Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2539
ไมโครซอฟท์ในศึกเน็ตเวิร์ก เลียนแบบ แล้วเข้าตีด้านหน้า             
โดย ยังดี วจีจันทร์
 


   
www resources

โฮมเพจ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย

   
search resources

ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย), บจก.
เน็ตสเคป คอมมิวนิเคชั่น
Computer




การปฏิวัติครั้งใหม่ในโลกคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยซัน ไมโครซิสเต็มส์ และเนตสเคป ได้ทำให้เกิดการทำนายว่า ไมโครซอฟท์จะสูญเสียบัลลังก์ เนตสเคปจะแทนที่ไมโครซอฟท์ เครื่องลูกข่ายราคาถูกของซัน ไมโครซิสเต็มส์ จะกวาดเครื่องพีซีตกไปจากเวทีประวัติศาสตร์ อันที่จริง ไมโครซอฟท์ก็มิได้ปฏิเสธว่าสภาพแวดล้อมทางการตลาดได้เปลี่ยนไปแล้ว และกำลังหาประโยชน์จากแนวทางของคู่แข่ง เพื่อแย่งธงชัยผืนใหม่ไว้ในมือ โดยอาศัยกลยุทธ์ เลียนแบบโอบล้อม แล้วเขาตีด้านหน้า

การบูมขึ้นของอินเตอร์เน็ต การขยายตัวของตลาดเซิรฟ์เวอร์ทำให้ตัวละคนเช่น บริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ ก็ยังเป็นภาพที่ตามหลอกหลอนได้เรื่อย ๆ

หากจะพูดว่า MICROSOFT IS STILL ALIVE ประโยคนี้ แม้จะเป็นบทเพลงที่ไม่ค่อยอยากมีผู้ร่วมประสานเสียง แต่ก็ยังต้องยอมรับว่า เป็นอมตะ

"จากการวิจัยพบว่า ในปี 2539-2542 อัตราเติบโตของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กจะเพิ่มขึ้น 70% ในกลุ่มองค์กรขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 19% ในกลุ่มองค์กรขนาดกลางและ 7% ในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทขนาดเล็กถึงกลางอยู่ถึง 30 ล้านแห่งทั่วโลก" คิม ยู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือที่เรียกกันว่า เซิร์ฟเวอร์ ย่อมประกอบไปด้วยตัวเครื่องฮาร์แวร์ และซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเรียกว่า โอเอสเซิร์ฟเวอร์นอกจากนั้นคือโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ

เป็นธุรกิจซึ่งกำลังขึ้นสู่กระแสสูง และแข่งขันช่วงชิงตลาดกันอย่างหนักมือ ยิ่งเมื่อมีการสร้างตลาดใหม่ ดังนี้

1) นำเอาเซิร์ฟเวอร์เข้าเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต เพื่อให้คอมพิวเตอร์ลูกข่ายในองค์กร สามารถใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตได้ด้วย

2) นำเอามาตรฐานการสื่อสารและเทคโนโลยีบนอินเตอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่อข่าย ในองค์กรหรือที่เรียกกันว่าอินทราเน็ต

3) นำเอาเครื่องเทอร์มิลอลราคาถูกเชื่อมต่อเข้าเซิร์ฟเวอร์ 4) ทั้งหมดก็ยิ่งทำให้ตลาดเซิร์ฟเวอร์ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ร้อนแรงยิ่งขึ้น เป็นเสมือนการเล่นหมากรุกในกระดานเก่า ซึ่งมีเพียงบริษัทอินเทล และไมโครซอฟท์ได้ประโยชน์สูงสุด

นี่เป็นวิสัยทัศน์อันงดงามที่สุดอีกครั้งหนึ่งในสงครามคอมพิวเตอร์ ซึ่งไมโครซอฟท์จำเป็น ต้องเปลี่ยนท่าทีของตนเองเสียใหม่ ก่อนจะกลายเป็นผู้ล้าหลังอย่างน้อยการขยายตัวของระบบเน็ตเวิร์กก็ทำให้เกิดคำพูดที่ว่า ในยุคเมนเฟรมผู้ชนะคือไอบีเอ็ม ในยุคเครื่องพีซี แอปเปิลคือวีรบุรุษ แต่ผู้ชนะคือไมโครซอฟท์ส่วนในยุคเน็ตเวิร์กปัจจุบัน เช่น อินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต ผู้ชนะคือซํน ไมโครซิสเต็มส์ และเนตสเคป

