|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คลังเผยวันนี้ทั้งสศค.-ธปท.เตรียมเสนอแผนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารกรุงศรีฯ กับ ธนาคารจีอี มันนี่ รายย่อย หลังบริษัทแม่จีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค จำกัด เข้าไปถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีฯสัดส่วน 25% ด้านกรุงศรีฯ-จีอี มันนี่ รายย่อย เตรียมแถลงข่าวควบรวมกิจการบ่ายนี้
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่าง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) หรือ BAY กับ ธนาคาร จีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย จำกัด บริษัทในเครือ จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก ว่า ในวันนี้ (16ส.ค.) นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะนำเสนอผลสรุปแผนการควบรวมดังกล่าว ให้ตนพิจารณาเห็นชอบ
“วันนี้ก็จะได้ข้อสรุปว่าการอนุมัติเรื่องการควบรวมกิจการดังกล่าวจะสามารถใช้อำนาจของรัฐมนตรีคลัง หรือจะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ซึ่งจะพิจารณาตามข้อกฎหมาย”
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นการควบรวมกิจการของธนาคารทั้ง 2 แห่งนั้น กลุ่มจีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก จะเข้าถือหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในสัดส่วนมากกว่า 25% ซึ่งถือว่าเกินกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ ว่าให้นักลงทุนชาวต่างชาติสามารถลงทุนในธนาคารพาณิชย์ไทยได้รายละไม่เกิน 5% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บ่ายวันนี้ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคาร จีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย ได้จัดแถลงข่าวถึงความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การควบรวมกิจการของธนาคารกรุงศรีอยุธยากับธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อยนั้น ทางจีอีจะต้องคืนใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ให้กับธปท. เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธปท.ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินจากต่างประเทศต้องเลือกสถานะใดสถานะหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ
โดยก่อนหน้านี้นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าขณะนี้ธปท.ได้ส่งเรื่องที่บริษัทจีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค จำกัด เข้าไปซื้อหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยาไปให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังว่าจะพิจารณาต่อไป ส่วนรายละเอียดที่ธปท.นำเสนอไปยังกระทรวงการคลัง ก็ยังเป็นไปตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (มาสเตอร์แพลน) ซึ่งเป็นแนวทางในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
“หลังจากที่บริษัทจีอีฯ เข้าไปถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีฯ แล้ว ต้องคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อยกลับคืนมายังแบงก์ชาติ หลังจากนั้นจะดำเนินการยังไงต่อไปก็ต้องแล้วแต่ธนาคารจีอีมันนี่ เพื่อรายย่อย ไม่ว่าจะเป็นการรวมกับธนาคารพาณิชย์อื่นหรือสถาบันการเงินอื่นแล้วยกระดับมาเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ หรือไปรวมกับสถาบันการเงินอื่นแล้วยกระดับตัวเองเป็นธนาคารพาณิชย์รายย่อยก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงินทุนที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามต้องไม่กระทบต่อเงินฝากของลูกค้าเป็นสำคัญ”
โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบถึงมติของคณะกรรมการธนาคารที่เห็นชอบให้จัดสรรหุ้นสามัญใหม่แก่บริษัทจีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ซึ่งธนาคารขอชี้แจงว่าหุ้นที่คณะกรรมการธนาคารให้ความเห็นชอบในการจัดสรรครั้งนี้ เป็นหุ้นที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 92 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2549 ที่ได้อนุมัติหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 2,000 ล้านหุ้น
โดยที่ประชุมได้กำหนดให้เสนอขายแก่นักลงทุนในลักษณะเฉพาะเจาะจง หรือผู้ลงทุนประเภทสถาบัน ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาข้อเสนอของบริษัทจีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ที่เสนอซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวในราคาหุ้นละ 16.00 บาท ซึ่งจะเสริมศักยภาพในการแข่งขันของธนาคาร และสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งจะนำมาซึ่งผลประกอบการที่ดี จึงให้ความเห็นชอบในการจัดสรรหุ้นตามราคาที่เสนอดังกล่าว
แต่จากสัดส่วนเข้าถือหุ้นสามัญ จำนวน 25% หรือ 16,000 ล้านบาทนั้น ทำให้บริษัทจีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค จำกัด จะต้องได้รับอนุญาตจากธปท.เสียก่อน ซึ่งในขณะนี้บริษัทจีอี แคปปิตอล เอเชีย แปซิฟิค กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตจากทางธปท.
ผู้สื่อข่าวจากธปท.รายงานแจ้งว่า หากย้อนดูการทำธุรกิจของบริษัท จีอีฯ ถือว่าไม่ใช่พันธมิตรกลุ่มใหม่ของธนาคารกรุงศรีฯ แต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนถือหุ้นในบริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา ที่ธนาคารกรุงศรีฯถือหุ้นอยู่ประมาณ 49% ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นของ จีอี แคปปิตอล ซึ่งดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตอยู่ในประเทศไทย การเข้ามาถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ จึงเป็นเรื่องที่น่าจะเข้ามาเป็นพันธมิตรในระยะยาวมากกว่าที่จะเข้ามาเป็นนักลงทุน และคาดว่าจะสามารถเอาประโยชน์เสริมจุดแข็งให้กันและกันได้
|
|
|
|
|