เกือบ 2 ปีเต็มที่กฎหมายลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 บังคับใช้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายในธุรกิจซอฟต์แวร์ฉุดรั้งให้ธุรกิจที่แทบหามูลค่าไม่ได้กลายเป็นธุรกิจที่ทำเม็ดเงินก้อนโต
กลุ่มองค์กรซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ตบเท้าเข้าไทย เพิ่มพิทักษ์สิทธิ์แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ช่วงสั้น
ๆ เท่านั้น เมื่อตัวเลขซอฟต์แวร์ก๊อบปี้ไม่ลดลงร้านค้าซอฟแวร์เถื่อนบนห้างพันธุ์ทิพย์กยังมีขายกันดาษดื่น
ไมโครซอฟท์ และผู้ค้าซอฟต์แวร์เริ่มออกอาการ หรือกฎหมายจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เพียงพอ
บ่ายแก่ ๆ วันหนึ่ง ณ ร้านค้าคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
ซึ่งจำหน่ายซอฟต์แวร์รวมฮิตหรือซีดีเกาเหลา ชื่อเรียกซอฟต์แวร์เถื่อน ต้องต้อนรับลูกค้าที่ไม่พึงประสงค์
เมื่อลูกค้าเหล่านั้นไม่ใช่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหาซอฟต์แวรืก๊อบปี้ยอดฮิตแต่กลับกลายเป็นตำรวจจากกองสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ
หรือสศก. ที่เข้ามาจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์ แวร์
เช่นเดียวกับเจ้าของบริษัทแอ๊ดวานซ์เจ็มส์ แอนด์ จิวเวลรี่ ซึ่งประกอบธุรกิจค้าเพชรพลอยรายใหญ่แห่งหนึ่ง
ต้องถูกตรวจค้น และดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นภายหลังจากที่พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
ประกาศใช้เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2538 จนถึงบัดนี้รวมเวลาเกือบ 2 ปีเต็ม
ก่อนหน้ากฎหมายลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จะมีผลบังคับใช้ มีการประเมินกันว่าซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีในปี
2537 มีการซื้อขายจริงอยู่เพียงแค่ 1-2% ของมูลค่าตลาดรวมเท่านั้นที่เหลืออีก
98-99% เป็นซอฟต์แวร์ก๊อปปี้ทั้งหมด ซึ่งมีการประเมินว่ามีมูลค่าอยู่ถึง
25,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าธุรกิจซอฟต์แวร์ในเวลานั้นจึงมืดมนอยู่มาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาซอฟต์แวร์ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานนั้นแทบจะหาค่าไม่ได้เรียกว่าแทบจะไม่เคยมีใครต้องเสียเงิน
เพื่อซื้อซอฟต์แวร์กันเลย
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เป็นฉบับแก้ไข ที่มีการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงอนุสัญญาแห่งกรุงเบิร์นในการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรมที่ไทยเข้าไปเป็นสมาชิก
ได้ระบุถึงการคุ้มครองลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไว้ในข้อกฎหมาย ห้ามไม่ให้มีการคัดลอกหรือทำสำเนา
หรือปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาตเอาไว้อย่างเด่นชัด
หากใครฝ่าฝืนจะต้องโทษทางอาญา
การประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ จึงส่งผลอย่างชัดเจนต่อธุรกิจซอฟต์แวร์ จนมีการคาดการณ์กันไว้ว่ากำหมายฉบับนี้จะทำให้ธุรกิจซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายเข้ามามีบทบาทแทนที่ซอฟต์แวร์เถื่อน
และจะเกิดอุตสาหกรรมการผลิตซอฟต์แวร์ขึ้นในไทย
แต่ยังเป็นคำถามว่า ระยะเวลาเกือบ 2 ปี การบังคับใช้ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฉบับนี้ได้รับผลสำเร็จเพียงใด
"ยอมรับเลยว่าหลังกฎหมายลิขสิทธิ์มีผลบังคับใช้ ความตื่นตัวในเรื่องของซอฟต์แวร์มีมากที่สุด
เพราะเป็นเรื่องใหม่ของไทยยังต้องอาศัยความรู้แลคะวามเข้าใจ" ปัจฉิมา
ธนสันติ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากรมทรัพย์สินทางปัญญา
กล่าว
สิ่งที่ปรากฎชัดเจนมากที่สุดอย่างหนึ่งภายหลังพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537
มีผลบังคับคือ กลุ่มพันธมิตรที่เกิดจากการรวมกลุ่มของผู้ผลิตซอฟตืแวร์ทั้งหลายที่ตบเท้าเข้าไทยกันเป็นระลอกนับรวมแล้วในเวลานี้มีเกือบ
4-5 องค์กร
นอกเหนือจากกลุ่มพันธมิตร BSA (BUSINESS SOFTWARE ALLIANCE) ได้เข้ามาไล่กวดจับซอฟต์แวร์เถื่อนเป็นกลุ่มแรก
ๆ ในเวลานี้มีกลุ่ม SPA (SOFTWARE PUBLISHER ALLIANCE) ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ทางด้านการศึกษาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายย่อย
