Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2539
แก้สัญญา 12 ข้อออกฤทธิ์ เอไอเอสเปิดศึกโทรศัพท์ไร้สาย             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส - AIS
โฮมเพจ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย

   
search resources

แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส, บมจ.
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย-TOT
ชินวัตร
Telecommunications




แม้ว่าการเดินสู้เส้นทางการเมืองเพื่อปกป้องธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในมือของ ดร.ทักษิณ ชินวัตรดูจะไร้ผล เพราะตลอดช่วงอายุของรัฐบาลชุดที่แล้ว กลุ่มชินวัตรต้องเป็นฝ่ายนั่งมองดูเทเลคอมเอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ ทีเอกอบโกยสัมปทานสื่อสารมาไว้ในมือเป็นจำนวนมากอย่างไม่สามารถทำอะไรได้

ยกเว้นการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือของแอดวารซ์ อินโฟร์เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ที่ทำไว้กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) จำนวน 12 ข้อเพื่อแลกกับการเปิดเสรี สามารถสะท้อนให้พลังความเป็น ดร.ทักษิณ ที่อาศัยการผูกขายกิจการสื่อสารของรัฐสร้างธุรกิจสื่อสารด้วยทุนรอนไม่กี่ล้านบาทจนมีอาณาจักรแสนล้านภายในเวลาเพียง 10 ปีที่ใครก็ไม่อาจประมาณได้

การแก้ไขสัญญาในครั้งนี้ไม่เพียงแค่การปกปักรักษา "โทรศัพท์มือถือ" สมบัติชิ้นสำคัญที่สร้างรายได้หลักให้กับกลุ่มชินวัตรมาตลอด แต่ยังเป็นการพลิกสถานการณ์จากการ "ตั้งรับ" มาเป็น "รุก"

เพราะทุกข้อในสัญญาล้วนแต่เปิดโอกาส และให้ความคล่องตัวแก่เอไอเอสในการขยายขอบข่ายธุรกิจสื่อสารออกไปอย่างมากมายอย่างเห็นได้ชัด

นอกเหนือจากการต่ออายุสัญญาสัมปทานและการรอดพ้นจากความเสียหายในการลดค่าใช้บริการ

ในสัญญาข้อ 2 ที่ระบุไว้ว่าเอไอเอสมีสิทธิลงทุนสร้างโครงข่ายระบบสื่อสัญญาณเชื่อมโยง (TRANSMISSION NETWORKS) ในสื่อนำที่จำเป็นได้ทุกชนิดโดยบริษัทเองได้ และยกทรัพย์สินเป็นของ ทศท. ในลักษณะของบีทีโอ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ดูและบำรุงรักษาเครือข่าย โดย ทศท. จะอำนวยความสะดวกในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้

ทั้งนี้เอไอเอสมีสิทธิบนเครือข่ายดังกล่าวที่ลงทุนสร้างมาใช้ในกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือทำประโยชน์จากเครือข่ายที่บริษัทลงทุนได้โดยรายได้ที่เกิดขึ้นให้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการคิดคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนที่บริษัทต้องจ่ายให้ ทศท. เป็นรายปีตามสัญญา

ก่อนหน้านี้เอไอเอสจะต้องเช่าระบบสื่อสัญญาณเชื่อมโยงจากทศท. มาใช้ในการเชื่อมโยงระหว่างชุมสาย ซึ่งเอไอเอสจะมีสิทธิ์สร้างได้ในกรณีที่ทศท.ไม่มีให้บริการเท่านั้น แต่จากข้อสัญญาดังกล่าวเท่ากับเป็นการเปิดทางให้เอไอเอสกลายเป็นเจ้าของเครือข่ายพื้นฐานอันเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่มชินวัตร เพราะนั่นหมายถึงการเป็นเจ้าของเครือข่ายทางด้านข้อมูลล้ำยุคที่ชินวัตรยังไม่มี

อีกทั้งเอไอเอสยังสามารถหาประโยชน์จากมูลค่าเพิ่มบนโครงข่ายทางด่วนข้อมูล ที่ให้บริการได้ทั้งข้อมูล ภาพ และเสียง เช่นเดียวกับที่ทีเอได้รับอนุมัติให้ทำบริการเสริมบนโทรศัพท์พื้นฐาน

นอกจากนี้สัญญาข้อ 7 ระบุว่า ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีของโครงข่ายทศท.และการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นเหตุให้โครงข่ายของบริษัทไม่สามารถใช้ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของโครงข่ายบริษัท บริษัทมีสิทธิ์ทำการเปลี่ยนแปลงหรือปรับ ปรุงเทคโนโลยีของโครงข่ายบริษัท ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ได้ด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัทเองทั้งสิ้น

บริษัทสามารถให้บริการต่อเนื่องเพิ่มเติม อันเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามสัญญาได้ และในอนาคตเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติมบริษัทมีสิทธินำเทคโนโลนีเหล่านั้น มาให้บริการต่อเนื่องเพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการตามสัญญาได้

ภายใต้สัญญาข้อนี้เท่ากับเป็นการเปิดช่องทางให้เอไอเอสสามารถนำระบบสื่อสารชนิดใหม่ ๆ มาให้บริการ

แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นโทรศัพท์ไร้สายส่วนบุคคล ระบบพีเอชเอส หรือชื่อใหม่คือพีซีที (PERSONAL CORDLESS TELEPHONE) ที่ทีเอกำลังเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นหนามยอกอกของเอไอเอส อันเป็นที่มาของการแก้ไขสัญญาดังกล่าว

