลาสม่าทีวี 2 รุ่น ขนาด 50 นิ้ว และ 42 นิ้ว และแอลซีดี 1 รุ่นโขนาด 42 นิ้ว คาดว่าในระยะ 3 เดือน ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค. 49 จะสามารถจำหน่ายไทม์แมทชีนได้กว่า 40% ของรายได้ในหมวดจอภาพทั้งหมด และช่วยให้กลุ่มพลาสม่าทีวีมีมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิม 25% และแอลซีดีจากเดิมมีมาร์เก็ตแชร์ 4% จะเพิ่มเป็น 15%
“ไทม์แมทชีนทีวี ถือเป็นสินค้าในลักษณะของบลูโอเชี่ยนมาร์เก็ตติ้ง ที่รวมเอาทีวีและดีวีดีเรคคอเดอร์มาไว้ในตัวเดียวกัน โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้นำเอาเทคโนโลยีที่จะช่วยให้สามารถบันทึกรายการอัตโนมัติ ”
นอกจากนี้ในส่วนของแฟลททีวีอีก 2 รุ่น ช่วงครึ่งปีหลังนี้ และจะออกซูเปอร์สลิมแฟลททีวีอีก 1 รุ่นในปลายปี รวมไปถึงกลุ่มพลาสม่าทีวีแอลจี จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 1 รุ่น ขนาด 60 นิ้ว
ส่วนทางด้านสินค้าในกลุ่มออดิโออย่างดีวีดีนั้น แอลจีเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่จำนวน 3 รุ่น เน้นเทคโนโลยี Divx ในขณะที่ครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายดีวีดี 4.6 หมื่นเครื่อง เติบโตขึ้น 27% และในตลาดรวมมีการเติบโตเพียง 10% คิดเป็นจำนวน 1.4 ล้านเครื่อง ทั้งนี้เนื่องมาจากราคาที่ถูกลง ทำให้การเติบโตในด้านมูลค่าไม่สูงมากนัก โดยในขณะนี้มีเอเจ โซเค่น และฟิลิปส์ ครองความเป็นผู้นำร่วมกัน โดยมีมาร์เก็ตแชร์ 9% อันดับสอง คือโซนี่ มีแชร์ 8% และอันดับสามคือ ไพโอเนียร์ และแอลจี มีแชร์ 6% เท่าๆ กัน
ในขณะที่กลุ่มดีวีดีเรคคอเดอร์นั้น บริษัทจะเปิดตัวใหม่อีก 3 รุ่นเช่นเดียวกัน โดยจะเน้นฟังก์ชั่น ซูเปอร์ มัลติ เรคคอดิ้ง ในขณะที่ปีนี้คาดว่าตลาดดีวีดีเรคคอเดอร์จะมีมูลค่าประมาณ 40,000 เครื่อง เติบโตขึ้น 50% แต่ในแง่มูลค่าเติบโตเพียง 19% เนื่องจากราคาที่ลดลงประมาณ 30% ทั้งนี้ไพโอเนียร์ครองอันดับหนึ่งในตลาดด้วยมาร์เก็ตแชร์ 22% รองลงมาคือ ฟิลิปส์ มีแชร์ 21% อันดับสาม คือ ซัมซุง มีแชร์ 15% อันดับสี่ คือ พานาโซนิค มีแชร์ 13% และแอลจีในอันดับที่ 5 มีแชร์เพียง 5 %
สำหรับการลอนท์สินค้าในครั้งนี้ บริษัทได้จัดเตรียมงบประมาณทางการตลาดไว้กว่า 100 ล้านบาท แบ่งเป็นบิโลว์เดอะไลน์กว่า 70% และอะโบพเดอะไลน์ 30% ในขณะที่ 90% ของงบการตลาดทั้งหมดจะใช้สำหรับ “ไทม์แมทชีนทีวี” ตลาดหลักคือกรุงเทพ ส่วนต่างจังหวัดเน้นหัวเมืองใหญ่ เบื้องต้นบริษัทฯจะเน้นช่องทางจำหน่ายผ่านดีลเลอร์ที่มีศักยภาพทางการขายสินค้าระดับไฮเอนด์ จำนวน 50 ราย จากดีลเลอร์ที่มีอยู่กว่า 500 รายทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรดที่สำคัญ มั่นใจว่าสิ้นปีบริษัทจะมีรายได้ในหมวดภาพและเสียงเติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 30% หรือทั้งปีสามารถจำหน่ายสินค้าได้กว่า 6 แสนยูนิต
|
|
|
|
|