การทำงานเป็นเครือข่ายนั้นจะล้มระบบการตลาดแบบเดิม ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องพีซีในแบบสแตนด์ อะโลน มีราคาแพงอยู่ในระดับ 30,000-70,000 บาท เข้าสู่การให้เซิร์ฟเวอร์เป็นศูนย์กลาง โดยมีเทอร์มินอลราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเครื่องละหมื่นบาทเท่านั้น ทั้งยังอาจจะมีราคาถูกเรื่อย ๆ หากตลาดขยายตัว ค้าขายกันในวอลุ่มมาก ๆ

แนวคิดนี้ มีซัน ไมโคร ซิสเต็มส์ เป็นผู้นำ ประกอบด้วยแนวร่วมเช่น ไอ บี เอ็ม ออราเคิล เนตสเคป และกระทั่งอดีตอเมริกันฮีโร่ เช่น แอปเปิล คอมพิวเตอร์ ได้บีบบังคับให้ไมโครซอฟท์ และอินเทลต้องปรับตัวสู่ตลาดระดับบน และอินเตอร์เน็ตเนื่องจากตลาดเครื่องพีซีราคาแพงเริ่มไม่สอดคล้องกับโลกภิวัฒน์ซึ่งมีแต่คนกระเป๋าฉีก

ในตลาดเก่า อินเทลได้ประโยชน์จากการไมโครโปรเซสเซอร์ ไมโครซอฟท์ได้ประโยชน์จากการขายระบบปฏิบัติการทั้งสองฝ่ายรวมกันเป็นมาตรฐาน "วินเทล" ซึ่งครองตลาดอยู่ถึง 90% แต่ถึงที่สุด อินเทล และไมโครซอฟท์ ซึ่งแม้จะทำทีบ่ายเบี่ยงไม่เห็นด้วยกับเทอร์มินอลราคาถูกในตอนแรก ก็เริ่มมีดวงตาเห็นธรรมว่า 1) มนุษย์ต้องไปสู่อินเตอร์เน็ต 2๗ มนุษย์ต้องทำงานเป็นกลุ่ม 3) เทอร์มินอลต้องมีราคาถูกกว่านี้

หากคอมพิวเตอร์ราคาไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นบาท ถูกใช้ในลักษณ์เครื่องพิมพ์ดีดสูงขึ้นมาอีหน่อยก็คือ แชร์ไฟล์ข้อมูลก็เท่ากับใช้งานเพียง 10% ของความสามารถของตัวเครื่อง เมื่อเป็นเช่นนี้ การมีเทอร์มินอลราคาถูก โดยลดสเป็กลงมา เพราะเก็บฮาร์ดดิสก์ไดว้ที่เซิร์ฟเวอร์ ก็นับว่าสมเหตุสมผล

แนวคิดง่าย ๆ เช่นนี้ ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องปรับจุดยืนของตนเองอีกครั้งหนึ่ง

ไมโครซอฟท์ชิงลงมือเน็ตพีซี

หลักฐานยืนยันคือ ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่ซัน ไมโครซิสเต็มส์ จะเปิดตัวเน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า จาวาสเตชั่น ราคาเครื่องละ 742 เหรียญสหรัฐ ไมโครซอฟท์ก็รีบออกมาประกาศก่อนหน้าเพียงวันเดียวว่า ตนและพันธมิตรในกลุ่มอินเทลมีแผนที่จะทำ "เน็ตพีซี" ซึ่งเป็นพีซีราคาถูกเช่นเดียวกัน นี่เป็นแถลงโดยโฆษกไมโครซอฟท์ มิใช่การซุบซิบนินทาที่ไหน แม้ไมโครซอฟท์ถูกกล่าวว่า "พลิกลิ้น" ก็คงไม่สนใจนักเพราะนักการตลาดย่อมรู้ดีว่า อิทธิพลทางการตลาดที่แท้จริงอยู่ที่ขายสินค้าได้มากหรือไม่

