นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการหาพันธมิตรร่วมทุนว่า บริษัทได้ส่งรายชื่อพันธมิตรไปให้สำนักงานใหญ่ของกลุ่มไอเอ็นจีระดับภูมิภาคพิจารณาแล้ว 1 ราย โดยขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาอยู่ ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนก็จะสามารถสรุปได้ แต่เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของช่องทางการขายหน่วยลงทุน จึงยังไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้ ส่วนจะเสร็จทันปีนี้หรือไม่นั้น ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากสำนักงานใหญ่ของกลุ่มไอเอ็นจีภูมิภาค จะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนกับบลจ.ไอเอ็นจีนั้น จะต้องเข้ามาช่วยธุรกิจของบริษัทได้อย่างจริงๆจังๆ แต่ถ้าหากไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรับเข้ามาเป็นพันธมิตรก็ได้
ทั้งนี้ หากพันธมิตรรายนี้ไม่ได้เข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัท ก็อาจจะมีการเจราจากับพันธมิตรรายอื่นๆ หรืออาจจะหาช่องทางในการกระจายสินค้าในรูปแบบอื่นแทน เช่น การซื้อขายหน่วยลงทุนที่มีระบบอินเทอร์เนตเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะถือเป็นนวัตกรรมการลงทุนใหม่ โดยในขณะนี้ได้มีการวางแผนเบื้องต้นไว้แล้ว และคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถนำบริการดังกล่าวมาใช้กับลูกค้าของบริษัทได้
สำหรับแนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจกองทุนรวม โดยเฉพาะการแข่งขันลดค่าธรรมเนียมการจัดการ (ค่าฟี) นั้น นายมาริษ กล่าวว่า การกำหนดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำถือเป็นเรื่องที่ดีหากสามารถทำได้ แต่ต้องมีการหารือร่วมกันระหว่างบริษัทจัดการกองทุนรวม ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึกถึงผู้บริโภคด้วยว่า การกำหนดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน เพราะบางทีลูกค้าอาจจะมองว่าเป็นการฮั้วกันระหว่างผู้ประกอบการก็ได้
นอกจากนี้ ประเด็นที่จะต้องพิจารณาด้วย คือ ต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการ เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายมีต้นทุนที่แตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับระบบการจัดการของบริษัทนั้นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม หากสามารถทำได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวม เพราะมีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่ต้องจัดการ แต่จะต้องกำหนดให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้ ตนในฐานะผู้อำนวยการสมาคมบริษัทจัดการลงทุน มีความคิดว่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้สมาชิกพิจารณา ซึ่งคงจะต้องหารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ด้วยณ 27 พฤษภาคม 2548 บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) - ING FUNDS มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 105,522 ล้านบาท บริษัทถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2539
โดยกลุ่มธนาคารนครหลวงไทย (เพื่อสนับสนุนด้านการจำหน่าย) และกลุ่ม ING (เพื่อสนับสนุนด้านเทคโนโลยี , การบริหารจัดการลงทุนและระบบพื้นฐาน) โดยใช้ชื่อว่า บลจ.นครหลวงไทย( Siam CityAsset Management ) โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นในขณะนั้นประกอบด้วย ธนาคารนครหลวงไทย 25% , กลุ่ม ING 25% และ บริษัทไทยศรีซูริค , บล.แอ็คคินซัน , บงล.นครหลวงไทย , บง.นครหลวงไทย , บง.สยามซิตี้ซินดิเค็ด บริษัทละ 10% ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังในปี 2540
อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2540 กลุ่มบริษัทในเครือธนาคารนครหลวงไทยจำกัด (มหาชน) ได้ปิดตัวลง และธนาคารอยู่ภายใต้การจัดการบริหารของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน (FIDF) กลุ่มไอเอ็นจีจึงเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนที่บริษัทต่างๆที่ปิดตัวลง และทำการบริหารจัดการกองทุนรวมที่มีอยู่มา
จนทุกวันนี้ เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่มาเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2543 และเริ่มต้นบริหารโดยกลุ่มไอเอ็นจีอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการสนับสนุนข้อมูลการลงทุนจากเครือข่ายของ ไอเอ็นจีทั่วโลก และปัจจุบันบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น "บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2546
|