Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 สิงหาคม 2549
อสังหาฯปรับแผนรับตลาดครึ่งปีหลังชะลอพฤกษาดึงโครงการปี 50 เปิดปลายปีดันเป้าเพิ่มพันล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
โฮมเพจ พฤกษา เรียลเอสเตท
โฮมเพจ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
Real Estate




พฤกษาปรับแผนดึงโครงการที่จะเปิดในปี 2550 มาเปิดปลายปีนี้ หวังสร้างรายได้เพิ่ม คาดก่อนสิ้นปีช่วยสร้างยอดขาย 1,000 ล้านบาท ระบุยอดขายรอรับรู้รายได้ในปีนี้ในมือ 4,036 ล้านบาท ขณะที่มียูนิตรอขายกว่า 10,764 ยูนิต ระบุมีมาร์เก็ตแชร์ 15.6% ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกผลประกอบการของหลายบริษัทลดลง โดยเฉพาะในส่วนของกำไร เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวการณ์แข่งขันทำให้ไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ อีกทั้งมีการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหลายบริษัท ได้ปรับตัวเพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหญ่ คือ บ้านระดับกลาง-ล่าง รวมถึงบริษัทได้ปรับแผนการพัฒนามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วโดยเน้นเปิดโครงการทาวน์เฮาส์มากขึ้น

ซึ่งได้เปิดโครงการทาวน์เฮาส์ไปแล้ว 11 โครงการ มูลค่า 4,571 ล้านบาท จากช่วงที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 15 โครงการ ส่งผลให้บริษัทเหลือโครงการที่จะเปิดอีก 2 โครงการ คือ พฤกษา 5/1 และโครงการ ซิตี้วิว คอนโดมิเนียมจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ รวมเป็น 17 โครงการ

และเมื่อบวกกับโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมเป็น 38 โครงการ จำนวน 10,764 ยูนิต มูลค่า 16,754 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดบ้านจัดสรร 15.6% เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่อยู่ที่ระดับ 14% หากแยกเป็นตลาดทาวน์เฮาส์มีส่วนแบ่งตลาด 40% จากปีที่แล้วมี 39% และตลาดบ้านเดี่ยวมีส่วนแบ่งตลาด 5%

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีโครงการที่จะเปิดใหม่เพียง 2 โครงการเท่านั้น ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น บริษัทจึงได้ตัดสินใจเลื่อนโครงการที่จะเปิดในปี 2550 มาเปิดในปีนี้ ประมาณ 5-6 โครงการ ใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 400 ล้านบาท เช่น รังสิตคลอง 6, ลาดกะบัง, สุวินทวงค์, บางปู, ลาดหลุมแก้ว (กันตนา) และบางใหญ่ ทั้ง 6 โครงการคาดว่าจะหนุนยอดขายเพิ่มได้กว่า 1,000 ล้านบาท

"สิ่งที่เราต้องปรับตัวตอนนี้ คือ เลื่อนเปิดโครงการให้เร็วขึ้นเพื่อสร้างยอดขาย บริษัทพฤกษาสามารถทำได้อยู่แล้วเพราะไม่มีต้นทุน อีกอย่างด้วยกระแสเงินสดที่มากถึง 1,000 ล้านบาท ทำให้ได้มีข้อได้เปรียบในการลงทุน และถ้าบริษัทรีบเปิดในช่วงปลายปีนี้ ก็จะมีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้าได้อีก สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2550 ไม่น้อยกว่า 18-20 โครงการมูลค่าโครงการกว่า 7,000-8000 ล้านบาท" นายประเสริฐกล่าว

คาดครึ่งปีหลังตลาดรวมยอดขายอืด

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้ 4,202 ล้านบาท และมียอดขายที่รอโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าในช่วงไตรมาส 3-4 อีก 4,036 ล้านบาท ไตรมาสที่ 2 มียอดขายลดลง 12.1% มียอดขายรวม 1,795 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2549 ที่ทำได้ 1,895 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 5.3% แต่จากการที่ บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างสินค้าใหม่ เพิ่มสัดส่วนของทาวน์เฮาส์ ราคา 6-9 แสนบาทและบ้านเดี่ยวราคา 1.7 - 2.5 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยให้สถานการณ์การขายของครึ่งปีหลังมีความคล่องตัวขึ้น

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีนี้ มียอดรับรู้รายได้รวม 2,126 ล้านบาท สูงขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ที่รับรู้รายได้ 1,701 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ซึ่งมียอดรับรู้รายได้ 2,076 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรสุทธิในครึ่งปีแรก 717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับ ครึ่งปีแรกของปี 2548 ที่ทำกำไรสุทธิได้ 568 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 2 นี้ มีกำไรสุทธิ 348 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2548 ซึ่งทำกำไรสุทธิได้ 270 ล้านบาท เป็น อัตราส่วนเพิ่มขึ้น 28.9% ขณะที่รายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 มี 4,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปี 2548 ที่ได้ 3,360 ล้านบาท

"อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 3 คาดว่า ภาคอสังหาฯจะมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจัยลบยังคงมีอยู่ ทั้งอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน รวมถึงปัญหาการเมือง เพราะอย่าลืมว่ากำลังซื้อบ้านของคนไม่ได้กลับมาชั่วข้ามคืน เหมือนกับซื้อของกินของใช้ มันต้องใช้เวลา และเชื่อว่าไตรมาส 3 จะเป็นอีกไตรมาสที่ผู้ประกอบการต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น ตอนนี้ใครโกยได้ก็ต้องรีบโกย เพราะปัจจุบันการซื้อขายบ้านไม่มีฤดูกาลเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯมีภาวะกดดันว่าจะต้องสร้างรายได้และผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้น จะมานั่งรอฤดูขายบ้านไม่ได้" นายประเสริฐกล่าว

ลลิลฯยอมรับอสังหาฯ ยังเจอปัจจัยลบ

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหารบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 2 มียอดรับรู้รายได้ 507.69 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกเท่ากับ12.77% และเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนปรับลดลง 29.15% และมีรายได้รวมครึ่งปีแรกเท่ากับ 1,090 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 237 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.29 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกของปี 2549 ที่ 0.12บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อราคาตลาดของหุ้นประมาณ 5%-6%

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมอสังหาฯ นายไชยยันต์กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันตลาดค่อนข้างผันผวนสูง เนื่องจากมีปัจจัยลบเข้ามกระทบธุรกิจ ทั้งเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยที่ขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบโลกที่มีความผันผวนและความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์

LPNโตเกินเป้า

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ ฯ กล่าวว่า ไตรมาส 2 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152 % เป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดใน 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 77 และลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 57 % สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่ม Real Demand ที่มีความต้องการพักอาศัยอยู่จริง ซึ่งถึงแม้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นแต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรสุทธิจำนวน 322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160 % และในไตรมาสที่ 3-4 ปี 2549 นี้ บริษัทฯ มีแผนการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่า 1,950 ล้านบาท และห้องชุดพักอาศัยที่ค้างโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสที่ 2 จากโครงการลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 77 และลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า อีกประมาณ 890 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us