ในขณะเดียวกัน อินเทลก็ตระหนักดีว่า เครื่องพีซีในปัจจุบันราคา 1,500-2,000 เหรียญสหรัฐ จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาประมาณ 6,000-12,000 เหรียญ จึงมีแผนหารือกับบริษัทฮาร์ดแวร์ เพื่อผลิตเครื่องพีซีที่ลดต้นทุนในการบำรุงรักษา

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะเห็นได้ว่า ทิศทางของโลกคอมพิวเตอร์นั้นเป็นไปในแนวทาง THE NETWORK IS THE COMPUTER ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของซัน ไมโครซิสเต็มส์มาตั้งแต่ก่อนบริษัทนี้ เป็นเวลาประมาณ 14 ปีแล้ว

ในความเป็นจริง ซัน ไมโครซิสเต็มส์ เติบโตขึ้นมาจากตลาดเฉพาะทางโดยการนำเสนอเครื่องเวิร์กสเตชั่น มีสมรรถนะในการประมวลผลสูง เหมาะสำหรับการทำงานออกแบบหรือ CAD/CAM ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ต่อมาได้ผลติเครื่องแม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์ แล้วผลักดันคอนเซ็ปต์ แม่ข่าย/ลูกข่ายคอมพิวเตอร์ หรือไคลเอนต์/เซิฟร์เวอร์ขึ้นมาในตลาดโลก อันเป็นการเริ่มตลาดเน็ตเวิร์กอย่างจริงจัง ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมาก

ขั้นต่อมาจึงเปิดเกมการตลาดขึ้นบนอินเตอร์เน็ต โดยพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ ที่ใช้บนเครือข่ายนี้ถึง 80% เซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเตอร์เน็ตก็เป็นผลิตภัณฑ์ของซันถึง 60% ดังนั้น หากไมโครซอฟท์ไม่ปรับตัว ซัน ไมโครซิสเต็มส์ก็จะเป็นฝ่ายกำชัยได้โดยง่ายในตลาดใหม่

ในทิศทางใหม่นี้ โครงสร้างการตลาดจะประกอบไปด้วย

1) เครือข่ายอินเตอร์เน็ต

2) เครือข่ายภายในองค์กร

3) เครื่องแม่ข่าย หรือเซิร์ฟเวอร์

4) เครื่องแม่ข่ายหรือเทอร์มินอลราคาถูก เช่น เน็ตเวิรก์คอมพิวเตอร์

5) ระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์หรือโอเอสเซิร์ฟเวอร์

6) ความเร็วของชิปหรือตัวประมวลผล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่คอยกำหนดเทคโนโลยีด้านเน็ตเวิร์ก และระบบปฏิบัติการ

หากต้องการตักตวงเงินทองในสงครามคอมพิวเตอร์ ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ก็ต้องขึ้นต่อ โครงสร้างดังกล่าว และพยายามทำตัวเป็นมาตรฐานในองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อกีดกันคู่แข่งขันออกจากตลาดซึ่งในระยะเริ่มต้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

ในเกมใหม่ ไมโครซอฟท์ปรับตัวรวดเร็วมาก ดูได้จากวิธีคิด

วุฒิชัย รุจิระประภา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว กับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่าในแต่ละปีเทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ คือตัวประมวลผลจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในแง่ของความเร็ว

"เวลาไมโครซอฟท์ทำธุรกิจ ไมโครซอฟท์จะมองความก้าวหน้าของฮาร์ดแวร์และเน็ตเวิร์ก ว่าเป็นเช่นไร หากฮาร์ดแวร์เป็นเพนเทียมโปร ระบบปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์ เอ็นที ก็ต้องสอดคล้องกัน"

ไมโครซอฟท์กำลังนำเสนอวินโดวส์เอ็นที ขึ้นมาเป็นมาตรฐานระบบปฏิบัติการบนเครือ ข่าย เพื่อดึงดูดแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ให้มาอยู่ล้อมรอบไมโครซอฟท์ ไม่ต่างจากที่ไมโครซอฟท์เคยนำเสนอระบบปฏิบัติการดอสและวินโดวส์ เวอร์ชั่นต่าง ๆ เข้ายึดกุมตลาดพีซีแบบสแตนด์ อะโลนและโปรแกรมเมอร์ก็ต้องเขียนโปรแกรมให้สอดคล้องกับระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด

