Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์21 สิงหาคม 2549
ไพโอเนียร์เจาะโลคอลไลฟ์สไตล์เพิ่มฟีเจอร์ ไม่เพิ่มราคา             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด

   
search resources

ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย), บจก.
Marketing
Electric




ไพโอเนียร์เจาะตลาดด้วยการปรับฟีเจอร์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และรสนิยมในการฟังเพลงของผู้บริโภคไทย พร้อมกับมีการจูนระบบให้มีโทนเสียงสอดคล้องกับรสนิยมของผู้บริโภคไทย นอกจากนี้ยังเกาะกระแสความแรงของเอ็มพี 3 ด้วยการพัฒนาฟีเจอร์เครื่องเสียงให้สามารถใช้งานร่วมกับ USB Port ได้โดยตรง ส่วนเรื่องราคาจะไม่มีการปรับขึ้นเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง นอกจากนี้ยังเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมารองรับตลาดไฮเอนด์มากขึ้น

ไพโอเนียร์ชูปรัชญาพื้นฐานในการทำการตลาดขององค์กรคือ Move the Hearth and Touch the Soul หรือ "ถึงใจ ถึงอารมณ์" ด้วยการทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์จากการสัมผัสและเพลิดเพลินกับภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ในการทำตลาดซึ่งมี Key word 3 ข้อคือ 1) ความเป็นพรีเมี่ยมที่เน้นคุณภาพของสินค้าแม้จะทำให้สินค้ามีราคาสูงกว่าคู่แข่งก็ตาม 2) การสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความเทห์ และ 3) การดีไซน์ออกแบบสินค้าให้ดูดีสวยงามและเข้ากับวิถีชีวิตของผู้บริโภค

"แนวทางการทำการตลาดเครื่องเสียงบ้านของไพโอเนียร์ในปีนี้เราจะเน้นในเรื่องของการตอกย้ำภาพลักษณ์ของคุณภาพเสียง โดยจะมีการลอนช์สินค้าที่อิงกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เช่น การพัฒนาและปรับปรุงเครื่องเสียง EV ซีรี่ส์ให้เหมาะกับตลาดเมืองไทย" ซาโตรุ คุโรซากิ กรรมการผู้จัดการ ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าว

อย่างไรก็ดีเนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคในระดับกลางและล่างลดลงทำให้บริษัทต้องหันไปโฟกัสตลาดระดับบนโดยจะมีการทำกิจกรรมการตลาดในรูปแบบต่างๆและการสื่อสารที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยชูจุดขายในเรื่องของเทคโนโลยีและการดีไซน์ซึ่งทำให้ไพโอเนียร์แตกต่างจากคู่แข่งหลายๆแบรนด์ที่ออกไฟติ้งโมเดลมาเพื่อรักษายอดขาย

ไพโอเนียร์ทุ่มงบการตลาดในปีนี้กว่า 200 ล้านบาทโดยให้ความสำคัญกับตลาดเครื่องเสียงบ้านมากเป็นพิเศษโดยเฉพะดีวีดีซิสเท็มส์ซึ่งเป็นไฮไลท์หลักที่จะเข้าถึงรสนิยมของผู้บริโภคไทยด้วยการปรับโทนเสียงให้เหมาะกับความชอบของคนไทยซึ่งที่ผ่านมาการจูนโทนเสียงจะถูกออกแบบมาจากญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ยังเพิ่มช่องต่อเอ็มพี 3 โดยมีการเพิ่มฟังก์ชั่น Retriever ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงจากเอ็มพี 3 ให้ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายรายที่พัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าวเช่นโซนี่และแอลจี