ๆ ในสหรัฐอเมริกา ขณะนี้กลุ่มเอสพีเอได้มอบหมายอเมริกา ขณะนี้กลุ่มเอสพีเอได้มอบหมายให้สำนักกฎหมายทวิสที
แอนด์ กิบบิ้นเป็นตัวแทนทางกฎหมาย คาดว่าคงจะเริ่มดำเนินการกวาดล้างผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ในเร็ว
ๆ นี้
กลุ่ม AACT *Alliance Against CD ROM) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตซอฟต์แวร์บนแผ่นซีดีรอม
ที่ให้สำนักงานกฎหมาย เบเคอร์แอนด์ แมคเคนซี่เป็นตัวแทนทางกฎหมายและเริ่มจับกุมซอฟต์แวร์เถื่อนบนห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่าไปแล้ว
ที่น่าสนใจคือ การเข้ามาของกลุ่มพันธมิตรที่ชื่อแวเลียน ที่เป็นการร่วมลงขันของผู้ผลิตซอฟต์แวร์เกม
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ซอฟต์แวร์เกมออกมาเคลื่อนไหวหลังจากที่ปล่อยให้ซอฟต์แวร์เถื่อนครองตลาดมานาน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ซอฟต์แวร์เกมนั้นเป็นตลาดใหญ่ที่สุดหนึ่งของซอฟต์แวร์ทั้งหมด
เรียกว่าพีซีแทบทุกเครื่องในเวลานี้แทบไม่มีเครื่องใดไม่มีซอฟต์แวร์เกมบรรจุอยู่
ซึ่งหากประเมินเป็นมูลค่าแล้วมหาศาลไม่แพ้ซอตฟ์แวร์ประเภทอื่น โดยเฉพาะมูลค่าตลาดของซอฟต์แวร์ที่ใช้ภายในบ้าน
มีซอฟต์แวร์เกมครองตลาดอยู่ถึง 52%
นอกเหนือจากการชักธงรบของกลุ่มพันธมิตรซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ปัจฉิมา เล่าว่า
ลิขสิทธิ์ทางด้านอื่น ๆ เช่น ลิขสทิธิ์หนังสือการ์ตูนแม้แต่ลายผ้าม่านก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเข้ามาดำเนินคดีให้เห็นเป็นระยะ
ๆ
ขณะเดียวกันทางด้านผู้ประกอบการในธุรกิจซอฟต์แวร์ หลังกฎหมายลิขสิทธิ์บังคับใช้
ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ชื่อดังจากต่างประเทศทยอยเข้ามาจัดตั้งสำนักงานสาขาในไทย
ไม่ว่าจะเป็นโลตัส โนเวลล์ ออโตเดสก์ โดยแฉพาะอย่างยิ่งไมโครวอฟต์เจ้าตลาดซอฟต์แวร์บนพีซี
ซึ่งเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยก่อนหน้านี้ ก็เริ่มเดินหน้าอย่างเต็มตัวด้วยการนำโปรแกรมรุ่นใหม่
ๆ ที่ทยอยออกวางสู่ตลาด ควบคู่ไปกับการพัฒนาโปรแกรม ที่ให้เป็นภาษาไทย พร้อม
ๆ กับการโปรแกรมการตลาดใหม่ ๆ และการเพิ่มช่องทางตลาด
ความตื่นตัวในเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใหม่ของคนไทย
รวมทั้งนโยบายการตลาดของบรรดาผู้ผลิตซอฟต์แวร์ของไทย ทำให้ตลาดซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายกระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าจนถึงขณะนี้ กลุ่มบีเอสเอ ซึ่งมีการประเมินการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายในแต่ละประเทศ
ยังไม่สามารถสรุปผลการใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากเดิมเพียงใด
แต่ไมโครซอฟต์ ประเทศไทย และบรรดาผู้ค้าซอฟต์แวร์ได้มีการประเมินตัวเลขยอดซอฟต์แวร์ถูกกฎหมาย
ในช่วงปีแรกของการออกกฎเหล็กว่า ตลาดซอฟต์แวร์ของแท้กระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตัวเลขอัตราส่วนของซอฟต์แวร์ก๊อปปี้ที่ครองตลาดอยู่ถึง
98-99% มีการประเมินว่าลดลงเหลืออยู่ประมาณ 90% นั่นหมายถึงว่ายอดรายได้ของซอฟต์แวร์ของแท้ที่มีการซื้อมากถึงประมาณกว่าเดิมเกือบ
10% ซึ่งนับว่าเป็นมูลค่าไม่น้อย
"ในช่วงปีแรกที่กฎหมายลิขสิทธิ์ประกาศใช้ ยอมรับเลยว่าการละเมิดลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เพราะผู้ใช้ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่หันมาให้ความสำคัญกันมากขึ้น" อาภรณ์
ศรีพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไมโครซอฟต์ ประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้จะเห็นได้จากตัวเลขยอดขายของไมโครซอฟต์ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดสำหรับซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซี
ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2537 ก่อนที่กฎหมายจะบังคับใช้หลายเท่าตัว เช่นเดียวกับผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายอื่น
ๆ ที่มีตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้น
มีการประเมินว่า สาเหตุที่ตลาดซอฟต์แวร์ของแท้กระเตื้องขึ้นทันตาหลังการประกาศใช้กฎหมายลิขสิทธิ์เนื่องมาจากสาเหตุหลัก