ในภารกิจครั้งใหม่ การยึดกุมตลาดระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์ ไมโครซอฟท์ต้องแย่ง ชิงเจ้าตลาดกับเน็ตแวร์ของบริษัทโนเวลล์ และยูนิกซ์ ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่นเพราะเป็นของหลายบริษัท ในส่วนการแข่งขันด้านโปรแกรมประยุกต์บนเครือข่ายไมโครซอฟท์ดูจะต้องขับเคี่ยวอย่างหนักกับเนตสเคป คอมมิวนิเคชั่น ซึ่งมีโปรแกรมนำทางหรือบราวเซอร์ตัวดังคือ เนตสเคป นาวิเกเตอร์

"ไมโครวอฟท์ฟาดฟันกับเนตสเคปมิใช่แค่เรื่องบราวเซอร์ แต่ยังมีเรื่องแอพพลิเคชั่นบน อินทราเน็ต หรือเว็บ เซิร์ฟเวอร์ ด้วย เพราะส่วนที่จะทำเงินคือตรงนี้" อาภารณ์ ศรีพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการไมโครซอฟท์ กล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

โลกคอมพิวเตอร์นั้นปรับเปลี่ยนไปตามวิวัฒนาการทางสังคมและธรรมชาติ ดังนั้น ใครไม่เปลี่ยนแปลงก็มีสิทธิ์ตกเวทีประวัติศาสตร์ ทว่ากุญแจสำคัญของไมโครซอฟท์ที่จะเอาชนะคือ 1) เลียนแบบ 2) ทำให้ดีกว่า 3) ทำให้กระหึ่ม

ตัวอย่างการเลียนแบบเพื่อทำให้ดีกว่าของไมโครซอฟท์คือ โปรแกรมระบบปฏิบัติการวิน โวส์ 95 ซึ่งมีลักษณะ USER FRIENDLY คล้ายระบบปฏิบัติการแมคโอเอสของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ ทั้งสองฝ่ายล้วนนำแนวคิดในการสร้างสรรค์มาจากบริษัทซีร็อกซ์

ส่วนวิธีการทำให้กระหึ่มจะสังเกตเห็นได้ว่า เมื่อตอนจะเปิดตัววินโดวส์ 95 นั้น มีอาการดรคเลื่อนด้วยสาเหตุต่าง ๆ อยู่หลายครั้งทุกครั้งสื่อมวลชนทั่วโลกจะรายงานข่าวกันราวกับโปรแกรมนี้เป็นร็อกสตาร์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วินโดวส์ 95 จึงดังไม่รู้เรื่อง เมื่อเทียบกับโอเอส ทู/วอร์ป ของไอบีเอ็ม

หากจะมองว่าไอบีเอ็มเป็นพวกลูกผู้ดี ลูกชาวบ้านอย่างไมโครซอฟท์ก็ยิ้มเยาะไอบีเอ็มมาหลายหน

ซัน ไมโครซิสเต็มส์, เนตสเคป และโนเวลล์ เจ้าของระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเรียกว่า เน็ตแวร์ กำลังจะได้ลองลิ้มชิมรสแท็กติกเก่า ๆ ของไมโครซอฟท์อีกครั้งหนึ่ง

ก้าวร้าว แต่รู้ใจชาวบ้าน

แม้แต่บิล เกตส์ ก็ยอมรับเช่นนี้เพียงแต่ย้ำว่า ผลิตภัณฑ์ ต้องมีหมัดเด็ดราคาถูก ซึ่งจะทำให้ขายได้ง่าย จากนั้นก็จะเกิดผลกระทบในเชิงบวก กล่าวคือทุกฝ่ายจะถูกดึงดูดเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ของเขา

นี่น่าจะเป็นจุดแข็งและอันตรายที่สุดของไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นนักการตลาดอย่างเต็มตัว

บุคลิกของบิล เกตส์นั้นออกจะก้าวร้าว แต่ก็เป็นคนยอมรับความจริงในบางโอกาส สังเกตได้จากยามอยู่หน้าจอทีวีพลาสมาขอโซนี่ ในงานคอมเด็กซ์'95 เขาจะซักถามอย่างสนอกสนใจ เช่นเดียวกับเมื่อ "ผู้จัดการรายเดือน" ถามวุฒิชัยว่าคนของไมโครซอฟท์นั้นเป็นเช่นไร เขาตอบว่า "ต้องแอเกรสซีฟ แต่พูดคุยกับคนรอบข้างได้อย่างเข้าอกเข้าใจ"

