|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จากเดิมตลาดวิสกี้ เป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดต่อเนื่องมาหลายปี แต่วันนี้ สังเวียนการแข่งขันของค่ายเหล้านอกได้เปลี่ยนไป โดยผู้เล่นในตลาดหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นมากขึ้น ปรากฎการ์ณที่เกิดขึ้น เมื่อเร็วๆนี้ค่ายยักษ์ใหญ่ของวงการนำเข้าเหล้านอก ก็เริ่มจัดทัพสินค้าสู้ศึกครั้งใหม่ในตลาดไวท์ สปิริต หรือวิสกี้สีขาว รองรับกระแสวัฒนธรรมการดื่มค็อกเทลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก ซึ่งทำให้วอดก้าทั่วโลกเติบโตเฉลี่ยต่อปี 5%
ที่สำคัญ เพื่อรับมือกับการเติบโตของของเครื่องดื่มคอกเทลในบ้านเราที่เริ่มทวีความนิยมขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าสัดส่วนของตลาดไวท์ สปิริต มีปริมาณเพียง 1.5 แสนลัง ของตลาดรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณ 6 ล้านลังก็ตาม แต่ก็เป็นตลาดที่มีโอกาสในการขยายตัวมาก
ที่ผ่านมาตลาดรวมไวท์ สปิริต มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2546-2548 ตลาดรวมมีการเติบโตถึง 19% และตลาดรวมในปัจจุบันมีมูลค่า 830 ล้านบาท แบ่งเป็น วอดก้า มูลค่า 400 ล้านบาท สัดส่วน 48% จิน 36% และเตอกีล่า 16%
ด้วยสัดส่วนขนาดตลาดมากที่สุดของวอดก้า และมีการเติบโตถึง 32% จึงเป็นเซกเมนต์หลักที่ขับเคลื่อนตลาดไวท์ สปิริต ให้มีการขยายตัวเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ทำให้บริษัทนำเข้านอกหลายๆค่ายเริ่มเบนเข็มมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดวอดก้าเป็นตลาดรองจากการบุกตลาดวิสกี้ โดยแทบทุกค่ายที่ทำตลาดเหล้านำเข้านั้น ล้วนมีไวท์ สปิริต แบรนด์ดังอยู่ในมือและเตรียมงัดออกมาถล่มกันอย่างเต็มที่
ทั้งสมอร์นอฟ ของริชมอนเด้ และ ฟินแลนเดีย วอดก้า ของค่ายบราวน์-ฟอร์แมน ที่มี แจ๊ค แดเนียล เท็นเนสซี่วิสกี้ เป็นผลิตภัณฑ์หลัก แต่เตรียมพร้อมรุกตลาดไวท์สปิริต ด้วยการออก "ฟินแลนเดีย วอดก้า รสมะม่วง" รสชาติใหม่เร็วๆนี้ ตามมาด้วยเหล้ายีน บอมเบย์ ซัฟไฟร์ และวอดก้า เกรย์ กรู๊ซ ของบาคาร์ดี้
ทว่าแม้ วอดก้า จะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีจำหน่ายมานานแล้ว โดยมีสเมอร์นอฟเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 33 % อันดับสองเป็นฟินแลนเดีย 14% แอ็บโซลูท 7% อื่นๆ 46% แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีค่ายไหนทุ่มกำลังมาทำตลาดอย่างจริงจัง
ภาพรวมการแข่งขันในตลาดไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน ส่วนใหญ่ที่ออกมาเคลื่อนไหวในตลาดมักจะเป็นการจัดกิจกรรมที่มุ่งไปหาบาร์เทนเดอร์ มืออาชีพของโรงแรมชั้นนำ ผับ บาร์ และร้านอาหารโดยจัดกิจกรรมการแข่งขันเพื่อปั้นบาร์เทนเดอร์ไทย ทั่วประเทศ เพื่อค้นหาสุดยอดเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประกวดบาร์เทนเดอร์ระดับ ทั้งนี้เพื่อสร้างแบรนด์กับกลุ่มบาร์เทนเดอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าที่ใช้สินค้าโดยตรง