2-3 ประการ
สาเหตุแรก เป็น เพราะผู้ใช้ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ของภาครัฐ และเอกชนให้ความสำคัญหันมาซื้อซอฟต์แวร์ของแท
้ดังจะเห็นได้จากงบประมาณที่จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่เดิมมีเฉพาะเครื่องฮาร์ดแวร์ไม่เคยมีงบประมาณสำหรับซอฟต์แวร์มาก่อน
แต่หลังจากกฎหมายลิขสิทธิ์ประกาศใช้หน่วยงานราชการก็มีการเพิ่มงบประมาณสำหรับซอฟต์แวร์รวมอยู่ด้วย
เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้หวั่นเกรงกันว่าหากถูกจับดำเนินคดี ไม่เพียงแต่จะต้องโทษตามกฎหมาย
ที่สำคัญที่สุดคือทำให้เสียชื่อเสียงต่อองค์กร
สถาบันการเงินหลายแห่งรวมทั้งองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ลงมือตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในหน่วยงานและลบซอฟต์แวร์ก๊อบปี้ทั้งหมดทิ้งเหลือไว้เฉพาะโปรแกรมที่ถูกกฎหมายหลัก
ๆ ที่ใช้งานจริงเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ไม่กี่โปรแกรมพร้อมกับทำจดหมายเวียนสั่งห้ามพนักงานนำโปรแกรมอื่นที่แบงก์ไม่ได้อนุญาตมเาข้าเครื่อง
แม้จะใช้ในงานของแบงก์ก็ตามถ้าทำโดยพลการแบงก็จะไม่รับผิดชอบกับการกระทำของพนักงาน
การหันมาซื้อซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายของกลุ่มผู้ใช้ประเภทนี้ ทำให้ตัวเลขของซอตฟ์แวร์ของแท้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นทันที
เพราะเป็ฯกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสูงและซื้อคราวละจำนวนมาก
สาเหตุที่สอง กลุ่มบีเอสเอ ได้เริ่มออกมากวาดจับผู้ค้าซอฟต์แวร์ก๊อบปี้ให้เห็นออกมาเป็นระยะ
ๆ ทั้งในพันธุ์ทิพย์พลาซ่าและในงานแสดงผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์แม้จะไม่ต่อเนื่อง
แต่ก็สร้างความตื่นตัวได้บ้าง
นอกจากนี้ในช่วงแรก ๆ ของการออกกฎหมาย บรรดาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย
ทั้งภาครัฐ และเอกชนได้จัดงานสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ใช้โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่
ให้เห็นถึงความสำคัญของกฎหมายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และความผิดต่อการละเมิดลิขสิทธิ์
รวมถึงข้อดีของการใช้ซอฟต์แวร์ของแท้และข้อเสียของซอฟต์แวร์ก๊อบปี้ สิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มีการหันมาใช้ซอฟต์แวร์ของแท้ได้ไม่น้อย
แต่ความเปรมปรีดิ์ของบรรดาผู้ผลิตและผู้ค้าซอฟต์แวร์ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อยอดขายซอฟต์แวร์ของแท้ในปีถัดมาเริ่มชะลอตัว
สวนทางกับตัวเลขยอดขายของฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา
"จริง ๆ แล้ว เมื่อยอดพีซีเพิ่มขึ้นปีละ 2-3 แสนเครื่องต่อปี ยอดขายของซอตฟแวร์ก็ควรเพิ่มขึ้นด้วย
เพราะพีซีแต่ละตัวจะต้องมีโหลดซอฟต์แวร์ไปใช้งานด้วยแต่ปรากฎว่ายอดของซอฟค์แวร์ในช่วงปีนี้กลับไม่เพิ่มตาม
เรียกว่าแทบไม่มีการซื้อซอฟต์แวร์ใหม่กันเลย" อาภรณ์ กล่าว
ข้อสังเกตนี้ อาภรณ์ชี้แจงว่า ประเมินจากยอดจำหน่ายพีซี หลังจากนั้นจะมาพิจารณาอัตราเฉลี่ยของพีซีในแต่ละเครื่องว่า
ใช้ซอฟต์แวร์กี่ประเภท และอะไรบ้างหลังจากนั้นจะนำตัวเลขของซอฟต์แวร์ ที่ใช้งานบนพีซีทั้งหมดดังกล่าว
นำมาเปรียบเทียบกับยอดขายซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายที่จำหน่ายออกไปว่าตัวเลขใดมากกว่ากันซึ่งผลปรากฎว่า
ยอดของซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายในปีนี้นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
ไมโครซอฟต์ และบรรดาผู้ค้าซอฟต์แวร์ ได้พุ่งเป้าไปที่ปัญหาการละเมิดสิทธิ์ที่ได้กลับมาเป็นปัญหาอีกครั้ง
จนกระทั่งไมโครซอฟท์ ประเทศไทยต้องมีการปรับตัวเลขยอดขายใหม่ให้ลดลงจากประมาณการที่วางไว้แต่เดิมลง
ไมโครซอฟท์ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาดังกล่าว ด้วยการลงมือเข้าไปดำเนินดคีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้วยตัวเอง
แทนที่จะรอให้กลุ่มบีเอสเอซึ่งไมดครซอฟท์เป็นสมาชิกอยู่เป็นผู้อออกปฏิบัติการกวาดล้างให้เช่นเคย
ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นของไมโครซอฟท์คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทางด้านกฎหมายเดินทางเข้ามาสำรวจหาผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยย่านเอเชีย
ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายนี้
การลงมือกวาดล้างด้วยตัวเองของไมดครซอฟท์ในครั้งนี้ อาภรณ์ชี้แจงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับไมโครซอฟท์ประเทศไทย
ซึ่งมีหน้าที่ทำการตลาดเท่านั้น แต่เป็นการดำเนินงานของบริษัทแม่โดยตรง
จากการสำรวจจากเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายของไมโครซอฟท์ ก็พบว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มผู้ค้าซอฟต์แวร์เถื่อน
ทั้งปลีก และส่งบนห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า หรือผู้ใช้ที่เป็นองค์กร ที่กลุ่มบีเอสเอได้ลงมือกวาดล้างไปแล้วเท่านั้น
แต่กลับเป็นผู้ค้าคอมพิวเตอร์ที่นิยม "พลีโหลด" ซอฟต์แวร์เถื่อนของไมโครซอฟท์
ให้กับลูกค้า ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ปรากฎว่า กวาดล้างของไมโครซอฟท์มีขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง 2 คราได้ผู้ค้าคอมพิวเตอร์ที่ตกเป็นผู้ต้องหานับสิบรายและในจำนวนนั้นก็มีตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์รวมอยู่ด้วย
ขณะเดียวกันทางด้าน "ไทยซอฟท์บริษัทในเครือสหวิริยาที่ประกอบธุรกิจค้าซอฟท์แวร์
โนเวลล์ โลตัส ออโตเดสก์ที่ต้องประสบปัญหาการขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรก 5 ล้านบาท
แจ๊ค มิน องค์ธเนศชี้แจงว่า นอกเหนือจากปัญหาธุรกิจมัลติมีเดียที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและลดราที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ
รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจซบเซาแล้ว สาเหตุส่นหนึ่งก็มาจากปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์เพียงพอจะทำให้ปัญหาการละเมิดลดน้อยลง
ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจค้าซอฟต์แวร์ที่ไทยซอฟท์ดำเนินการอยู่
ทางด้านของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ของไทยอย่างบริษัทมิลติมีเดีย ครีเอชั่น ก็ประสบปัญหาที่ไม่แตกต่างกันนัก
เมื่อซีเอไอ โปรแกรมช่วยสอนสำหรับเด็กที่บรรจุอยู่ในแผ่นซีดีรอมของบริาทถูกนำไปก๊อบปี้วางขายเกลื่อนกลาดอยู่บนห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
ในราคาที่ถูกกว่าของแท้ถึง 2 เท่าตัว
"เราต้องใช้เงินลงทุนในการพัฒนาโปรแกรมหนึ่ง ๆ เป็นล้านบาท แต่ร้านค้าพวกนี้เขาเอามาก๊อบปี้ใส่แผ่นซีดีรอมด้วยต้นทุนไม่กี่บาท
วางขาย 3 โปรแกรมด้วยราคาเพียงแค่พันบาท" สุรเชษฐ์ เวชชพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ
ของมัลติมีเดีย ครีเอชั่นเล่า
สิ่งที่มัลติมีเดีย ครีเอชั่น แก้ปัญหากับสิ่งที่เกิดขึ้น คือ จัดแถลงข่าวเพื่อตักเตือนผู้ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้
แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้ เนื่องจากหาหลักฐานไม่ได้
ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้บรรดาผู้ค้าและผลิตซอฟต์แวร์ พุ่งเป้าไปที่การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่เริ่มกลับมาเป็นปัญหาอีกครั้งมาจากหลายสาเหตุ
ซึ่งเกิดมาจากทั้งในด้านของผู้ใช้และผู้ค้าซอฟต์แวร์เถื่อน
บีเอสเอได้ประเมินไว้ว่า มูลค่าความสูญเสียของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ได้รับจากซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายนั้นมาจากผู้ใช้ที่เป็นผู้ใช้ในองค์กรถึง
50% เนื่องจากเป็นผู้ใช้ที่มีกำลังซื้อสูง
ไมโครซอฟต์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า กลุ่มผู้ใช้ที่เป็นลูกค้าประเภทองค์กรขนาดใหญ่ที่เคยซื้อซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายในช่วงต้นปีและมักจะซื้อในลักษณะของการซื้อไลเซนส์
คือ ซื้อเป็นจำนวนมากตามจำนวนผู้ใช้และเมื่อขยายระบบคอมพิวเตอร์มีการซื้อเครื่องฮาร์ดแวร์เพิ่มขึ้น
แต่ไมได้ซื้อซอฟต์แวร์เพิ่มตามไปด้วยแต่ใช้วิธีก๊อบปี้ซอฟต์แวร์เพิ่มเติมจากซอฟต์แวร์ของแท้ที่ซื้อมาแต่แรก
"ลูกค้ารายใหญ่ ๆ ในช่วงแรก ๆ ที่กฎหมายออกมาก็กลับจะถูกจับและจเสียชื่อเสียงก็เลยซื้อเอาไว้กันผี
พอมาในช่วงหลังเมื่อมีการขยายระบบงานมีการซื้อเครื่องพีซีเพิ่มขึ้นแต่ไม่ยอมซื้อซอฟต์แวร์เพิ่มแต่ใช้วิธีก๊อบปี้"
อาภรณ์ กล่าว