ไม่ว่าจะก้าวร้าวอย่างไร ไมโครซอฟท์ก็เป็นคนรู้ใจชาวบ้าน และพยายามออกผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเสมอ จึงไม่แปลกที่เมื่อกระแสอินเตอร์เน็นขึ้นสูงไมโครซอฟท์จึงพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับอินเตอร์เน้ต และอินทราเน็ต

อินทราเน็ตเป็นศัพท์ที่คิดกันขึ้นมาเพื่อที่จะขายสินค้า บริษัทที่จะใช้ซอฟต์แวร์อินทราเน็ต จะต้องมีเครือข่ายภายในอยู่แล้ว

"แต่อินทราเน็ตก็เป็นมุมมองที่ดีเพราะจะทำให้ผู้จัดการด้านระบบสารสนเทศรู้ว่าประโยชน์ของเซิร์ฟเวอร์มิใช่แค่การใช้งานด้าน FILE&PRINT เท่านั้น แต่ยังต้องทำงานด้านแอพพลิเคชั่นได้ด้วย" วุฒิชันกล่าวเหมือนเห็นชัยชนะอยู่รำไร

ยังห่างเนตสเคปหลายช่วงตัว

ทางด้านเน็ตสเคป คอมมิวนิเคชั่น เป็นคู่แข่งที่ทิ้งห่างไมโครซอฟท์ไปหลายช่วงตัว ในตลาดโปรแกรมนำทางบนอินเตอร์เน็ต (บราวเซอร์) และตลาดเว็บ เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเรียกกันว่า อินทราเน็ต แต่หากวิเคราะห์ถึงบุคลิกของผู้นำบริษัท ก็จะเห็นได้ว่าพวกเนตสเคปนั้นเป็นพวกเล่นโปรแกรมระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ซึ่งมีพื้นฐานอยู่ตามมหาวิทยาลัย และใช้งานยาก ขณะที่ไมโครซอฟท์เป็นพวกขายระบบปฏิบัติการดอส และวินโดวส์มาร่วมสองทศวรรษความรู้ใจผู้บริโภคมากกว่านับเป็นแต้มต่อสำคัญในการวางเกมตลาด

แม้จะเป็นการเดินตามเนตสเคป แต่ไมโครซอฟท์ก็ได้เปรียบในแง่การมีผลติภัณฑ์ที่ครบวงจรมากกว่า คือมิได้มีเพียงระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่นบนเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำตลาดระบบปฏิบัติการบนเครื่องพีซีซึ่งเป็นตัวลูก ซึ่งจะทำให้ไมโครซอฟท์ผลักดันตลาดเซิร์ฟเวอร์ได้ง่าย เพราะตัวแม่และตัวลูกเป็นมาตรฐานเดียวกัน

แต่กระนั้นก็ดี นี่ก็เป็นสงครามในระดับตัดไม้ข่มนามกันเท่านั้น เนตสเคปยังเป็นผู้ครองตลาดอินทราเน็ตมากที่สุดในโลก โดยในไตรมาสที่ผ่านมาทำกำไร 7.7 ล้านดอลลาร์ และสร้างสถิติยอดขายประจำไตรมาสเกิน 100 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เปิดกิจการเป็นต้นมา

ส่วนกรณีไมโครซอฟท์วางตลาดวินโดวส์ เอ็นที ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์ ในขั้นตอนของการดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ ดำเนินไปตามคอนเซ็ปต์ เลียนแบบ แล้วทำให้ดีกว่า มีหมัดเด็ด ราคาถูก และสร้างความกระหึ่ม ทุกประการ

หมัดเด็ดถล่มเน็ตแวร์

เดิมผู้นำตลาดระบบปฏิบัติการบนเครือข่ายคือ เน็ตแวร์ของบริษัทโนเวลล์ ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ทำหน้าที่ในแง่ FILE&PRINT เท่านั้น ส่นยูนิกซ์นั้นเป็นพลังที่ก้าวหน้ากว่า คือเป็นระบบปฏิบัติการที่ทำงานด้านโปรแกรมประยุกต์ได้

