|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.ภัทรเผยธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลตั้งเป้าโต 5% ในครึ่งปีหลัง จากมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารในปัจจุบันจำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ามาร์เกตแชร์สิ้นปีนี้อยู่ที่ระดับ 2.8% หันแนะนำลูกค้าลงทุนเอฟไอเอฟเพื่อบริหารความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนจากภาวะหุ้นผันผวน คาดหวัง 5-10 ปีข้างหน้ามีรายได้อินเทอร์เน็ต 5-10% ของรายได้รวม
นางกุลนันท์ ซานไทโว กรรมการผู้จัดการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจากการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น 5% จากครึ่งปีแรกที่มี 5.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทเป็นตัวตัวแทนการจำหน่ายกองทุนให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท และจากภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงและมีความผันผวนทางบริษัทได้มีการแนะนำให้ลูกค้าของบริษัทหันมาลงทุนในกองทุนเพื่อลงทุนในต่างประเทศ (FIF) มากขึ้นเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของลูกค้าส่วนบุคคลสิ้นปีนี้ที่ 2.8% จากครึ่งปีแรกที่มีมาร์เกตแชร์ที่ 2% จากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทได้มีการแนะนำให้ลูกค้าเข้ามาลงทุนในกองทุนมากขึ้น โดยในครึ่งปีหลังบริษัทก็จะเป็นตัวแทนการจำหน่ายกองทุนของบลจ.ทิสโก้ จำกัด คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิค คุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะเป็นกองทุนที่จะนำเงินไปลงทุนผ่าน Sgam Japan Index Fund และลงทุนผ่าน Aberdeen Global Asia Pacific Fund
“ครึ่งปีแรก ปี 2549 มีลูกค้าส่วนบุคคลเปิดบัญชีแล้วจำนวน 600-700 บัญชี เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่มี 500 บัญชี ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากต้นปีจำนวน 5 พันล้านบาท การที่จำนวนบัญชีลูกค้าและสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทเป็นตัวแทนการจำหน่ายกองทุนซึ่งมีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท โดยลูกค้าส่วนบุคคลของบริษัทจะมีขนาดการลงทุน 10 ล้านบาทขึ้นไป” นางกุลนันท์ กล่าว
สำหรับกองทุนดังกล่าวจากบริษัทได้เข้าไปช่วยในเรื่องการออกแบบลักษณะการลงทุน โดยเป็นกองทุนคุ้มครองเงินต้นเป็นเวลา 2 ปี มีขนาดกองทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะอิงกับดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งหากตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% ก็จะได้รับผลตอบแทนประมาณ 50% และนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนก็จะไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเปิดขายในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งทางบริษัทได้มีการแนะนำกับลูกค้าบ้างแล้ว
นายณฤทธิ์ โกสลาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล บล.ภัทร จำกัด กล่าวว่า ส่วนธุรกิจด้านการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต (Phatra Direct) ของบริษัทขณะนี้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนผ่าน จำนวน 400 ราย ซึ่งมีการซื้อขายสม่ำเสมอประมาณ 50% ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรจากที่ได้มีการเปิดให้บริการในเดือน พฤศจิกายน 2548 แต่ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ว่าจะมีมาร์เกตแชร์ที่ 2-3% จากปัจจุบันที่มีมาร์เกตแชร์เพียง 1% เท่านั้น จากการที่กลุ่มลูกค้าที่บริษัทเข้าไปพบนั้นไม่ใช่นักลงทุนที่ลงทุนหุ้นซึ่งจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูล
ทั้งนี้บริษัทจะมีการออกไปหาลูกค้ามากขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ที่มีโอกาสที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ออกไปหากลุ่มลูกค้า เช่น ตึกออร์ซีซัน ชินวัตร3 ฯลฯ ซึ่งได้มีลูกค้าเปิดบัญชี 50-60 ราย และเชื่อว่าอนาคตจะมีเพิ่มขึ้นอีก และบริษัทก็จะมีการจัดโปรโมชั่น จากลูกค้าของบริษัทได้มีการชวนเพื่อนหรือคนรู้จักเข้ามาเปิดบัญชี จะได้รับสิทธิประโยชน์
สำหรับในไตรมาส 1 ของปี 2549 บริษัทจะมีการเปิดให้บริการซื้อขายกองทุนผ่านอินเทอร์เน็ต จากการที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายกองทุนต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อความสะดวกกับลูกค้าให้เข้ามาสามารถซื้อผ่านทางบริษัทได้
อย่างไรก็ตามมองว่าธุรกิจการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต เพราะมีความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งในตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายจำนวนมาก เช่น ตลาดหุ้นเกาหลี ตลาดหุ้นไต้หวัน ฮ่องกงก็จะมีการซื้อขายหุ้นผ่านอินเตอร์เน็ตในสัดส่วนที่สูง โดยบริษัทหวังว่าในอีก 5-10 ปี จากนี้บริษัทจะมีรายได้อย่างน้อย 5-10% ของรายได้รวม
|
|
|
|
|