บีเอสเอได้ทำการสำรวจและพบว่าปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้ใช้ประเภทองค์กรนั้น
มาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นส่วนใหญ่ เช่น ไม่รู้ว่าซอฟต์แวร์ที่แถมมากับเครื่องพีซีที่ซื้อมาเป็นซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายหรือไม่
ในขณะ ที่บางรายสั่งซื้อซอฟต์แวร์ทางไปรษณีย์ ที่มีราคาถูก หรือผ่านทางอินเตอร์เน็ต
โดยไม่รู้ซอฟต์แวร์เหล่านี้ถูกกฎหมาย หรือไม่ หรือบางรายก็เจาะจงที่จะเลือกซื้อซีดดีรอม
ที่บรรจุซอฟต์แวร์เถื่อนราคาถูก
ในช่วงเดือนพฤษภาคม ของปีนี้ กลุ่มบีเอสเอ จึงได้แจ้งจับดำเนินคดีกับบริษัทแอ๊ดวานซ์
เจ็มส์ แอนด์ จิวเวลรี่พร้อมกับบริษัทในเครืออีก 2 แห่ง ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
และนับเป็นครั้งแรกที่บีเอสเอแจ้งจับผู้ใช้ที่เป็นองค์กร
ขณะเดียวกัน มีการประเมินว่า ผู้ใช้ที่เป็นบริษัทขนาดเล็ก และลูกค้าตามบ้าน
(HOME USER) ยังคงนิยมก๊อบปี้ซอฟต์แวร์มาใช้เช่นเดิมไม่ว่าก่อนหรือหลังกำหมายลิขสทิธิ์ซอฟต์แวร์ประกาศใช้
ซึ่งผู้ใช้ในกลุ่มนี้แม้จะมีมูลค่าไม่มากเท่ากับกลุ่มลูกค้าประเภทองค์กรขนาดใหญ่ที่ซื้อเป็น่จำนวนมาก
ๆ แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีอัตราการใช้พีซีคอมพิวเตอร์สูงมาก
เมื่อกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ไม่มีการซื้อเพิ่ม เวลาเดียวกันผู้ใช้ที่เป็นบริษัทขนาดเล็ก
และผู้ใช้ตามบ้านไม่ได้หันมาใช้ซอฟต์แวร์จึงชะงักลงในทำนองเดียวกันเมื่อมีผู้ซื้อย่อมมีผู้ขาย
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ค้าซอฟต์แวร์ก๊อบปี้ หรือ ซอฟต์แวร์เถื่อน บนห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
อันเป็นเป้าหมายสำคัญของการกวาดล้าง ยังคงทำธุรกิจค้าซอฟต์แวร์ก๊อบปี้กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ซึ่งบางรายก็อาจจะหลีกเลี่ยงด้วยการวางกล่องเปล่าที่บรรจุซอฟต์แวร์ไว้หน้าร้าน
และให้ลูกค้ามาสั่งออร์เดอร์เอาไว้และมารับหรือจัดส่งไปให้ในภายหลัง
"ร้านค้าพวกนี้พอถูกตำรวจจับ ก็เสียค่าปรับไป 2 แสน ก็กลับมาขายใหม่
เพราะกำไรของซอฟต์แวร์ก๊อบปี้เยอะมากต้นทุนนิดเดียว ซีดี-รอมเปล่า ๆ แผ่นละไม่เท่าไหร่
เอามาก๊อบปี้ซอฟต์แวร์โปรแกรมหลัก ๆ 3-4 โปรแกรม วางขายราคาแผ่นละพันบาท
ขายได้แต่ละเดือนหลายแสนบาท บางรายได้เป็นล้านบาทเสียค่าปรับไม่เท่าไหร่ก็กลับมาขายได้อีก"
ผู้ค้าซอฟต์แวร์รายหนึ่งสะท้อนให้ฟัง
ในเวลาเดียวกันนี้ บรรดาผู้ค้าซอฟต์แวร์เถื่อน บนห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า
อันเป็นเป้าหมายสำคัญของการกวาดล้าง ยังคงทำธุรกิจค้าซอฟต์แวร์ก๊อบปี้กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ซึ่งบางรายก็อาจจะหลีกเลี่ยงด้วยการวางกล่องเปล่าที่บรรจุซอฟต์แวร์ไว้หน้าร้าน
และให้ลูกค้ามาสั่งออร์เดอร์เอาไว้และมารับหรือจัดส่งไปให้ในภายหลัง
"ร้านค้าพวกนี้พอถูกตำรวจจับ ก็เสียค่าปรับไป 2 แสน ก็กลับมาขายใหม่
เพราะกำไรของซอฟต์แวร์ก๊อบปี้เยอะมากต้นทุนนิดเดียว ซีดี-รอมเปล่า ๆ แผ่นละไม่เท่าไหร่
เอามาก๊อบปี้ซอฟต์แวร์โปรแกรม หลัก ๆ 3-4 โปรแกรม วางขายราคาแผ่นละพันบาท
ขายได้แต่ละเดือนหลายแสนบาท บางรายได้เป็นล้านบาทเสียค่าปรับไม่เท่าไหร่ก็กลับมาขายได้อีก"
ผู้ค้าซอฟต์แวร์รายหนึ่งสะท้อนให้ฟัง
ในเวลาเดียวกันนี้ บรรดาผู้ค้าซอฟต์แวร์เถื่อน ก็หันไปใช้วิธีใหม่ ๆ เช่น
ให้ลูกค้าสั่งซื้อทางไปรษณีย์และจะส่งของตามไปในภายหลัง หรือบางรายก็ใช้เทคโนโลยีใหม่
ๆ มาใช่ เช่น เปิดรับสั่งของทางบูเลทินบอร์ดในระบบออนไลน์ทางคอมพิวเตอร์หรือขายผ่านอินเตอร์เน็ต
ปัญหาในส่วนของผู้ค้าซอฟต์แวร์ก็อบปี้นี้ นับว่าได้สร้างความหนักใจให้กับบรรดาผู้ค้าซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายกลุ่มบีเอสเอ
อย่างมาก เพราะเป็น คู่แข่งสำคัญที่สร้างความเสียหายให้กับสมาชิกของบีเอสเอโดยตรง
ขณะเดียวกันในด้านของผู้ค้าพีซีคอมพิวเตอร์ ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังถูกจับตามองว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุด
เพราะส่วนใหญ่ผู้ค้าเหล่านี้จะใช้วิธีขายเครื่องพร้อมซอฟต์แวร์ที่ก๊อบปี้ให้ฟรี
แม้ว่าในช่วงประกาศกฎหมายลิขสิทธิ์บรรดาผู้ค้าเหล่านี้จะเลิกใช้วิธีการดังกล่าวและหันมาขายซอฟต์แวร์ของแท้ควบคู่กันไป