ดังนั้น แนวคิดในการสร้างระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์คือ 1) ระบบปฏิบัติการเช่นเน็ตแวร์ มีความสามารถจำกัดอยู่แค่ FILE&PRINT 2) ในขณะที่ยูนิกซ์นั้นเป็นระบบที่จะได้รับความนิยมในวันข้างหน้า 3) กระแสอินเตอร์เน็ตกำลังมาแรง โดยมีเนตสเคป เป็นผู้ตักตวงเงินทองจากโปรแกรมบราวเซอร์ และ เว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งถือได้ว่า เป็นแอพพลิเคชั่นอย่างหนึ่ง

ไมโครซอฟท์จึงนำเอาคุณลักษณะทั้งสามประการมาดีไซน์วินโดวส์ เอ็นทีทำให้มีแต้มต่อเหนือเน็ตแวร์คือ มีคุณสมบัติเป็นทั้ง FILE&PRINT SERVER, APPLICATION SERVER และ WEB SERVER

นี่พอจะถือได้ว่า เป็นหมัดเด็ด

วงจรเก่ากลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง

วันนี้ วงจรเก่ากำลังกลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่งในตลาดใหม่

เพียงแต่ไมโครซอฟต์อาศัยตลาดซอฟต์แวร์บนพีซีเป็นฐาน แล้วขยายการตลาดขึ้นสู่ระดับบนคือเซิร์ฟเวอร์ คอมแพคในฐานะฮาร์ดแวร์คอมปานีก็ทำเช่นนี้ เพราะการขายเครื่องพีซีนั้น มีมาร์จินน้อยลงทุนวัน ขายเครื่องเซิร์ฟเวอร์ มีมาร์จินสูงกว่า อย่างไรก็ตาม คอมแพคนี้นเป็นบริษัทที่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเองแต่การที่เป็นผู้นำตลาดพีซี ก็สามารถที่จะดึงดูดพันธมิตรรายสำคัญ เช่น อินเทล ไมโครซอฟท์ เข้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑืได้

"คอมแพคต้องไปสู่ยุคเครือข่าย และเราก็จะก้าวเข้าสู่ยุคมีเทอร์มินอลราคาถูกหรือเครื่องคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน โดยต่อเข้ากับเซิร์ฟเวอร์" พีรพงษ์ เอื้อสุนทรวัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัทคอมแพค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นอันแสดงถึงทิศทางของตลาดใหม่ที่ใครปฏิเสธไม่ได้

ส่วนไอบีเอ็ม อดีตเจ้าตลาดเมนเฟรมและมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แทบทุกแขนงนั้น ก็เคลื่อนตัวจากตลาดระดับบนลงล่างโดยการปรับเครื่องเมนเฟรมทุกสถาปัตยกรรมให้สามารถทำงานในลักษณะไคลเอนต์/เซิร์ฟเวอร์

ในที่สุด จุดศูนย์กลางของโลกคอมพิวเตอร์ ก็จะอยู่ที่การวัดฝีไม้ลายมือกันที่เซิร์ฟเวอร์และเทอร์มินอลราคาถูก

ไม่ว่าจะเป็นไอบีเอ็ม, คอมแพค, ออราเคิล, ฮิวเลตต์ แพคการ์ด, เอเซอร์, ซัน ไมโครวิสเต็มส์, อินเทล, แอปเปิลคอมพิวเตอร์, เนตสเคป คอมมิวนิเคชั่น, ดิจิตอล อิควิปเมนท์ และไมโครซอฟท์ต่างก็เคลื่อนทัพมาประจันหน้ากันในตลาดนี้ เพียงแต่ว่า ใครจะเป็นพันธมิตรกับใคร ใครจะสู้รบในปีกไหน และลักษณะโครงสร้างทางการตลาดจะทำให้ใครเป็นผู้ได้เปรียบ

"ปีนี้เป็นปีแรกที่อินเทลจะผลักดันอุปกรณ์เน็ตเวิร์กทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ อย่างจริงจัง อินเทล นับว่ายังใหม่มากสำหรับการทำตลาดเน็ตเวิร์กในชื่อของอินเทล แต่อันที่จริงอินเทลก็ทำอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี" ดุลยรัตน์ รัตนมังคละ ผู้จัดการบริษัทอินเทลไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัดให้ความเห็น

