พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ระบุว่าเป็นกองทุนซึ่งนายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งด้วยความสมัครใจและได้จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว
วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงของลูกจ้างและครอบครัว
ในกรณีลูกจ้างเกษียณอายุหรือลาออกจากงานหรือเสียชีวิตหรือลาออกจากกองทุน
และอีกประการเพื่อสนับสนุนการออมระยะยาวแบบผูกพัน เป็นการระดมเงินออมจากภาคเอกชนเพื่อนำไปพัฒนาประเทศ
โครงสร้างการบริหารกองทุน ประกอบด้วย
- คณะกรรมการกองทุน ได้แก่ตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากลูกจ้างและตัวแทนที่ได้
รับแต่งตั้งจากนายจ้าง
- ผู้จัดการกองทุน ได้แก่ สถาบันการเงินที่ได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งจากคณะ
กรรมการกองทุน เพื่อทำหน้าที่บริหารเงินกองทุน
เงินกองทุน ประกอบด้วย
1. เงินสะสม เงินที่ลูกจ้างจ่ายสะสมเข้ากองทุน หักจากเงินเดือนเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่า
3-15% ของค่าจ้าง
2. เงินสมทบ เงินที่นายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุน ในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าเงินสะสมที่ลูก
จ้างจ่าย แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง
3. เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้อุทิศให้หรือผลประโยชน์จากเงินสะสมและเงินสมทบ
หน้าที่ของผู้จัดการกองทุน
1. บริหารเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อให้ได้ผลประโยชน์กลับมามากที่สุด
2. จัดให้มีการตรวจสอบบัญชีโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตและต้องดำเนินการให้เรียบ
ร้อยภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นระยะเวลาบัญชี
3. จัดทำรายงานการจัดการกองทุนตามแบบที่กม.กำหนดและจัดส่งไปกระทรวงการคลัง
และบริษัทเจ้าของกองทุนภายใน 20 วันของเดือนถัดไป
4. จ่ายเงินกองทุนเมื่อลูกจ้างสิ้นสมาชิกภาพ (เสียชีวิต/ลาออกจากงาน/เกษียณอายุ/ลา
ออกจากงาน/เกษียณอายุ/ลาออกจากกองทุน) โดยจะต้องจ่ายเงินรวมทั้งหมดภายในเวลาไม่เกิน
30 วัน นับแต่วันที่ลูกจ้างสมาชิกภาพ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลงทุนของกองทุน
1. ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงไม่น้อยกว่า 60% ของเงินกองทุนได้แก่
- เงินสด เงินฝากธนาคาร หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารเป็นผู้ออก
- พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธปท.
- ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่รัฐวิสาหกิจที่มีกม.เฉพาะจัดตั้งขึ้นเป็นผู้ออก
- ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย
- ตั๋วแลกเงิน/ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารเป็นผู้รับรอง รับอาวัล หรือสลักหลัง
- ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ธนาคารเป็นผู้ออก
- ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ของบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
2. ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงไม่เกิน 40% ของเงินกองทุน ได้แก่
- ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่รัฐวิสาหกิจ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมบริษัทเงินทุน
บริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้ออก
- หลักทรัพย์ (หุ้น หุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่
จะซื้อหุ้น)
- บัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนเป็นผู้ออก
- ตั๋วแลกเงินหรือตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เป็นผู้รับ
รอง รับอาวัล หรือสลักหลัง
- ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมหรือบรรษัท
เงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นผู้ออก
หมายเหตุ การลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหนี้ของบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ
(Rating) สามารถลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินกองทุน
การลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้สามารถลงทุนรวมกันได้ไม่เกิน 25% ของเงินกองทุน
และในแต่ละบริษัทลงทุนได้ไม่เกิน 5% ของเงินกองทุน
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ฝ่ายลูกจ้าง
- เงินสะสม สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000
บาทต่อปี และส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 290,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำไปคำนวณภาษี
- เงินก้อนลูกจ้างที่ได้รับเมื่อออกจากกองทุนในกรณีต่อไปนี้ จะได้รับการยกเว้นภาษี
เงินได้ทั้งจำนวน
1. เกษียณอายุ ลูกจ้างต้องเป็นสมาชิกกองทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี
2. ทุพพลภาพ ได้รับการรับรองจากแพทย์ว่าไม่สามารถปฏิบัติงานได้ไม่ว่าเหตุของ
ทุพพลภาพนั้นจะเกิดจากการปฏิบัติงานหรือไม่
3. เสียชีวิต โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ทายาทของลูกจ้าง ไม่ว่าการเสียชีวิตนั้นจะเกิด
จากการปฏิบัติงานหรือไม่
กรณีที่ลูกจ้างลาออกโดยมีอายุงานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เงินสะสมที่ได้รับไม่ต้องนำไป
รวมคำนวณภาษีเงินได้ ส่วนที่จะนำมาคำนวณภาษีคือ เงินสมทบ พร้อมผลประโยชน์ของเงินสะสม
และผลประโยชน์ของเงินสมทบ ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้
1. ลดหย่อนได้เท่ากับ 7,000 X จำนวนปีที่ทำงาน แต่ไม่เกินเงินได้พึงประเมิน
2. ที่เหลือหักออกได้อีก 50%
นำเงินที่เหลือไปคำนวณภาษี โดยไม่ต้องรวมกับเงินได้อื่น
ฝ่ายบริษัทหรือองค์กร
- เงินสมทบที่บริษัทจ่ายถือเป็นรายได้ของพนักงานที่ยังไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ในปีนั้น
ๆ แต่จะนำมารวมในรายได้พึงประเมินเมื่อได้รับเงินจริง โดยเงินจำนวนดังกล่าวนี้บริษัทสามารถตัดเป็นค่าใช้จ่ายได้ตามที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือนลูกจ้างฝ่ายกองทุน
- ผลประโยชน์จากการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่าย (WITHHOLDING TAX)
รายชื่อผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ 19 ราย
การจัดทำรายงานของกองทุน
ประเภท การจัดส่งต่อครั้ง
1. รายงานแสดงการจัดการกองทุน 1 เดือน
2. รายงานรายตัวสมาชิกกองทุน 6 เดือน
3. รายงานยอดเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ 6 เดือน
4. รายงานฐานะการเงินเปรียบเทียบ 1 ปี
5. รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 1 ปี
ธนาคารพาณิชย์ 6 ราย
ธ.กรุงเทพ, ธ.กสิกรไทย, ธ.กรุงไทย, ธ.กรุงศรีอยุธยา, ธ.มหานคร, ธ.สหธนาคาร
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 6 ราย
บงล.กรุงไทยธนกิจ, บงล.เอสซีเอฟ, บงล.เกียรตินาคิน, บงล.เจ้าพระยา, บงล.ไอเอฟซีทีไฟแนนซ์,
บงล.คาเธ่ย์ทรัสต์
บริษัทหลักทรัพย์ 2 ราย
บล.เจ.เอฟ.ธนาคม, บล.เอกธำรง
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม 2 ราย
บลจ.กสิกรไทย, บลจ.ไทยพาณิชย์
บริษัทประกัน 3 ราย
บ.ไทยประกันชีวิต บ.ประกันชีวิต ศรีอยุธยา จาร์ดีน ซีเอ็มจี, เบ.เอ.ไอ.เอ.
ข้อสังเกต
1. หากลูกจ้างถูกไล่ออก กองทุนจะจ่างคืนเงินให้เฉพาะส่วนของเงินสะสมที่ลูกจ้างได้
จ่ายเข้ากองทุนและผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินสะสมเท่านั้นแต่ไม่รวมเงินสมทบจากบริษัท
ทั้งนี้ไม่มีระบุในพ.ร.บ. แต่จะกำหนดไว้ในสัญญา
2. เงินที่เข้ากองทุนไม่สามารถถอนออกมาใช้ได้ แต่สมาชิกสามารถขอกู้เงินกองทุนได้
ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราเงินกู้จากธนาคาร