แต่มาในระยะหลังเมื่อการแข่งขันของเครื่องพีซีทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้ค้าต้องหาทางออกด้วยการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์แถมไปกับเครื่องเพื่อหวังจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
และลดต้นทุนในการทำธุรกิจ
"มีผู้ค้าบางรายที่ขายซอฟต์แวร์ของแท้ควบคู่ไปกับการก๊อบปี้ซอฟต์แวร์ไปให้ด้วย
ซึ่งบางครั้งลูกค้าเองก็ไม่รู้ว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่เป็นของจริงหรือก๊อบปี้
แต่ลูกค้าบางรายก็รู้ แต่ก็ไม่อยากจ่ายเงินซื้อให้ผู้ค้าไปก๊อบปี้มาให้"
แหล่งข่าวในวงการคอมพิวเตอร์เล่า
กฎหมายศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามที่ตามมาคือกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ
ทำไมปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ถึงไม่หมดไปง่าย ๆ
"ไม่ว่าประเทศไหนในโลก แม้จะมีกฎหมายลิขสิทธิ์เกิดขึ้น แต่ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่มีวันหมดไปได้
100% แต่จะลดลงไปเรื่อย ๆ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลง"
ผู้ค้าคอมพิวเตอร์สะท้อนแนวคิด
วีรวิทย์ วีรวรวิทย์ ผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน แห่งกรมทรัพย์สินทางปัญญา
ที่ยอมรับว่าแม้ว่าการมีกฎหมายลิขสิทธิ์ละเมิดลิขสิทธิ์การจะลดน้อยแต่ไม่มีวันหมดไปได้
ไม่ว่าประเทศไหน ๆ ในโลกก็ไม่มีทางหมดลง แต่จะมีวิธีหลีกเลี่ยงมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้ละเมิดฉลาดขึ้นที่จะไม่ให้มีการพิสูจน์หลักฐานได้ง่าย ๆ เปรียบแล้วก็เหมือนกับ
"แมวกับหนูที่ต้องคอยไล่จับกันไปเรื่อย ๆ
ในมุมมองของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในแง่ของบรรดาผู้ค้ารวมทั้งบริษัทเบเคอร์
แอนด์แมคแคนซี่ ต่างลงความเห็นในทำนองเดียวกันว่า ปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวบทกฎหมายเพราะถือได้ว่ามีความสมบูรณ์แล้วในระดับหนึ่ง
แต่สิ่งสำคัญ คือ ผลของคดีไม่ได้ทำให้ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เข็ดหลาบ
บทกำหนดโทษ ที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 ระบุไว้ว่าผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือถ้ากระทำเพื่อการค้า
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หมื่นแสนบาทถึงแปดแสนนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่บทลงโทษนี้ยังไม่เพียงพอที่จะปราบปรามผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ให้ลดลงได้
"ส่วนใหญ่พอถูกดำเนินคดีหากไม่ยอมความกัน ก็ยังไม่มีใครถูกลงโทษถึงขั้นติดคุกเลย
ส่วนใหญ่จะถูกปรับและรอลงอาญาซึ่งพวกนี้พอออกมาก็หันมาทำผิดอีกมาขายซอฟต์แวร์ก๊อบปี้กันอีกเพราะรายได้ดีแม้จะเสียค่าปรับเป็นแสน
แต่ก็คุ้มกับรายได้ที่ได้เดือนละหลายแสน บางรายก็เป็นล้านบาท" แหล่งข่าวผู้ค้าซอฟต์แวร์กล่าว
มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะคดีความที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์นั้น เป็นเรื่องของความขัดแย้งระหว่างธุรกิจมากกว่าจะเป็นคดีความที่จะส่งผลกระทบต่อรัฐ
หรือคนส่วนใหญ่จึงทำให้การพิจารณาลงโทษผู้กระทำผิดจึงไม่รุนแรงนัก จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้กระทำผิดไม่หลาบจำ
"ผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับคดีความประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจซึ่งจะแตกต่างไปจากผู้ต้องหาทั่วไป
ความรู้สึกของศาลที่มีต่อผู้ต้องหาเหล่านี้จึงไม่รุนแรงนักเพราะบุคคลเหล่านี้มีส่วนช่วยในการขยายเศรษฐกิจของประเทศ"
ดังนั้นความเห็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มบทลงโทษที่เกี่ยวกับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ให้มีการจำคุกจริง
ๆ หรือปรับเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเดิม ดังเช่นในบางประเทศที่มีการปรับถึงล้านบาท
สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือ การบังคับใช้กฎหมายยังมีไม่มากพอ ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายนี้จะต้องพึ่งพากรมทรัพย์สินทางปัญญา
และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ หรือ สศก.