สะท้อนถึงการหาประโยชน์จากตลาดใหม่ แม้การเกิดเน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ชิปของอินเทลอีกต่อไปจะสั่นคลอนบัลลังก์พีซีของอินเทลก็ตามแต่การปฏิเสธยุทธศาตร์ THE NETWORK IS THE COMPUTER ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น

ในด้านระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์ความได้เปรียบก็จะตกอยู่กับไมโครซอฟท์เพราะมีฟีเจอร์ (feature) มากกว่า ใช้งานง่ายกว่า และใช้ได้กับเครื่องฮาร์ดแวร์ทุกสถาปัตยกรรม

นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ซึ่งแข็งแกร่งด้วยกำลังเงิน เพราะร่ำรวยจากซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาเนิ่นนาน ก็ใช้วิธีการประกอบคู่ต่อสู้อย่างชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันทีเดียว

ไมโครซอฟต์วางตลาดโปรแกรมอินเตอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์ออกมาแข่งกับโปรแกรมเนตสเคป นาวิเกเตอร์ ทั้งสองโปรแกรมทำหน้าที่เหมืนอกับเป็น FILE MANAGER สำหรับเน็ตเวิร์ก แต่เป็นการทำงานที่ตัวลูกข่าย ไม่ใช่แม่ข่าย

กลยุทธ์ของเนตสเคปคือ ใช้ประโยชน์จากการมีบราวเซอร์ยอดนิยม ดึงลูกค้าเข้าสู่การใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ของตนเอง ดังนั้น ไมโครซอฟท์จึงเปิดยุทธการแจกฟรีเอ็กซ์พลอเรอร์ สกัดกั้นอย่างเต็มที่

"ในเชิงการตลาดเนตสเคปเขาให้ดาวน์โหลดนาวิเกเตอร์ของเขาก็จริง ดาวน์โหลดเอาโปรแกรมไปใช้ได้ฟรี แต่ต้องเสียเงินทีหลัง หากมาตรวจแล้วพบ ต่างจากไมโครซอฟท์ เราให้เอ็กซ์พลอเรอร์ใช้ฟรี แต่มีกระดาษให้เซ็นไว้ว่าจะใช้เพียงภายในองค์กรเท่านั้น" วุฒิชัยกล่าว

กลายเป็นผู้นำบนอินเตอร์เน็ต

หลังจากถูกกระแหนะกระแหนจากวงการคอมพิวเตอร์ว่า ไมโครซอฟท์เกือบสิ้นท่า เพราะไม่ให้ความสำคัญกับอินเตอร์เน็ต สังเกตได้จากการผลักดัน "ไมโครซอฟท์เน็นเวิร์ก" เพื่อทำธุรกิจเครือข่ายระดับโลก แต่ในปีนี้ไมโครซอฟท์กำลังทำตัวเป็นผู้ชำนาญการอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต เหมือนซัน ไมดครซิสเต็มส์และเนตสเคปไปเสียแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับโนเวลล์ เจ้าตลาดระบบปฏิบัติการบนเน็ตเวิร์ก ก็จะเห็นได้ว่า โนเวลล์ปรังตัวช้ามาก และการออกแบบเน็ตแวร์แต่เริ่มแรก ก็มิได้ออกมารองรับเรื่องอินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ตต่างจากวินโดวส์ เอ็นที ซึ่งมีทิศทางที่ถูกตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ นั่นคือคอนเซ็ปต์ต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ ส่วนเรื่องโปรแกรมประยุกต์เป็นเรื่องที่จะต้องแข่งขันกันในภายหลัง

ไม่ต่างจากตลาดโปรแกรมบนเครื่องพีซี ซึ่งไมโครซอฟท์ชิงเป็นผู้นำตลาดระบบปฏิบัติการก่อน จากนั้นจึงสร้างโปรแกรมประยุกต์ระดับคลาสสิก เช่น ไมโครซอฟท์ เวิร์ด และเอ็กเซล ทำให้โปรแกรมเมอร์ค่ายอื่น ๆ ไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเมื่อไมโครซอฟท์เป็นเจ้าของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ และออกแบบโปรแกรมให้สอดคล้องกับระบบปฏิบัติการของตนเองก็ย่อมมีความได้เปรียบ

