Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 สิงหาคม 2549
"ไทยพาณิชย์" เน้น LTF จับกลุ่มเสียภาษี 10-20%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

   
search resources

Funds
ไทยพาณิชย์, บลจ.




บลจ.ไทยพาณิชย์ประกาศบุกตลาดกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) งัดกลยุทธ์ใหม่ ดึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในฐานการเสียภาษี 10-20% เข้าพอร์ต เหตุลูกค้ากลุ่มที่มีฐานการเสียภาษี 30-37% มีการลงทุนอยู่แล้วในหลายบลจ. ไม่จำเป็นต้องไปแย่งใคร พร้อมเดินหน้าส่งเจ้าหน้าที่บุกให้ความรู้ถึงที่ ควบคู่สาขาธนาคารไทยพาณิชย์กว่า 700 สาขาทั่วประเทศช่วยหนุน ตั้งเป้า NAV ขยับแตะ 8,000 ล้านบาท จาก 4,500 ล้านบาท ในปัจจุบัน

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเน้นการทำตลาดสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มากขึ้น โดยกลยุทธ์ของบริษัทจะเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในฐานการเสียภาษี 10-20% เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ยังไม่มีการลงทุนมากนัก โดยเฉพาะการลงทุนผ่านกองทุน LTF

ทั้งนี้ที่ผ่านมาการทำตลาดกองทุน LTF ของบริษัทจัดการกองทุนส่วนใหญ่ จะเน้นกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในฐานการเสียภาษี 30-37% เป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับสิทธิทางภาษีอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การที่ลูกค้ากลุ่มนี้มีการลงทุนค่อนข้างมากอยู่แล้ว และส่วนหนึ่งก็ลงทุนเต็มวงเงินที่ได้รับการลดหย่อนภาษี จึงทำให้การขยายฐานลูกค้าเหล่านี้เป็นไปได้ยาก อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็เป็นฐานเดิมที่ลงทุนผ่านบริษัทจัดการกองทุนหลายแห่ง และไม่ได้มีการลงทุนผ่านกองทุน LTF เพียงกองเดียวเท่านั้น

"นักลงทุนปัจจุบันเป็นฐานลูกค้าเดิมที่มีการลงทุนผ่านบริษัทจัดการกองทุนหลายแห่งอยู่แล้ว เรามาหาคนใหม่ๆ ที่ยังไม่มีการลงทุนดีกว่า ซึ่งการที่กลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่เข้าใจการลงทุนมากนัก เราก็ต้องลงไปคุยกับเขา" นายอดิศรกล่าว

สำหรับกลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในฐานการเสียภาษี 10-20% นั้น มายอดิศรกล่าวว่า จะต้องลงไปให้ความรู้และพูดคุยกับลูกค้ากลุ่มนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนผ่านกองทุน LTF มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งยังไม่รู้จักกองทุน LTF เลยก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับการทำการตลาดในครั้งนี้ โดยกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในฐานการเสียภาษี 10-20% ที่บริษัทจะเข้าไป เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทจะใช้เครือข่ายสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีอยู่กว่า 700 สาขา เป็นช่องทางหนึ่งในการให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ซึ่งจำนวนกว่า 700 สาขานั้น ก็มีเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนที่ได้รับอนุญาตประจำอยู่ทุกสาขาด้วย โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะสามารถให้ข้อมูลการลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทต่างๆ รวมถึงกองทุน LTF แก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงทั่วประเทศ

"ความยากในการทำตลาดตอนนี้ คือคนกลุ่มนี้อาจจะไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการอธิบายให้นักลงทุนเหล่านี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน ซึ่งนอกจากเราจะเข้าไปคุยกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรงแล้ว เรายังจะใช้เครือข่ายธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงและสร้างความเข้าใจให้แก่กลุ่มเป้าหมายด้วย" นายอดิศรกล่าว

กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์กล่าวว่า การเข้ามาทำการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประโยชน์ให้กับผู้ลงทุน และถือเป็นหน้าที่ของบริษัทจัดการกองทุนส่วนหนึ่งที่ทำแล้วสังคมได้ประโยชน์กลับไป และเชื่อว่าถ้าเรามีความมั่นใจว่าพัฒนาการลงทุนของประเทศจะสามารถเติบโตและขยายตัวต่อไปได้อีก คนกลุ่มนี้ก็จะเติบโตต่อไปในภายภาคหน้าควบคู่กันไปเช่นกัน

ทั้งนี้ จากแผนการตลาดดังกล่าว บริษัทตั้งเป้ามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) สำหรับกองทุน LTF เป็น 8,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้ จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่มีอยู่ประมาณ 4,500 ล้านบาทในปัจจุบัน โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุน LTF มีเงินลงทุนใหม่เข้ามาเพิ่มประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามเป้า ก็จะทำให้กองทุน LTF ของบริษัทขยายตัวได้ 100% เท่ากับปีที่ผ่านมา

ในขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ทั้ง 3 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส (SCBLT2) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ (SCBLT3) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วงกว่า 20 เดือน ที่จัดตั้งกองทุนมาประมาณ 10%

สำหรับแผนการดำเนินงานทั้งปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารเป็น 1.4 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารรวม 1.3 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม เดิมเป้าหมายทั้งปีนี้ของบริษัทอยู่ที่ 1.25 แสนล้านบาท แต่หลังจากผลการดำเนินงานทะลุเป้า บริษัทจึงได้ปรับเป้าใหม่ดังกล่าว โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนจะออกกองทุนตราสารหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นก็จะมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1 กองทุน และเน้นการทำตลาดกองทุน LTF ด้วย ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่บริษัทวางไว้ ทั้งปีนี้บริษัทจะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 30%

ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่เพิ่มขึ้นมา ส่วนใหญ่มาจากกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีเงินลงทุนใหม่จากตราสารหนี้เข้ามาประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท โดยมีบางส่วนที่ครบกำหนดอายุกองทุนไปด้วย ซึ่งทั้งปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถระดมทุนจากกองทุนทุกประเภทได้ทั้งหมดประมาณ 20,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us