นอกจากนี้ก็ยังมีลำโพง Puer malt ที่ทำจากไม้โอ๊ค ชุดโฮมเธียร์เตอร์ และเครื่องเสียงแยกชิ้นรุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาดซึ่งมีฟังก์ชั่นในการเชื่อมต่อกับ iPod และ USB Port โดยมีเครื่องบันทึกดีวีดีเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญโดยไพโอเนียร์ได้ชูจุดขายในเรื่องของการเชื่อมต่อกับสื่อบันทึกข้อมูลที่หลากหลาย และระยะเวลาบันทึกที่นานถึง 711 ชั่วโมงสำหรับฮาร์ดดิสก์ และ 24 ชัวโมงสำหรับแผ่นดูอัลเลเยอร์ และ 12 ชั่วโมงสำหรับแผ่น DVD-R ธรรมดา โดยปัจจุบันไพโอเนียร์เป็นผู้นำตลาดเครื่องบันทึกดีวีดีด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 35% จากตลาดรวม 6,000 กว่าเครื่อง

ปกติแล้วสินค้าของไพโอเนียร์จะมีราคาแพงกว่าคู่แข่งในตลาดโดยเฉลี่ย 10% แต่สำหรับเครื่องบันทึกดีวีดีรุ่นใหม่นี้จะแพงกว่าคู่แข่งอย่างโซนี่และฟิลิปส์ถึง 20% แต่ไพโอเนียร์ก็เคลมตัวเองในเรื่องของระยะเวลาในการบันทึกที่ยาวนานกว่าคู่แข่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีโลคัลแบรนด์หลายรายพยายามรุกตลาดนี้โดยจำหน่ายในราคาเพียง 6,990 บาท แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากเป็นสินค้าเทคโนโลยีที่ผู้บริโภคพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์มากกว่าราคา แต่ทั้งนี้ราคาของสินค้าก็มีการปรับตัวลดลงพอสมควรโดยรุ่นที่วางตลาดเมื่อ 3 ปีก่อนจะมีราคา 50,000 บาทแต่ปัจจุบันราคาเหลือเพียง 13,900 บาทเท่านั้น

นอกจากนี้ไพโอเนียร์ยังเตรียมลอนช์ระบบ Music Tap ในอีก 3 เดือนข้างหน้าซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถฟังเพลงได้จาก 5 จุดในบ้านโดยไม่ต้องใช้สายลำโพงและไม่ใช้ระบบไวร์เลส แต่เป็นการส่งสัญญาณย้อนกลับเข้าสู่สายไฟในบ้านจากตัวเครื่องแม่ข่ายไปสู่ลูกข่าย เพียงเสียบปลั๊กลำโพงลูกข่ายก็สามารถรับฟังเพลงได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถแยกการรับฟังเพลงเป็น 2 ช่องในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้คาดว่า Music Tap จะนำเข้ามาจะหน่ายในราคา 10,000 กว่าบาทและจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของระบบไวร์เลสในอนาคต

สำหรับช่องทางจำหน่ายของไพโอเนียร์จะคล้ายกับเครื่องไฟฟ้าแบรนด์เนมทั่วไปที่ให้ความสำคัญกับดีลเลอร์มากกว่าเนื่องจากมีต้นทุนในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าและสามารถสร้างยอดขายสินค้าไฮเอนด์ได้มากกว่า โดยที่ผ่านมาไพโอเนียร์มีรายได้จากช่องทางโมเดิร์นเทรด 45% ที่เหลือเป็นดีลเลอร์ 150 ราย แบ่งเป็นรายได้จากดีลเลอร์ในกรุงเทพฯ 35% และดีลเลอร์ต่างจังหวัดอีก 20% ซึ่งไพโอเนียร์มองว่ายังมีโอกาสในการขยายดีลเลอร์ในต่างจังหวัดอีกมาก ขณะเดียวกันในฟากของโมเดิร์นเทรดซึ่งมีทั้งที่เป็นสเปเชียลตี้สโตร์อย่างเพาเวอร์มอลล์ เพาเวอร์บาย และกลุ่มของดิสเคาน์สโตร์ซึ่งพยายามยกระดับภาพลักษณ์ตัวเองให้สูงขึ้นด้วยการจำหน่ายสินค้าไฮเอนด์มากขึ้น ซึ่งในอดีตเราจะไม่เห็นแอลซีดีทีวีหรือพลาสม่าทีวีในบิ๊กซี คาร์ฟูร์ โลตัส แต่ปัจจุบันดิสเคาน์สโตร์เหล่านี้นำสินค้าดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายมากขึ้น ดังนั้นไพโอเนียร์จึงมองเห็นโอกาสในการทำตลาดสินค้าไฮเอนด์ผ่านช่องทางดังกล่าวโดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะนำเครื่องบันทึกดีวีดีเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด ส่วนพลาสม่าทีวียังไม่มีแผนที่จะเข้าสู่โมเดิร์นเทรดในเร็วๆนี้ เนื่องจากทีวีจอบางแบนรุ่นที่จำหน่ายในดสิเคาน์สโตร์เป็นรุ่นที่มีความละเอียดต่ำราคาไม่ถึงหลักแสนบาทและกลุ่มลูกค้าในช่องทางดังกล่าวยังคงพิจารณาเรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญ

