บล.เอเชียพลัส รับรายได้วาณิชฯ ลดลงแต่ไม่มากหลังรับงานเทกโอเวอร์-ซื้อกิจการ คาดก่อนสิ้นปีเข็นบริษัทใหม่อย่างน้อย 2 บริษัทระดมทุน เตรียมนำ "เด็มโก้" จดทะเบียนช่วงต้นไตรมาส4/49 ใน mai ผู้บริหารชี้อนาคตมีแนวโน้มย้ายไป SET รอทุนจดทะเบียนเกินเกณฑ์ มั่นใจรายได้-กำไรโตต่อเนื่อง

นายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ารายได้ในด้านวาณิชธนกิจของบริษัทในปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีงานในด้านอื่นเข้ามาสนับสนุน เช่น การควบรวมกิจการ หรือการซื้อกิจการนอกตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

ทั้งนี้บริษัทยังเชื่อว่าภายในปีนี้จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 2 บริษัทโดย 1 ในนั้นคือบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการงานระบบวิศวกรรมไฟฟ้าและโทรคมนาคมครบงวจร ซึ่งได้มีการยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยคาดว่าสำนักงานน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าจดทะเบียนได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4

สำหรับเรื่องการตั้งราคาเสนอขายหุ้นนั้น บล.เอเชียพลัสจะพิจารณาโดยอิงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ และค่าพี/อี เรโชของกลุ่มนั้นๆ เป็นสำคัญ ซึ่งหากช่วงที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่าช่วงที่ตั้งราคาเสนอขายก็อาจจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวต่ำกว่าราคาจองได้ แต่หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นราคาก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปเอง

"ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัทเด็มโก้ มองว่าโอกาสที่หุ้นในกลุ่มพลังงานจะเข้ามาจดทะเบียนและได้รับความสนใจจากนักลงทุนมีค่อนข้างมากแม้ว่าบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ก็ตาม เพราะทุนจดทะเบียนปัจจุบันอยู่ที่ 215 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการของบริษัทมีแนวคิดที่จะย้ายเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งมีเหตุผลที่เราอยากให้เข้า mai ก่อนเพื่อให้เห็นถึงการเติบโตของบริษัท ประกอบกับผลดีในเรื่องภาษีที่ถูกกว่าการเข้า SET แต่บริษัทก็เห็นว่าในอนาคตสนใจที่จะย้ายเข้าไปจดทะเบียนใน SET อยู่ดี" นายอุดมศักดิ์กล่าว

นางประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ ประธานกรรมการบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2548 มีรายได้อยู่ที่ 1,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151% จากรายได้รวม 610 ล้านบาท ในปี 2547 ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2548 เพิ่มขึ้น 420% เป็น 44 ล้านบาท จากปี 2547 ซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 9 ล้านบาท

ทั้งนี้รายได้หลักของบริษัทมาจาก 5 ช่องทาง คือ ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ด้านระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ด้านโทรคมนาคม ด้านอนุรักษ์หลังงานและด้านการผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็ก

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทมีแผนงานในการลงทุนเพื่อขยายการกำลังการผลิตโรงชุบเหล็กจาก 6,000 ตัน เป็น 12,000 ตัน และซื้อเครื่องตัดเจาะเหล็กคอมพิวเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 25 ล้านบาท โดยคาดว่าจะติดตั้งเสร็จในปลายปีนี้และจะเดินเครื่องได้ในปีหน้า