ริชมอนเด้ เป็นผู้เล่นในตลาดรายแรก ที่กระโจนลงมาทำตลาดอย่างเต็มตัว โดยเมื่อเร็วๆนี้ได้ประกาศศึกลงสังเวียนวอดก้าอย่างเป็นทางการสำหรับแผนการบุกตลาดไวท์ สปิริตนั้น ศนิตา คาจิจิ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) บอกว่า
ตลาดไวท์ สปิริต เป็นตลาดที่บริษัทให้ความสำคัญมาก โดยจะมีสินค้าออกมาทำตลาดครบพอร์ตโฟลิโอ 20 แบรนด์ ครอบคลุมทุกระดับราคาทั้ง 3 เซกเมนต์คือ ตลาดระดับล่าง วอดก้า กลุ่มอีโคโนมี ราคาต่ำกว่า 500 ระดับกลางพรีเมียม ราคา 500-1,000 บาท และวอดก้า ระดับซูเปอร์พรีเมียม ราคาสูงกว่า 1,000 พันบาท
แม้จะมีสินค้าบุกทั้ง 3 ตลาด แต่ระดับพรีเมียม เป็นเซกเมนต์ที่ริชมอนเด้จะให้ความสนใจมากในการทำตลาดในประเทศไทย โดยมีวอดก้า แบรนด์ “สมอร์นอฟ”ราคา 590 บาท ขนาด 700 มล.เป็นหัวหอกของการบุกไวท์ สปิริต เพราะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นวอดก้าระดับพรีเมียม ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มไวท์สปิริตทั่วโลก
นอกจากนั้น ตลาดวอดก้าในประเทศไทย สเมอร์นอฟยังเป็นผู้นำตลาดวอดก้าด้วยส่วนแบ่ง 33% และคาดว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 40% ในปีนี้ โดยปี 2543-2547 สเมอร์นอฟมีอัตราการเติบโตทั่วโลก เฉลี่ยต่อปีประมาณ 6.3%
“แนวทางการทำตลาดที่สื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายร้านค้ากับกลุ่มลูกค้า จะอยู่ภายใต้คอนเซปต์ “Clearl Original – Clearly Smirnooff” เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายYoung Adult ชายหญิงอายุ 25-35 ปี ที่มีไลฟ์สไตล์มองหาสิ่งใหม่ๆเพื่อสีสันของชีวิต เน้นจำหน่ายผ่าน 2 ช่องทางหลักคือ ออน พรีมิส (สถานบันเทิง ผับ บาร์ ดิสโก้เธค โรงแรม ร้านอาหาร) ประมาณ 2 พันแห่ง สัดส่วน 75%และออพพรีมิส (โมเดิร์น เทรด) 25% ประมาณ 200 แห่ง ” ศนิตา กล่าว
พร้อมเทงบการตลาด 50 ล้านบาท มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ในกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวตามหัวเมือง พร้อมทั้งวางเป้าหมายขยายฐานการดื่ม จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่รู้จักและนิยมดื่มคอกเทล ไปสร้างตลาดใหม่ที่ดื่มได้ทั้งเป็นแก้วและขวด โดยใช้กลยุทธ์การตลาดสร้างประสบการณ์ (Experience Marketing) จัดกิจกรรมการตลาดสื่อสารตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้ามาลองดื่มและสัมผัสกับความป็นวอดก้าที่แท้จริง
รวมถึงการทำตลาดกับกลุ่มร้านค้า และบาร์เทนเดอร์ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้สำคัญมาก เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้สินค้าโดยตรง โดยจะมีการทำตลาดให้ความรู้เรื่องการผสมเครื่องดื่มคอกเทล จัดเมนูเครื่องดื่มสูตรพิเศษเฉพาะที่ผสมกับสเมอร์นอฟให้กับบาร์เทนเดอร์ เพื่อสร้างพฤติกรรมให้ผู้บริโภคระบุแบรนด์ในการเลือกวอดก้าผสมเป็นค็อกเทล
การเข้ามารุกตลาดวอดก้า ที่ถือว่าเป็นผู้กำหนดเกมในตลาดนั้น ริชมอนเด้าคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะทำให้ตลาดไวท์สปิริตจะเติบโตขึ้น 5% เป็น 875 ล้านบาท หรือมีปริมาณ 153,000 ลัง
|
|
|
|
|