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามีความตื่นตัวและให้ความร่วมมือในการกวาดล้างผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
แต่เนื่องจากอำนาจที่มีอยู่จำกัด ทำได้แค่ตรวจสอบและตรวจค้นเท่านั้นแต่ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดี
เพราะกฎหมายระบุให้หน้าที่เหล่านี้เป็นของตำรวจจึงทำเกิดความลักลั่นกันขึ้น
การดำเนินการจึงไม่สัมฤทธิผลเท่าที่ควร
ขณะเดียวกัน สศก. ซึ่งจะต้องรับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้โดยตรง ก็มีเจ้าหน้าที่อยู่จำกัด
จึงทำให้การกวาดล้างเป็นไปอย่างไม่ต่อเนื่อง
"ปัจจุบัน เราได้ขอกำลังไปที่ตำรวจกองปราบ และนครบาลให้เข้ามาช่วย
จากเดิมจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สศก. เพียงอย่างเดียว ซึ่งทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะช่วยฝึกอบรมความรู้ในเรื่องลิขสิทธิ์ให้กับหน่วยงานเหล่านี้ปัจฉิมาชี้แจง
แม้ว่า เธอจะเชื่อว่ากฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างชัดเจน
และสร้างความตื่นตัวให้กับธุรกิจซอฟต์แวร์อย่าง มากก็ตามแต่การจะอาศัย พ.ร.บ.
ลิขสิทธิ์ในการกวาดล้างซอฟต์แวร์เถื่อนอย่างเดียวไม่สามารถทำได้
ปัจฉิมา อธิบายว่า คดีททางด้านลิขสิทธิ์นั้นเป็นคดีอาญา ดังนั้นจึงต้องมีผู้เสียหาย
หรือเจ้าทุกข์ ก่อนเจ้าหน้าที่จึงจะสามารถดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์กับผู้ต้องสงสัยได้
"ถึงแม้ตำรวจจะไปพบผู้ต้องสงสัยและจับกุมมา แต่ก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ตราบใดที่ยังไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความก็ไม่สามารถทำอะไรได้"
สิ่งที่ สศก. และกรมทรัพย์สินทางปัญญาแก้ปัญหาเหล่านี้ คือ การนำเอากฎหมายข้างเคียนเข้ามาช่วย
เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคที่เกี่ยวกับฉลากมาปราบปรามผู้ค้าซอฟต์แวร์เถื่อน
ซึ่งผู้ค้าซอฟต์แวร์ หรือซีดีรอม จะต้องติดฉลากเพื่อแสดงว่าใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และได้มอบหมายให้ใครเป็นตัวแทนขาย
ซึ่งหากไม่มี เจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมและดำเนินคดีได้ โดยอาศัยกฎหมายข้างเคียงดังกล่าวเข้าช่วย
"แต่คดีที่เกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจะมีอายุความ 3 วันเท่านั้น
ตำรรวจต้องส่งฟ้องศาล ดังนั้นหากเจ้าทุกข์ที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ไม่มาแจ้งความตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ก็ต้องปรับไปตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภคระบุไว้ คือ ปรับ 10,000 บาท"
ปัจฉิมา กล่าว
ตีความผู้ใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย
แม้ว่าปัญหาในเรื่องของตัวกฎหมายซึ่งได้รับการยืนยันอย่างแข็งขันว่ามีความสมบูรณ์
เพราะมีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับข้อตกลงว่าด้วยทรัพย์สนทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้าของ
WTO อย่างครบถ้วนอยู่แล้วก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งยังเป็นปัญหาที่กรมทรัพย์สินทางปัญญายังวิตกในเวลานี้ คือ
การตีความทางกฎหมาย ในเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ว่าการใช้เพียงแค่ไหนจึงจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
"ตั้งแต่ออกกฎหมาย ก็มีคำถามมาตลอดว่า การใช้แค่ไหนถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ซึ่งนักกฎหมายของไทยมีความคิดแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน บางคนมองว่าเพียงแค่สอดแผ่นดิสเก็ตผ่านเข้าไปในที่หน่วยความจำแรมก็ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว
แต่บางส่วนมีความเห็นว่าต้องโหลดไปที่หน่วยความจำรอมเป็นการถาวรก่อนจึงจะถือว่าเป็นการละเมิด
ซึ่งก็ต้องรอการพิจารณาจากศาลก่อน"
แน่นอนว่า สำหรับมุมทางฝ่ายกฎหมายของบีเอสเอแล้ว การสอดแผ่นดิสเก็ตไปที่หน่วยความจำแรม
ก็ถือว่าได้ทำซ้ำในสาระสำคัญแล้ว และเท่ากับเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แแล้ว
แต่สำหรับกรมทรัพย์สินทางปัญญามีความเห็นว่า หากมองในแง่ดังกล่าวแล้วการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกครั้งก็ถือว่าเป็นความผิดแล้ว
การละเมิดควรจะเป็นการก๊อบปี้โปรแกรมจากรอม (ROM) มาไว้ในแรมจึงถือว่าเป็นกระบวนการทำซ้ำอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกังวล คือ
การดำเนินการตามกฎหมายบางประการที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์นักแสดง
ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังไม่มีองค์กรใดเข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
ขณะเดียวกัน พัฒนาการเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะต้องวิ่งไล่ตามให้ทัน