ทั้งนี้จีเอฟเคเคยคาดการณ์การเติบโตของตลาดเครื่องเสียงในบ้านเราว่าจะถดถอยลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2545 ที่ตลาดเครื่องเสียงโดยรวมมีมูลค่ากว่า 11.1 พันล้านบาท จากนั้นในปี 2546 ตลาดเครื่องเสียงมีมูลค่าเหลือเพียง 9.1 พันล้านบาท พอมาปี 2547 ตลาดตกมาอยู่ที่ 9 พันล้านบาท และในปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดเหลือ 8.6 พันล้านบาท ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 8.2 พันล้านบาท ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมาให้ความสนใจกับความบันเทิงแบบพกพาโดยเฉพาะเครื่องเล่นเอ็มพี 3 ตลอดจนวิถีวีชิตที่อยู่กับคอมพิวเตอร์เกือบทั้งวันทำให้ผู้บริโภครับความบันเทิงผ่านคอมพิวเตอร์มากขึ้นโดยเฉพาะการฟังเพลงออนไลน์ ส่งผลให้ตลาดเครื่องเสียงมีการเติบโตที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ดังนั้นเครื่องเสียงแบรนด์เนมหลายๆแบรนด์จึงหันมาให้ความสำคัญกับตลาดไฮเอนด์มากขึ้นเนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก อีกทั้งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากกว่าราคา จึงไม่ต้องกลัวการเข้ามาของคู่แข่งหน้าใหม่โดยเฉพาะจากเมืองจีนที่ใช้สงครามราคาเป็นอาวุธ

"ปัจจุบันไลฟ์ไซเคิลของเครื่องเสียงแต่ละรุ่นจะมีช่วงเวลาในการทำตลาดประมาณ 1 ปี ในขณะที่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในตลาดเครื่องเสียงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยสภาวะทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อตลาด เช่นในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีคนก็จะมองหาบ้านหลังเล็กราคาถูกอย่างทาวน์เฮาส์ ซึ่งแต่ละหลังอาจจะซื้อเครื่องเสียงไว้ใช้เพียงเครื่องเดียว แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจดี หรือในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ อาศัยในบ้านเดี่ยวก็มักจะมีเครื่องเสียงในแต่ละห้อง จึงถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ ดังนั้นไพโอเนียร์จึงพยายามที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ด้วยการหาสินค้าใหม่ๆมาตอบสนอง" คณาธิป เจิรญสิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าว

