"เพอร์เฟค" โล๊ะแบรนด์บ้านเดี่ยว "เพอร์เฟคเพสล-พาร์ค" ทิ้ง เปิดตัวกลุ่มบ้าน นิวเทรนด เฮ้าส์ซิ่ง ราคา 1-3 ล้านบาท รับกำลังซื้อลูกค้าหด เจาะตลาดกลาง-ล่าง เตรียมรับมือตลาดแข่งดุปลายปีต่อเนื่องปี 50 ระบุรายใหญ่ปรับสินค้า หั่นราคาแข่งตลาดแมส เผยครึ่งปีแรก ยอดขาย 4,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ 2,017 ล้านบาท แจงนำกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แบงก์ ส่งผลกำไรสุทธิครึ่งปีแรกติดลบ 28 ล้านบาท ระบุผลดีช่วยลดหนี้สินต่อทุนของบริษัทคาดปี 50 หนี้สินต่อทุนเหลือ 1.2 เท่าจากปัจจุบัน 1.37 เท่า
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 49 นี้เป็นต้นไป การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะทวีความรุนแรงด้านการแข่งขันมากขึ้นโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับ 1-3 ล้านบาท เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ส่งสินค้าตัวใหม่ เข้ามาเจาะกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยตลาดระดับล่างมากขึ้น เพื่อปรับสินค้าให้สามารถรองรับกำลังซื้อของลูกค้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากภาวะน้ำมันแพงที่ส่งผลต่อการปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในตลาดลดลง ส่งผลให้เกิดการชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยในตลาด
โดยในส่วนของ เพอร์เฟคฯ จะมีการปรับปรับสินค้าใหม่ โดยส่งสินค้าในกลุ่ม นิวเทรนด เฮาส์ซิ่ง ระดับราคา 1-3 ล้านบาท เข้ามารองรับความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้าที่ลดลง ซึ่งสินค้า นิวเทรนด เฮ้าส์ซิ่งนี้ จะประกอบด้วยบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด โดยสินค้ากลุ่มนี้ จะเข้ามาทำตลาดทดแทนสินค้าแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค และแบรนด์เพอร์เฟคเพลส ซึ่งบริษัทจะทยอยแทรกกลุ่มบ้านดังกล่าวเข้าไปในโครงการ เพอร์เฟคพาร์ค และเพอร์เฟคเพลส และหยุดพัฒนาบ้านในแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค และเพลสเข้ามาทำตลาด
ทั้งนี้ สินค้าในกลุ่ม นิวเทรนด เฮ้าส์ซิ่งนี้ จะเข้ามาทดแทนบ้านในแบรนด์เพอร์เฟคเพลสและพาร์ค ทั้งหมดในปี 2550 ส่วนบ้านในแบรนด์เพอร์เฟค มาสเตอร์พิช นั้นบริษัทจะยังคงสัดส่วนการผลิตไว้เหมือนเดิม เพราะยังได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี สำหรับกลุ่ม นิวเทรนด เฮ้าส์ซิ่ง นั้นจะมีราคาขายเฉลี่ยลดลงจากบ้านในแบรนด์ พาร์คและเพลส ประมาณ 1 ล้านบาท โดยบ้านเดี่ยวจะมีราคา 2.5-2.9 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 90-120 ตารางเมตร บ้านแฝดราคา 1.9-2.4 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 90-120 ตารางเมตร และทาวน์เฮาส์ราคา 1.6-1.8 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 80 ตารางเมตร หน้ากว้าง 6 เมตร
สำหรับสินค้ากลุ่ม นิวเทรนด เฮ้าส์ซิ่ง นี้จะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ 9 โครงการมูลค่าโครงการรวม 1,200 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 5 โซน ประกอบด้วย โซนที่ 1 โครงการรัตนาธิเบศร์ ซึ่งมีที่ดินในการพัฒนา 300 ไร่ จะมีการเปิดตัวบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด ในเฟสแรกจะเปิดขาย 150 ยูนิต แบ่งบ้านเดี่ยว 50 ยูนิต ทาวน์เฮาส์ 50 ยูนิต บ้านแฝด 50 ยูนิต ซึ่งจะเป็นบ้านสั่งสร้างทั้งหมด โซนที่ 2 โครงการบ้านเดี่ยว โซนรังสิตเฟสแรก 50 ยูนิต เนื้อที่โครงการ 17 ไร่ โครงการบ้านแฝด ติวานนท์ถนน 345 เฟสแรก 50 ยูนิต บนเนื้อที่ 50 ไร่ โครงการบ้านแฝด พระราม 5 เฟสแรก 50 ยูนิต พื้นที่โครงการ 20 ไร่ โครงการบ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ บางใหญ่ เนื้อที่ 200 ไร่ แบ่งเป็นบ้านแฝดและทาวน์เฮาส์ประเภทละ 50 ยูนิต
โซนที่ 3 โครงการบ้านแฝด รามคำแห่งเฟสแรก 50 ยูนิต เนื้อที่โครงการ 50 ไร่ โครงการบ้านแฝดร่มเกล้าเนื้อที่ 100 ไร่ เฟสแรก 50 ยูนิต โซนที่ 4 โครงการบ้านแฝดสุขุมวิท 77 เนื้อที่โครงการ 100 ไร่ เฟสแรก 50 ยูนิต และโซนที่ 5 โครงการบ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ เนื้อที่ 200 ไร่ เฟสแรกจะเปิดอย่างละ 50 ยูนิต นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเมโทรพาร์คในเฟสที่ 2 เพิ่มอีก 4 อาคาร จากที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดไปแล้ว 4 อาคาร และได้รับการตอบรับที่ดีมากโดยมียอดขายแล้ว 3 อาคาร ทำให้บริษัทต้องเร่งเปิดเพิ่มอีก 4 อาคาร ในเฟสเดือน ก.ย.นี้
สำหรับผลดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรกนี้ บริษัทมียอดขาย สิ้นสุด ณ เดือน ก.ค. 4,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 8,000 ล้านบาท โดยมีรายได้รับรู้รวม 2,017 ล้านบาท จากเป้ารับรู้รายได้ทั้งปีรวม 5,000 ล้านบาท โดยมีกำไรเบื้องต้น ในช่วงครึ่งปีแรกที่ 600 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้นำกำไรสุทธิไปจ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงิน 175 ล้านบาท ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกนี้บริษัทมีกำไรสุทธิติดลบ 28 ล้านบาท ทั้งนี้จากการที่บริษัทนำกำไรสุทธิไปทยอยจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สถาบันการเงินนี้จะทำให้ในปี 50 บริษัท มีหนี้สินต่อทุนลดลง เหลือ 1.2 เท่า จากที่ปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ 1.37 เท่า ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคต
|