Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์21 สิงหาคม 2549
กสิกรไทยแนะกลยุทธ์ลงทุนแดนมังกรแบบ "ไม่เจ๊ง-ไม่ถูกโกง"-หลังจีนผ่อนปรนกฎ M&As             
 


   
www resources

โฮมเพจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

   
search resources

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก.
Investment




ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แนะโอกาสลงทุนในบริษัทจีนหลังตลาดหลักทรัพย์จีนประกาศผ่อนปรน M&As เน้น Small SMEs เพราะเสี่ยงต่ำ-ไม่ถูกพาร์ทเนอร์โกง ขณะเดียวกันใครอยากซื้อหุ้น บริษัทใหญ่ในจีน ควรซื้อหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮั่งเส็ง-แนสแด็ก เพราะโปร่งใส แต่หากอยากซื้อหุ้นในตลาดหุ้นจีน ควรจ้างบริษัทที่ปรึกษา-วิจัยการตลาด ก่อนตัดสินใจ

ทั่วโลกต่างจับตาหลังจีนประกาศผ่อนปรน M&As หรือ กฎระเบียบควบรวมและซื้อกิจการบริษัทจดทะเบียนจีน โดยเริ่มจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์จีน ( ซีเอสอาร์ซี ) ประกาศผ่อนปรนกฎระเบียบว่าด้วยการควบรวมและซื้อกิจการเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน ตลอดจนลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อกิจการให้มากขึ้น

โดยกฎนี้จะเริ่มวันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้ ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรีจีนก็ได้อนุมัติร่างกฎระเบียบใหม่ว่าด้วยการซื้อและควบรวมกิจการที่นำเสนอโดยกระทรวงพาณิชย์สด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการระบุอย่างชัดเจนว่าจะมีการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถทำสวอปหุ้น (แลกหุ้น) กับบริษัทจีนได้ ซึ่งต่างชาติจะใช้หุ้นแทนเงินสดในการซื้อหุ้นธุรกิจจีน กฎใหม่นี้จะมีผลบังคับวันที่ 8 กันยายนเช่นกัน

อย่างไรก็ดีความเคลื่อนไหวด้านการเงินการลงทุนในจีนจึงเป็นการเปิดประตูมังกรเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้นำเงินเข้าไปลงทุนในจีนมากขึ้น แน่นอนว่าข่าวนี้นับเป็นข่าวดีของนักลงทุนทั่วโลกที่เตรียมทะลักเข้าไปขุดทองในเมืองจีน แต่สำหรับประเทศไทยข่าวดีนี้เป็นโอกาสหรือไม่!?

ผ่อนปรน M&Asมุ่งขยายธุรกิจทั่วโลก

สักกรินทร์ นิยมศิลป์ นักวิจัยอาวุโสเอเชียตะวันออก (จีน-ญี่ปุ่น) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า จีนมีแนวโน้มเปิดประตูการลงทุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น โดยจีนมีความชัดเจนว่าต้องการมุ่งหาผู้ร่วมทุนต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ มาร่วมทุนในวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีน เพื่อดันให้เป็นองค์กรนานาชาติที่สามารถขยายกิจการธุรกิจไปได้ทุกที่ทั่วโลก

"เวลานี้จีนไม่ได้มุ่งแค่การเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ แต่มุ่งทำธุรกิจทั่วโลก ที่สำคัญคือจีนต้องการปรับโครงสร้างการแข่งขันของวิสาหกิจของจีน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของจีนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้น การขายสินค้าได้มากขึ้น ไปจนถึงขยายช่องทางการลงทุน"

ทั้งนี้เพราะ จีนไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุน วิสาหกิจจีนมีเงินทุนจำนวนมาก รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การโอนเงิน ฯลฯ การระดมทุนจีนก็ทำได้ง่าย โดยธนาคารใหญ่ ๆ ในจีน เช่น แบงค์ออฟไชน่า ก็มีการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮั่งเส็งของประเทศฮ่องกง และตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นแหล่งระดมทุนของจีนอยู่แล้ว ฉะนั้นการผ่อนปรน M&As ครั้งนี้จึงมุ่งขยายอาณาจักรธุรกิจจีนเต็มที่

แนะควบ SMEsจีน-ขจัดปัญหาหุ้นส่วนโกง

อย่างไรก็ดี การเปิดประตูด้านการเงินของจีนครั้งนี้ สำหรับนักธุรกิจไทยยังถือว่าเป็นโอกาส แม้ว่าธุรกิจของคนไทยส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับจีนแล้ว ยังถือเป็นธุรกิจขนาดเล็ก และศักยภาพยังมีจำกัด แต่ธุรกิจไทยก็สามารถเข้าไปร่วมลงทุนกับวิสาหกิจขนาดเล็ก หรือ small SMEs ของจีนได้

โดยในอดีตนักลงทุนจะเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในจีน จะต้องลงทุนแบบการร่วมทุน โดยการหาผู้ร่วมทุน หรือ joint venture เพราะนอกจากจีนจะมีกฎหมายบังคับให้ต่างชาติต้องทำธุรกิจแบบร่วมทุนแล้ว นักธุรกิจไทยยังต้องอาศัยคอนเน็กชั่นของนักธุรกิจจีน หรือคนท้องถิ่นในการเอื้ออำนวยประโยชน์ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตเช่าที่ดิน หรือขอไลเซ่นการทำธุรกิจที่มีหลายไล่เซ่นและมีหลายขั้นตอน ปรากฏว่าปัญหาสำคัญของนักธุรกิจไทยในการไปร่วมทุนคือ ไม่มีข้อมูลผู้ร่วมทุนดีเพียงพอ และส่วนมากได้คู่ร่วมทุนไม่ดี มักจะโกง ทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ หรือ เจ๊งไป

ทั้งนี้การที่จีนเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยมีการผ่อนปรนระเบียบการควบรวมและซื้อกิจการ หรือ M&As ครั้งนี้ จึงเป็นข้อดีสำหรับนักธุรกิจไทย ที่จะแก้ปัญหาการถูกโกงจากผู้ร่วมทุน โดยสามารถเข้าไปทำธุรกิจได้หลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทดี ๆ ในตลาดหลักทรัพย์จีน (Portfolio Invesment) หรือเข้าไปซื้อกิจการ โดยควบกิจการในบริษัทที่มีอยู่แล้ว เช่น ธนาคารเล็ก ๆ ในจีน แม้ว่าจะไม่ใช่หุ้นใหญ่ แต่สามารถซื้อในระดับที่เข้าไปร่วมกำหนดนโยบายในบริษัทนั้น ๆ ได้

"มันดีสำหรับธุรกิจใหญ่ ๆ ของไทยเพราะว่าไม่ต้องไปเปิดสาขาเอง ซึ่งไม่ต้องกลัวถูกโกง ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ และไม่เหนื่อยกับการทำการตลาดด้วยตัวเอง อาจจะเริ่มจากแฟรนไชส์ เหนื่อยน้อยหน่อย แต่อาจต้องใช้เงินทุนมากขึ้น แต่สำหรับธุรกิจเล็ก ๆ ควรเข้าไปทำแบบซื้อมาขายไป "

ที่สำคัญต้องศึกษากฎระเบียบในจีน ที่มีการปรับเปลี่ยนตลอด และเนื่องจาก SMEs จีนมีการแข่งขันสูงมาก ผู้ประกอบการเยอะ ต้องศึกษาสภาพตลาดให้ดีก่อนลงทุน

จ้างบ.ที่ปรึกษา-วิจัยตลาดก่อนซื้อหุ้น

อย่างไรก็ดี สำหรับบริษัทของไทยที่ต้องการไปซื้อหุ้นหรือสวอปหุ้นกับบริษัทจีน ควรเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีธุรกิจมั่นคง และคุ้นเคยกับธุรกิจที่จะเข้าไปสวอปหุ้น

นอกจากนี้ในการเลือกบริษัทที่จะเข้าไปลงทุน ต้องเริ่มจากการดูจุดแข็งของธุรกิจ ดูศักยภาพธุรกิจ ประเมินคู่แข่งในจีนว่าเป็นใคร เป็นคนจีน หรือ ต่างชาติ ศึกษาตลาดจีน และต้องชัดเจนว่าจะเข้าไปรูปแบบไหน เช่น ต้องการขยายตลาด สินค้าอุปโภคบริโภคไปจีน หรือต้องการร่วมทุนเพื่อมีเอี่ยวในผลกำไรของบริษัทจีน

โดยในการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีน ต้องศึกษาข้อมูลการเงินของบริษัทนั้น ๆ ให้ดี ทั้งผลประกอบการ statement ระบบบัญชี ฯลฯ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่ไปจดทะเบียนในฮ่องกง และในสหรัฐอเมริกานั้น จะมีข้อมูลที่โปร่งใสมาก สำหรับในตลาดหุ้นจีนที่ผ่านมาจนถึงปี 48 การควบคุมของตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ดีมากนัก ระบบบัญชีของแต่ละบริษัทยังไม่ได้มาตรฐาน มีการแต่งตัวเลขผลประกอบการ มี NPL หลายบริษัท แต่เมื่อปลายปี 48 จนถึงบัดนี้ จีนได้มีแก้ไขจุดอ่อนดังกล่าว โดยมีการพัฒนาระบบควบคุมตรวจสอบในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น ทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% การลงทุนกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จีนจึงมีความน่าสนใจ

ดังนั้นนักลงทุนไทยที่ต้องการไปลงทุนควรจ้างบริษัทที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบว่าระบบบัญชีของบริษัทนั้น ๆ ดีจริงหรือไม่ ยอดขายที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์เป็นยอดขายจริงหรือไม่ รวมถึงต้องจ้างบริษัททำวิจัย เพื่อดูว่าทิศทางราคาสินค้าของบริษัทนั้นจะทำกำไรได้ดีไหม จะมีการ over supplied หรือไม่ ต้องวิเคราะห์ให้ละเอียด

"สุดท้ายต้องบอกว่าตลาดจีนไม่หมู ตลาดทั่วโลกเข้าไปหมดแล้ว การแข่งขันสูงมาก แต่ถ้าไทยไม่เข้าไป จีดีพีของไทยก็โตไม่ได้ ขณะนี้ของไทยแค่ 4% แต่ของจีนจีดีพีโตปีละ 9-10% การมุ่งเข้าไปลงทุนในจีน โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตมากกว่า 4% ก็มี"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us