ที่ผ่านมาเราจะเห็นหลายๆค่ายที่ทำตลาดเครื่องเสียงหันมาให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้นแทนที่จะมุ่งแต่พัฒนาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เช่นกรณีของโซนี่ที่ทำ Cross Category ด้วยส่งเครื่องเสียง AZ ซีรี่ส์เข้ามาทำตลาดเพื่อเอาใจคอเพลงเอ็มพี 3 โดยเฉพาะเนื่องจากพบว่าแนวโน้มของตลาดเอ็มพี 3 มีการเติบโตอย่างมากจาก 250,000 เครื่องในปี 2547 เพิ่มเป็น 400,000 เครื่องในปี 2548 ดังนั้นการเพิ่มฟีเจอร์ USB Port ที่สามารถใช้งานร่วมกับเอ็มพี 3 หรือทรัมป์ไดรฟ์ได้ทำให้การโอนถ่ายหรือดาวน์โหลดเพลงทำได้สะดวกขึ้นจึงสามารถดึงลูกค้าจากตลาดเอ็มพี 3 ให้หันมาสนใจเครื่องเสียงเพราะสามารถปรับแต่งเสียงให้ดีขึ้น โดยโซนี่ได้เอ็ดดูเคตการใช้งานในบ้าน ในขณะที่การใช้เอ็มพี 3 เหมาะสำหรับการเดินทางหรืออยู่นอกสถานที่มากกว่า ทั้งนี้โซนี่ได้ส่งเครื่องเสียงซีรี่ส์ AZ ซึ่งมีฟีเจอร์ต่อเชื่อมกับ USB เข้าสู่ตลาดในช่วงปลายปีที่แล้ว 2 รุ่นคือ DHC-AZ3DM (ลำโพง 2 ตัว) ราคา 15,990 และ DHC-AZ7DM (ลำโพง 5 ตัว) ราคา 21,990 บาท ผ่านร้านค้าที่เป็นดีลเลอร์กว่า 400 ราย รวมถึงร้านค้าไอทีเพื่อที่จะเข้าถึงผู้ใช้เครื่องเล่น MP 3 ที่มีอายุระหว่าง 23-36 ปี ทั้งชายและหญิง โดยจะมีทั้งการทำโฆษณาทีวีและกิจกรรมการตลาด On Ground Activity ที่อยู่ในชอปปิ้ง มอลล์

แต่นั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Be Connected-Touch A New Sound ที่เป็นคอนเซ็ปต์ในการทำตลาดเครื่องเสียงของโซนี่ซึ่งชูจุดเด่น 3 ข้อคือ 1) Sleek, Cool Design การออกแบบสินค้าที่มีระบบจอสัมผัส การวางช่องใส่ซีดีในแนวตั้งทำให้ลดความกว้างของตัวเครื่อง และการใช้อลูมิเนียมในการทำซัปวูฟเฟอร์ 2) PC/USB Connection การเชื่อมต่อผ่านขั้ว USB ทำให้สะดวกในการอ่านข้อมูลจากเครื่องมือไอที คอมพิวเตอร์ MP3 และอื่นๆ 3) Best Quality คุณภาพเสียงที่ดี สามารถขยายเสียงได้เท่าแอมพลิฟายเออร์ตัวใหญ่โดยใช้เทคโนโลยี S-Master Digital ดังนั้นในปีนี้โซนี่จึงส่งเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ DAV ซีรี่ส์ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่เชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลากหลาย มีระบบไวร์เลส

ในขณะที่แอลจีชูกลยทุธ์ Blue Ocean Strategy Marketing โดยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานใหม่ๆเพื่อครีเอตดีมานด์ในตลาดด้วยการส่งเครื่องเสียงที่มีฟังก์ชั่น New Karaoke System (NKS) โดยร่วมกับค่ายแกรมมี่ในการบรรจุเพลงกว่า 2,000 เพลงลงเครื่องเสียงรุ่นดังกล่าว พร้อมกับการเดินสายประกวด LG NKS Karaoke Contest เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นตลาดโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์

"NKS เป็นฟังก์ชั่นที่เราจะเจาะตลาดครอบครัวเนื่องจากการร้องคาราโอเกะเป็นไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือคนแก่ การเจาะตลาด Home Entertainmentโดยโฟกัสไปที่เซกเมนต์คาราโอเกะซึ่งถือเป็นตลาดที่กว้างแม้บางคนจะไม่ได้ซื้อใช้เองแต่ก็มีอิทธิพลในการส่งต่อหรือแนะนำให้คนอื่นใช้ตาม" ฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ แอลจีมิตร อีเลคทรอนิคส์ กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us