การทำงานของโทรศัพท์ไร้สายพีเอชเอส หรือ พีซีทีจะคล้ายกับโทรศัพท์มือถือ แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของรัศมีการรับสัญญาณที่จำกัดกว่า คือ ผู้ใช้จะต้องอยู่ห่างจากสถานีฐานไม่เกิน 200 เมตร และสามารถใช้ในขณะที่รถวิ่งไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ด้วยราคาเครื่องขนาดจิ๋วที่ถูกกว่าสนนราคาประมาณ 8,000 บาท ค่าใช้บริการรายเดือนเพียงเดือนละ 200 บาท และโทรที่ถูกกว่าโทรศัพท์มือถือ

มีการประเมินว่าโทรศัพท์ไร้สายส่วนบุคคลนั้นจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอนาคต เพราะเป็นระบบสื่อสารในยุคดิจิตอลที่ให้บริการได้ทั้งข้อมูลภาพและเสียง ที่สำคัญยังเอื้อประโยชน์ต่อผู้ลงทุน สามารถประหยัดเงินลงทุนและเนื้อที่ ด้วยขนาดของสถานีฐานที่เล็กลง

ในหลายประเทศจึงมีการเงพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวขึ้นมาหลายระบบนอกเหนือจากพีเอชเอสของญี่ปุ่นแล้ว มีระบบ DECT ระบบ DCS 1900 ของค่ายยุโรป ระบบ PACT ของบริษัทฮิวจ์ เน็ทเวิร์คแห่งสหรัฐอเมริกาก็กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ก่อนหน้านี้เอไอเอส เคยศึกษาในการจะนำระบบ DECT เข้ามาใช้บริการร่วมกับระบบจีเอสเอ็ม ภายใต้ระบบ DECT-GSM ซึ่งในปัจจุบันได้มีการทดลองใช้นำระบบโทรศัพท์ทั้งสอปงระเภทมาใช้งานร่วมกันแล้วในบางประเทศของยุโรป

ภายหลังจากได้รับอนุมัติให้แก้ไขสัญญา เอไอเอสก็เริ่มเดิมเครื่องด้วยการยื่นขอคลื่นความถี่ย่าน 1900 เมกะเฮิรตซ์ไปที่ ทศท.ทันที ซึ่งความถี่ในย่านนี้จะใช้กับระบบโทรศัพท์ไร้สายส่วนบุคคล PCT และ DECT ซึ่งกรมไปรษณีย์โทรเลขได้อนุมัติให้กับ ทศท.ไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าทศท. จะไปอนุมัติให้ใคร

แต่ยังไม่ทันที่ ทศท. จะอนุมัติให้อย่างเป็นทางการ เรื่องก็ปูดออกมาเสียก่อน เพราะคู่แข่งในสนามนี้ของเอไอเอสไม่ได้มีเพียงแค่ทีเอ หรือ ทีทีแอนด์ทีเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มยูคอม ซึ่งจ้องขอเปลี่ยนสัมปทานโฟนพ้อยต์ที่แทนจะสิ้นชื่อลงแล้วให้มาเป็นระบบพีเอชเอสแต่ก็ยังไม่ได้รับอนุมัติเสียทีแม้จะผ่านไปถึง 2 รัฐบาล

งานนี้แม้จะไม่สะดวกโยธินเท่าที่ควร แต่ภายใต้สัญญา 12 ข้อ ที่ล้วนแต่เป็นประโยชน์ และสร้างความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจกับเอไอเอส คงไม่ใช่เรื่องยากแม้จะต้องใช้เวลาและกำลังภายในเข้าช่วยก็ตาม

อีกทั้งเอไอเอสเองก็ยังไม่ได้ตกลงใจว่าเลือกเทคโนโลยีใดระหว่างระบบพีซีที ระบบเดค หรือ ระบบแพคส์ ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน แต่ในระบบแพคส์อยู่ระหว่างการพัฒนาให้สามารถพกพาในขณะเคลื่อนที่ได้ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ที่แน่น ๆ งานนี้เอไอเอสคงไม่ยอมตกขบวนเป็นแน่

เพราะการมีโทรศัพท์ไร้สายแบบพกพาในมือเท่ากับเป็นการขยายฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือของเอไอเอส ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับที่ต่ำลงมา ที่มีกำลังซื้อต่ำกว่าแต่เป็นฐานลูกค้าที่มีอยู่จำนวนมาก และด้วยราคาเครื่อง และค่าบริการที่ถูกกว่าจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปครองใจลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวเช่นที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในญี่ปุ่น

หรืออย่างน้อยเอไอเอสก็ได้ครอบครองคลื่นความถี่ไว้ในมือ เพราะอย่างที่รู้ว่าคลื่นความถี่นั้นเป็นส่นสำคัญที่สุดของระบบสื่อสารไร้สาย และนับวันจะหมดลงไปทุกที จนจัดเป็นทรัพยากรที่ต้องรักษาเอาไว้

ดังนั้นหากใครสามารถครองครองความถี่ไว้ได้ย่อมต้องถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ดูจากรณีที่แทค ที่ได้ครอบครองคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ไปทั้งย่าน ทุกวันนี้แทคสามารถตัดแบ่งคลื่นความถี่มาเซ็งลี้ต่อให้กับกลุ่มไออีซี และกลุ่มสามารถไปได้อย่างสบาย ๆ ด้วยการมอบสิทธิให้ทั้งสองรายเป็นโอเปอเรเตอร์ช่วยขยายเครือข่ยและขยายตลาดให้

งานนี้ก็ต้องรอดูว่า เอไอเอสจะปล่อยอิทธิฤทธิ์อะไรอีกนับจากนี้ แต่ที่แน่ ๆ ศึกโทรศัพท์ไร้สายกำลังเริ่มต้นแล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us