"ในที่สุดวินโดวส์ เอ็นที ก็คงแย่งตลาดเน็ตแวร์ได้ เพราะมันออกแบบมาดีกว่าแต่การจะแย่งตลดายูนิกซ์นั้นไม่ใช่ง่าย เพราะยูนิกซ์นั้นสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นและอยู่ในตลาดมานาน จึงดีกว่าในแง่มาตรฐาน" ไตรรัตน์ ใจสำราญ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทลอจิก กล่าว

บริษัทนี้เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของซัน ไมโครซิสเต็มส์ ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์

"ตอนนี้เลิกพูดถึงเน็ตแวร์ไปได้เลยต้องเจ้าใจเช่นนี้ เพราะมันคนละยุคแล้วในยุคนี้ เมื่อผู้บริหารระบบสารสนเทศเขาเข้าใจดีแล้วว่า ระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์สามารถทำงานในด้านแอพพลิเคชั่นได้รวมทั้งทำงานในด้านแว็บ เซิร์ฟเวอร์ ก็ต้องเป็นยุคการแข่งขันระหว่างยูนิกซ์ และวินโดวส์ เอ็นที" วุฒิชัยกล่าว

พ่ายด้านวิสัยทัศน์ แต่ยังไม่แพ้ด้านตลาด

ในการรุกรบครั้งใหม่ ซึ่งไมโครซอฟท์จำต้องเดินตามแนวทาง THE NETWORK IS THE COMPUTER เพื่อรักษาบัลลังก์ตนเอง ด่านแรกที่ไมโครซอฟท์จะต้องเอาชนะคือ การชิงส่วนแบ่งการตลาดจากเน็ตแวร์ของโนเวลล์ จากนั้นก็โค่นยูนิกซ์เพื่อเป็นเจ้าตลาดระบบปฏิบัติการบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบเครือข่าย

ขั้นต่อไปในด้านโปรแกรมประยุกต์บนเซิร์ฟเวอร์หรือที่เรียกว่า แอพพลิเคชั่นเซิร์ฟเวอร์ และเว็บ เซิร์ฟเวอร์ ไมโครซอฟท์ก็ต้องเอาชนะซัน ไมโครซิสเต็มส์และเนตสเคป จากนั้นจึงไปสู่การเอาชนะในเรื่องเทอร์มินอลราคาถูกที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์

นี่เป็นภาพร่างที่ไม่อาจเป็นจริงได้ง่ายนัก อาการหวั่นเกรวงว่า ไมโครซอฟท์จะผูกขาดกํยังเป็นภาพหลอนวงการอยู่เสมอจนผู้บริหารระบบสารสนเทศบางรายกล่าวว่า "คงไม่จำเป็นหรอก ที่โลกนี้จะมีระบบปฏิบัติการอยู่เพียงระบบเดียว"

ความน่ากลัวของไมโครซอฟท์อยู่ที่การไม่แข็งขืนต่อระบบใหม่ แต่กลับทำปฏิเสธ แล้วชิงลงมือทำตลาด เหมือนกองทัพที่โห่ร้องทางตะวันตก แล้วเขาตีทางตะวันออก ซึ่งทำให้ศัตรูตายใจและย่อยยับ

การปฎิบัติในวงการคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดดาวดวงใหม่อยู่เสมอ ในขณะที่ดาวดวงเก่ารักษาตำแหน่งไว้ไม่ได้ การปฏิวัติพีซี ทำให้เกิดแอปเปิล คอมพิวเตอร์อินเทล และไมโครซอฟท์ ส่วนไอบีเอ็มอยู่ในภาวะเสื่อมถอย แนวทาง THE NETWORK IS THE COMPUTER ทำให้เกิดซันไมโครซิสเต็มส์ และเนตสเคป คอมมิวนิเคชั่น

หากไมโครซอฟท์ซึ่งพ่ายแพ้ไปแล้วในเชิงวิสัยทัศน์ ยังรักษาบัลลังก์ตนเองไว้ได้ก็ต้องนับว่า ยอดฝีมือ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us