ดราก้อนวัน เดินหน้าเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี ประเดิมเข้าซื้อเอโฮสจากบริษัทย่อยไออีซี คุยฟุ้งปีนี้เตรียมลงทุนในบริษัทต่างๆ อีกไม่ต่ำกว่า 5 บริษัท สนใจในธุรกิจ ไอที-บันเทิง-โทรศัพท์ วางนโยบายจะถือในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 40% โดยแหล่งเงินทุนมาจากการออกกู้ หรือการแลกหุ้น เล็งย้ายกลุ่มไปหมวดไอทีเดือนต.ค.นี้

นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดราก้อนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ D1 เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทจะเป็นลักษณะโฮลดิ้ง คอมปานี ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นในการลงทุนในบริษัทที่มีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งบริษัทแรกที่เข้าไปลงทุนคือ บริษัท แอพพลิเคชั่น โฮสติ้ง เซอร์วิส จำกัด หรือ A-HOST โดยซื้อหุ้นจำนวน 109,994 หุ้น คิดเป็น 99.995% ของทุนชำระแล้วของ A-HOST จำนวน 11 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 2,454.54 บาทมูลค่ารวม 269.98 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นเดิมคือนายบุญประสิทธิ์ ตั้งชัยสุข จำนวน 56,094 หุ้น และบริษัทไออีซี บิซิเนส พาร์ทเนอร์ส จำกัด จำนวน 53,900 หุ้น โดยเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจิเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC

ทั้งนี้การซื้อหุ้นดังกล่าวเพื่อให้บริษัทมีธุรกิจใหม่เป็นบริษัทแกนที่มีคุณสมบัติที่จะจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์พิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ตามข้อกำหนดประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการรับหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียน หลังจากกที่บริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการของบริษัท ไดอาน่าดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด (มหาชน) หรือ DIANA และได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยบริษัทจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 กันยายนนี้ และคาดว่าในเดือนตุลาคมจะมีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะย้ายหมวดการซื้อขายเป็นหมวดเทคโนโลยี จากขณะนี้ที่อยู่หมวดบริการและพาณิชย์

สำหรับปีนี้บริษัทจะเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 5 บริษัท ซึ่งจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 40% เพื่อให้มีอำนาจในการควบคุมได้ ในธุรกิจไอที บันเทิง โทรศัพท์ ฯลฯ ที่มีศักยภาพการเติบโต โดยการเข้าไปลงทุนจะเป็นสักษณะการแลกหุ้น ออกพันธบัตร (บอนด์) นำเงินจาการเพิ่มทุนจดทะเบียนไปลงทุน และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันบริษัทเหลือเงินสดในการดำเนินงานประมาณกว่า 100 ล้านบาท หลังจากซื้อหุ้น A-HOST

“บริษัทตั้งเป้าว่าจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพเดือนละ 1 บริษัท ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ 1 บริษัทมีขนาดประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตต้องการให้พนักงานของบริษัท 1 คน ดูแลบริษัทที่เข้าไปลงทุน 8 บริษัท หรืออัตรา 1 ต่อ 8 จากปัจจุบันมีพนักงาน 25 บริษัท ซึ่งเงินลงทุนจะไม่จำกัด โดยเงินที่จะนำไปลงทุนก็จะมาจากการเพิ่มทุน การแลกหุ้น เงินสด ออกบอนด์ประเภทต่างๆ การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งแต่ละบริษัทที่เข้าไปลงทุนก็จะใช้เงินลงทุนลักษณะใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสม” นายจเรรัฐกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2549 ส่วนผุ้ถือหุ้นของบริษัทยังคงติดลบอยู่นั้น เนื่องจากไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ยังเป็นงบการเงินของบริษัท ไดอาน่าดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ แต่หลังจากที่บริษัทมีการขายสินทรัพย์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของไดอาน่าดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทก็จะกลับมาเป็นบวกในงบการเงินไตรมาส 4 ของปีนี้ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานคาดว่า 1-2 วันนี้จะมีการโอนสินทรัพย์เสร็จ

ทั้งนี้บริษัทอนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ที่เหลือจากการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 6.762 ล้านหุ้น เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด ได้แก่นายบุญรัตน์ วิญญุกานนท์ ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ในวันที่ 16 สิงหาคม 2549 ราคาหุ้นละ 3 บาท คิดเป็น 2.25% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทจำนวน 300 ล้านหุ้น