เพราะจะเป็นปัญหาหนึ่งที่เข้าอยู่ในกฎหมายลิขสิทธิ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอินเตอร์เน็ต และบริการข้อมูลออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์
ก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา จะต้องนำมาพิจารณาว่าจะนำมาเป็นสิทธิข้างเคียงกับกฎหมายลิขสิทธิ์หรือไม่อย่างไร
ซึ่งจะมีการนำมาเป็นข้อตกลงร่วมกันในการประชุมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในเร็ว
ๆ นี้
วีรวิทย์ มองว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การวิ่งไล่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่ว่า
ถึงเวลาหรือยังที่เมืองไทยจะรับมาตรฐานและกฎเกณฑ์ใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องมีผลดีผลเสียอย่างไรเพราะเป็นเรื่องใหม่
ไล่จับมาตรการระยะสั้น
ขณะเดียวกัน การใช้มาตรการทางกฎหมายก็อาจเป็นการแก้ปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น
ซึ่งอาจแค่ "โปลิศจับขโมย" ไม่มีวันหมดลงได้ง่าย ๆ สิ่งที่รัฐควรให้ความสำคัญ
คือ การสร้างจิตสำนึกของคนไทยในการเคารพทรัพย์สินททางปัญญาของผู้อื่น เช่น
การหาคณะกรรมการมาพิจารราเพื่อหาทางแก้ไขในเรื่องนี้โดยตรง
"ต้องยอมรับว่าประเทศในแถบเอเชียไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง จีน มาเลเซีย
และไทยเราใช้ซอฟต์แวร์ก๊อบปี้กันมานาน จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว การใช้กฎหมายกวาดล้างอย่างเดียวก็ทำได้ช่วงสั้น
ๆ พอเลิกกวาดล้างก็กลับมาทำใหม่ สิ่งที่สำคัญ คือควรจะสร้างจิตสำนึกให้กับลูกค้า"
ธงชัยพรรควัฒนชัย ผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจ ซอฟต์แวร์ บริษัทเดอะแวลลู
ซิสเต็มส์ สะท้อนแนวคิด
การสร้างจิตสำนึกนั้น ธงชัย มองว่า ควรจะเริ่มตั้งแต่การบรรจุลงในหลักสูตรการศึกษา
หรือจัดสัมมนาให้ความรู้กับผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา ไม่ควรใช้มาตรการระยะสั้นแต่เพียงอย่างเดียว
กลุ่มบีเอสเอ ก็ได้หันมาให้ความสำคัญในจุดนี้ ด้วยการจัดสัมมนาให้กับผู้ใช้ที่เป็นองค์กรขึ้นเป็นครั้งแรก
ในช่วงปลายเดือนตุลาคม ก่อนจะขยับขยายไปต่างจังหวัดหลังจากวิ่งไล่จับเข้าคุกมาตลอด
3 ปีกว่า แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร
แม้ว่า จะมีการพุ่งเป้าไปที่การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล จนปัญหาซอฟต์แวร์เถื่อนขึ้นมาอีก
และส่งผลให้ยอดขายซอฟต์แวร์เถื่อนขึ้นมาอีก และส่งผลให้ยอดขายซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายลดลง
แต่ในแง่ของผู้ผลิตซอฟต์แวร์เองก็เป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม
โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องตัวสินค้า หรือ ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับความนิยม
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเวลานี้ ยังมีผู้ใช้ที่นิยมซอฟต์แวร์รุ่นเก่า ๆ อีกเป็นจำนวนมาก
เช่น ไมโครซอฟท์ วินโดว์ 3.1 สเปรดชีด เวิร์ดสตาร์ เพราะโปรแกรมเหล่านี้สามารถตอบสนองการใช้งานได้เพียงพออยู่แล้วยังไม่มีความจำเป็นต้องอัพเกรดไปใช้โปรแกรมใหม่
ๆ เนื่องจากโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆ เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
เช่น ต้องใช้หน่วยความจำไม่ต่ำกว่า 32 บิต หรือใช้หน่วยความจำไม่ต่ำกว่า
16 เมกะไบต์ ซึ่งเครื่องรุ่นใหม่ ๆ เหล่านี้มีราคาแพง ผู้ใช้จึงไม่เห็นความจำเป็นต้องลงทุนมากเช่นนั้น
เมื่อโปรแกรมเดิม ๆ ยังใช้งานได้ดีอยู่
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การขยายตัวของตลาดซอฟต์แวร์ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายจึงไม่ได้อยู่ที่ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์เพียงอย่างเดียว
ซึ่งการไล่จับกุมจะไม่เห็นผลเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับตัวของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยว่า
จะสามารถพัฒนาสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการได้หรือไม่
วิเชียร หอมถาวร เจ้าหน้าที่จากบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งที่ใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายให้ข้อคิดว่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ควรให้ความสำคัญในเรื่องของบริการหลังการขายด้วย
เช่น การไม่มีเวลาให้กับลูกค้า จนทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่สามารถพึ่งพาผู้ค้าได้
ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ผู้ขายซอฟต์แวร์ควรคำนึงถึง ไม่ใช่รู้จักแต่วิธีการหาตำรวจมากวาดจับเพียงอย่างเดียว
จะเห็นได้ว่าเกือบสองปีเต็มกับพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจซอฟต์แวร์อย่างเห็นได้ชัดในแง่มุมที่แตกต่างกันไปทั้งในแง่ของธุรกิจและกฎหมาย
ที่ต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ ตราบใดที่ซอฟต์แวร์เถื่อนยังมีอยู่ การวิ่งไล่ล่าระหว่างโปลิศ
และขโมย คงไม่มีวันจบสิ้นลงได้ง่าย ๆ