บอร์ด "ADVANC" อนุมัติเงิน 8,857.65 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกหุ้นละ 3 บาท สวนทางกำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงกว่า 510 ล้านบาท เหตุเจอสงครามหั่นราคาค่าบริการโทรศัพท์มือถือฉุดรายได้ ขณะที่วงการตั้งข้อสังเกตเป็นการจ่ายผลตอบแทนคืนกลุ่มเทมาเส็ก หลังทุ่ม 7.3 หมื่นล้านซื้อหุ้นชินคอร์ป แทนที่จะกันเงินไว้ขยายธุรกิจ เพราะบริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้อีก 2.5 หมื่นล้าน ระบุ "เทมาเส็ก" ผู้ถือหุ้นใหญ่ "ชินคอร์ป" รับเงินปันผลก้อนใหญ่กว่า 3,791 ล้านบาท
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC กล่าวถึง ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,125.72 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.40 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,345.27 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.48 บาท กำไรสุทธิลดลง 219.55 ล้านบาท หรือ 5.05%
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี กำไรสุทธิ 9,415.38 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.19 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 9,930.03 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.37 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิลดลง 514.65 ล้านบาท หรือ 5.18% โดยมีรายได้รวม 47,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% และรายได้จากการให้บริการ 39,689 ล้าบาท ลดลง 3.1%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทย่อยมีจำนวนผู้ใช้บริการในระบบรวมทั้งสิ้น 17,317,900 ราย แบ่งเป็นผู้ใช้บริการระบบโพสต์เพด 1,911,900 ราย (GSM Advance และ GSM1800) และระบบพรีเพด 1-2-Call! 15,406,000 ราย เพิ่มขึ้น 684,000 ราย เทียบกับไตรมาส 1 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 225,000 บาท เนื่องจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษากลุ่มลูกค้าเดิม หลังจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองได้คลี่คลายลง
ด้านรายได้การให้บริการอยู่ที่ 18,422 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.9% และลดลง 13.4% จากไตรมาส 1/2549 ซึ่งเกิดจากการลดลงของรายได้ตามฤดูกาล และการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา โดยสัดส่วนรายได้ 65% มาจากรายได้จากผู้ใช้บริการระบบพรีเพด ระบบโพสต์เพด 28% การให้บริการข้ามแดนอัตโนมัติในต่างประเทศ 4% และรายได้อื่นๆ 3% ขณะที่รายได้รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 22,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.9% แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2549 8.8%
จากกลยุทธ์ด้านราคาได้ส่งผลให้ ADVANC มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ลดลงจากไตรมาส 1/2549 ที่ 12,364 ล้านบาท มาอยู่ที่ 10,496 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และ ค่าเสื่อมราคา ต่อรายได้ทั้งหมด (EBITDA margin) ลดลงจาก 50.1% เหลือ 46.6%
ส่วนต้นทุนรวม ประกอบด้วย ต้นทุนจากการให้บริการและขายอุปกรณ์ ผลประโยชน์ตอบแทนรายปีจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และภาษีสรรพสามิต เท่ากับ 13,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% แต่ลดลงจากไตรมาส 1/2548 1.1%
นายสมประสงค์ กล่าวว่า ครึ่งแรกปี 2549 บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่อง (current ratio) ลดลงจากสิ้นไตรมาสแรกที่ 71% เหลือ 54% อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นจาก 58% เป็น 61% และอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อทุนเพิ่มขึ้นจาก 4.6% เป็น 11.5% ซึ่งเกิดจากการลดลงของเงินสดหลังจากที่มีการประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 3.30 บาท รวม 9,765 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2549
สำหรับฐานะทางการเงินนั้น บริษัทมีหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวรวมทั้งสิ้น 22,968 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นไตรมาสแรกที่มี 23,963 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการไถ่ถอนหุ้นกู้และสัญญาเช่าทางการเงิน (Financial lease) เป็นจำนวน 1,003 ล้านบาท และในรอบ 6 เดือนแรกปี 2549 บริษัทได้ไถ่ถอนหุ้นกู้และสัญญาเช่าทางการเงินไปแล้วรวม 2,508 ล้านบาท
"บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกมีกระแสเงินสดรับสุทธิ 19,696 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับการลงทุน การชำระหนี้ และจ่ายเงินปันผล ขณะที่กระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น 2,456 ล้านบาท จะเก็บสำรองไว้เผื่อการลงทุนในอนาคต"
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 7/2549 ได้อนุมัติให้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ในอัตราหุ้นละ 3.00 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 2,952,548,589 หุ้น คิดเป็นเงินจำนวน 8,857.65 ล้านบาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30 สิงหาคม 2549 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 กันยายน 2549 รวมทั้งแต่งตั้งนายวิเชียร เมฆตระการ เป็นกรรมการผู้อำนวยการบริษัท ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังอนุมัติงบประมาณส่วนทุนเพิ่มเติมวงเงิน 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับจัดซื้อ จัดจ้าง ติดตั้งอุปกรณ์ขยายเครือข่าย GSM Phase 17B เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการส่งสัญญาณของโครงข่ายให้แก่ผู้ใช้บริการ รวมทั้งการลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท เอไอเอส อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวอร์ค จำกัด (บริษัทย่อย ADVANC ถือหุ้นอยู่ 99.93%) ที่จะทำการเพิ่มทุนจาก 1 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท เรียกชำระเงินเพิ่มทุนรวม 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งนี้ได้มีการตั้งข้อสังเกตจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า เป็นการจ่ายผลตอบแทนคืนให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ทางอ้อมผ่านบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN หรือไม่ หลังจากที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท เข้ามาลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มชินคอร์ปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
"แม้ว่าบริษัทจะมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีความสามารถเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลได้ แต่บริษัทเองยังมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนอีกเป็นจำนวนมาก และล่าสุดบริษัทยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นบริษัทน่าจะกันเงินไว้สำหรับการลงทุนมากกว่าที่จะจ่ายปันผลในอัตราที่สูง และสวนทางกับผลกำไรที่ลดลง"
ทั้งนี้ จากการสำรวจการจ่ายเงินปันผลของ ADVANC ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2546-2548 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ADVANC ได้ส่งสัญญาณจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น แม้ผลการดำเนินงานจะปรับตัวลดลง โดยช่วงครึ่งปีแรก 2546 - 2548 จ่ายปันผล 2 บาท, 2.15 บาท และ 3 บาท ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 3.32 บาท, 3.43 บาท และ 3.24 บาท ตามลำดับ ส่วนครึ่งปีหลังจ่ายปันผล 2.10 บาท, 2.60 บาท และ 3.30 บาท เทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.00 บาท 3.46 บาท และ 3.18 บาท ตามลำดับ
หากรวมการจ่ายปันผลทั้งปี พบว่า บริษัทได้จ่ายเงินปันผล 4.10 บาท, 4.75 บาท และ 6.30 บาท ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 6.32 บาท, 6.89 บาท และ 6.42 บาท ตามลำดับ
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวานนี้ (15 ส.ค.) ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจากวันก่อน โดยมีราคาสูงสุดที่ 96.00 บาท ต่ำสุด 92.00 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 93.50 บาท ลดลงจากวันก่อน 3 บาท หรือ 3.77% มูลค่าการซื้อขายรวม 218.71 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มเทมาเส็ก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN รวมกว่า 96.12% ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด 51.98% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด 44.14% ขณะที่ SHIN เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ADVANC จำนวน 1,263,712,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 42.81% ทำให้ SHIN ได้รับเงินปันผลครั้งนี้รวม 3,791.14 ล้านบาท
|