|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้บริหารไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์โอดครวญถูกซัพพลายเออร์รายใหญ่ยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบ และปรับเพิ่มราคาขายขึ้นอีก ส่งผลทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ฉุดผลประกอบการในไตรมาส 2 มีกำไรลดลง เชื่อผู้ประกอบการหลายรายได้รับผลกระทบจากซัพพลายเออร์รายนี้เช่นเดียวกัน
นายยงยุทธ งามไกวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่บริษัทมีผลประกอบการไตรมาส 2 ลดลง สาเหตุหลักมาจากบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ (Supplier) ที่ขายสเตนเลส ซึ่งเป็นวัตถุดิบใหญ่สุดของประเทศรายหนึ่งได้มีการยกเลิกสัญญาที่บริษัทได้ทำการสั่งซื้อวัตถุดิบไว้ และซัพพลายเออร์รายดังกล่าวได้มีการปรับเพิ่มราคาวัตถุดิบใหม่โดยเพิ่มขึ้นอีกกิโลละ 18 บาท ขณะที่บริษัทได้รับคำสั่งซื้อ (Order) จากลูกค้าไว้แล้ว จึงทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคากับลูกค้าได้ และเพื่อเป็นการรักษาสัญญาในการส่งมอบสินค้า บริษัทฯ จึงต้องยอมรับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นจากการปรับราคา จึงส่งผลทำให้บริษัทมีต้นทุนในการผลิตมากขึ้น
ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวส่งผลทำให้บริษัทได้รับความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่มีในส่วนนี้เชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขณะนี้บริษัทได้แก้ไขปัญหา โดยพยายามหาซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาแทน ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการหลายรายที่ซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายดังกล่าวคงจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และการที่ผู้ประกอบการหันไปซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามานั้น เชื่อว่าจะเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ เพราะจะทำให้ตัวเลขการนำเข้าของประเทศไทยต้องเพิ่มขึ้นอีก
"การสั่งซื้อวัตถุดิบของบริษัทนั้นจะสั่งตามจำนวนออเดอร์ของลูกค้าที่เข้ามา ซึ่งไม่เคยมีการเก็งกำไรแต่อย่างใด แต่การที่ซัพพลายเออร์มาเบี้ยวสัญญาเช่นนี้ ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าบริษัทไม่มีความเสียหายในส่วนนี้ผลประกอบการในไตรมาส 2 จะดีขึ้นอย่างมาก แต่บริษัทก็ไม่ต้องการค้าความกับซัพพลายเออร์รายดังกล่าว ทำให้บริษัทหันไปหาแหล่งวัตถุดิบจากที่อื่น เช่นซื้อจากต่างประเทศเข้ามาแทน" นายยงยุทธกล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ภายในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 10.90 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.10 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2549 มีกำไรสุทธิ 31.06 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.80 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท
|
|
|
|
|