Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 สิงหาคม 2549
เอ็กโกฟุ้งแผน5ปีผุดโรงไฟฟ้า4แห่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ผลิตไฟฟ้า, บมจ.
Electricity




เอ็กโก ฟุ้งแผนลงทุน 5 ปี (2549-53) ผุด 4 โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ดึงมาร์เก็ตแชร์ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 9%เป็น 11% เตรียมใส่เงินเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี 50% ในพ.ย.นี้ เผยขณะนี้มีเงินสดในมือ 8 พันล้าน คาดภายในครึ่งแรกปี 50 จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติม 6 พันล้านบาทลงทุนในโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 ชำระหนี้โรงไฟฟ้าระยองและเพิ่มทุนในบีแอลซีพี

นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2549-2553) เอ็กโกมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้ามาใหม่จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้า 4 โครงการ ได้แก่ โครงการแก่งคอย 2 โครงการน้ำเทิน 2 โครงการกัลฟ์ยะลา กรีนและโครงการขยายกำลังการผลิตอมตะ พาวเวอร์ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,021 เมกะวัตต์ เมื่อรวมกับกำลังผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันที่ 2,405 เมกะวัตต์ ทำให้เอ็กโกมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 11%ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะธุรกิจและสินทรัพย์ (ดิวดิลิเจนซ์) โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงขนาด 1.4 พันเมกะวัตต์เพื่อซื้อหุ้นจากบริษัทไชน่าไลท์ เพาเวอร์ที่ถือหุ้นอยู่ 50% คาดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้ประมาณพ.ย.ศกนี้

โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีนั้น จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานซึ่งมีเพียงพอ แต่ในอนาคตบีแอลซีพีจะมีการทยอยเรียกเงินเพิ่มทุน ทำให้เอ็กโกจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติมภายในครึ่งแรกของปี 2550 ขณะเดียวกันบริษัทก็จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีได้เริ่มป้อนไฟเข้าสู่ระบบกฟผ.แล้ว

นายวิศิษฎ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทยังมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบใหม่ ซึ่งเดิมแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้า (PDP)จะต้องมีปริมาณไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.3 หมื่นเมกะวัตต์ แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง คาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพียง 9 พันเมกะวัตต์ ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นการลงทุนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เหลือจะเป็นการเปิดประมูลให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ

ซึ่งเอ็กโกประเมินศักยภาพการแข่งขันพบว่ามีความพร้อมทั้งพื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า บุคลากรที่เชี่ยวชาญเมื่อเทียบกับคู่แข่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถชนะการประมูลคิดเป็นสัดส่วน 30% ของปริมาณเมกะวัตต์ที่เปิดประมูล 4.5 พันเมกะวัตต์ โดยบริษัทสนใจที่จะสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯและถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าของไทยพึ่งพาการใช้ก๊าซฯสูงถึง 70% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมากจำเป็นต้องแก้ไขโดยหาเชื้อเพลิงชนิดอื่นเสริม ซึ่งถ่านหินถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงต่ำและมีการพัฒนาเทคโนโลยีไปมากแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อบริษัทเข้าไปเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีครึ่งหนึ่ง จะทำให้บริษัทมีความคุ้นเคยโรงไฟฟ้าถ่านหิน รวมทั้งพันธมิตรอย่างบมจ.บ้านปู ก็มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมถ่านหินอยู่แล้ว ดังนั้น การเติบโตของเอกโกในปีที่ 6-10 (2554-2558) จะมาจากโครงการประมูลไอพีพีรอบใหม่ โครงการน้ำเทิน 1 ทางผู้ได้รับสัมปทาน คือ มาเลเซียได้ชักชวนให้เอ็กโกจะเข้าไปถือหุ้น 40% ซึ่งขณะนี้ได้เสนอราคาขายไฟฟ้าให้กระทรวงพลังงานพิจารณาอยู่ คาดว่าไฟฟ้าจะเข้าสู่ระบบในปี 2556

**เตรียมกู้เงิน6พันล้านกลางปี50

นายศักดา ศรีสังคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน เอ็กโก กล่าวว่า แผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2549-2553) บริษัทจะใช้เงินลงทุนรวม 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าต่างๆทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ เอ็กโกและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสด ณ สิ้นวันที่ 30 มิ.ย. 2549 ประมาณ 8.13 พันล้านบาท โดยกระแสเงินสดของเอ็กโกเอง 4-5 พันล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกระแสเงินสดของเอ็กโกและบริษัทย่อย 6.17 พันล้านบาท โดยวงเงินสดดังกล่าวส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ทั้งหมดของโรงไฟฟ้าระยอง จำนวน 80 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่เหลือจะจ่ายเป็นค่าหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี

อย่างไรก็ตาม ภายในไตรมาส 4/2549 ถึงกลางปีหน้า เอ็กโกมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติมจำนวน 6 พันล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 ประมาณ 1-2 พันล้านบาท คืนหนี้โรงไฟฟ้าระยอง 80 ล้านเหรียญสหรัฐ และ เงินเพิ่มทุนในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี 3 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะกู้จากสถาบันการเงินและ/หรือออกหุ้นกู้

ก่อนหน้านี้ ทางเอ็กโกได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆในอนาคต

นายศักดา กล่าวต่อไปว่า การเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีดังกล่าวนี้ จะทำให้บริษัทฯมีรายได้เข้ามาชดเชยรายได้จากโรงไฟฟ้าระยองที่ได้เดินเครื่องมาเกินครึ่งหนึ่งของสัญญาขายไฟกับกฟผ. ที่โครงสร้างรายได้เริ่มลดลง ทำให้รักษาระดับการเติบโตของบริษัทฯต่อไปในอนาคตได้

ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี บริษัทฯมีรายได้รวม 9.88 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 1.56 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 3.65 พันล้านบาท โตขึ้น 56% คาดว่าครึ่งปีหลังนี้จะมีรายได้ไม่ต่างจากครึ่งปีแรก แต่กำไรสุทธิจะลดลง เนื่องจากบริษัทฯมีการซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us