Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 สิงหาคม 2549
สินเชื่อลีสซิ่งปี49พุ่งทะลุเป้าสวนกระแสน้ำมันแพง-ดอกเบี้ยขาขึ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด

   
search resources

ลีสซิ่งกสิกรไทย, บจก.
Leasing




เผยแนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังไปได้สวย แม้จะเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น "เคลิสซิ่ง" สวนกระแสเศรษฐกิจขาลงประกาศขยับอัตราดอกเบี้ยอีก 0.10% มั่นใจไตรมาสสุดท้ายจะเริ่มนิ่ง เดินหน้าขยายสาขาต่างจังหวัดเจาะกลุ่มลูกค้าภูมิภาค เมินกลยุทธ์ลดเงินดาวน์อ้างความเสี่ยงสูงเน้นให้บริการจับฐานลูกค้าแบงก์มั่นใจขยายสินเชื่อได้ตามเป้า ลั่นปีหน้าคุ้มทุนแน่ ด้าน "ธนชาต" โชว์สินเชื่อครึ่งปีโต 51% คาดครึ่งปีหลังโตใกล้เคียงกัน เพราะการเมืองเริ่มชัดเจนจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้น

นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดดำเนินกิจการมาครบ 1 ปีเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2549 พบว่าสามารถดำเนินธุรกิจได้ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทปล่อยได้เกินเป้าที่ตั้งไว้เดือนละ 1,000 ล้านบาท โดยใน 7 เดือนของปีนี้บริษัทปล่อยสินเชื่อได้กว่า 7,750 ล้านบาท ซึ่งในอีก 5 เดือนที่เหลือเชื่อว่าจะปล่อยได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 1.2 หมื่นล้านบาท และสำหรับสินเชื่อรวมตั้งแต่เปิดบริษัทมาอยู่ที่ 10,900 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกินเป้าที่ตั้งไว้

“ในปีแรกที่เราเปิดดำเนินการตั้งเป้าไว้ 2,000 ล้านบาท สินเชื่อจริงที่ปล่อยได้ 3,150 ล้านบาท แต่เราสามารถทำทะลุเป้ากว่า 50% พอปีที่ 2 เราตั้งเป้าปีนี้ 11,500 ล้านบาท แต่ 7 เดือนที่ผ่านมาเราสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 7,000 กว่าล้านแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าเราทำเกินเป้าไปกว่า 10% แล้ว โดยในอีก 5 เดือนที่เหลือมั่นใจเป้า 12,000 ล้านบาท ทำได้แน่นอน”

เล็งปรับดอกเบี้ยอีก 0.10%

สำหรับในครึ่งปีหลังเชื่อว่ายอดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะขยายตัวมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นฤดูกาลของการขายรถยนต์ ขณะที่บริษัทรถยนต์ก็ออกรถรุ่นใหม่ๆ มากระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยก็เริ่มนิ่งแล้ว ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้า

ทั้งนี้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนั้นบริษัทจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 0.10 % ในเดือนก.ย.หลังจากที่ได้ปรับขึ้นครั้งล่าสุด 0.10% เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 3.65% โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. 0.10% จะเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 3.75% โดยหลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีหน้าสเปรดของบริษัทจะอยู่ที่ เกือบ 2% แต่แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากต้นทุนของบริษัทเริ่มนิ่งตามอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มนิ่ง

“อัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับขึ้นอีกครั้งเดียว แล้วไม่น่าจะมีการปรับขึ้นต่ออีกในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันเราจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเราจะคงไว้ที่ 3.75% เพื่อกระตุ้นตลาดด้วย ซึ่งหากไปขึ้นดอกเบี้ยในช่วงนี้เหมือนกับเป็นการทำให้บรรยายกาศเสีย เราจะขึ้นอีกครั้งเดือน ก.ย.แล้วก็จะหยุด เนื่องจากต้นทุนไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วก็คงไม่ขึ้นต่อ”

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ 0.19% โดยตั้งเป้าทั้งปีไม่ให้เกิน 0.5% แต่ NPL ในครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณเร่งขึ้น ซึ่งเริ่มมีสัญญาณเมื่อเดือนมิ.ย. ที่มี NPL อยู่ที่ 0.16% และเพิ่มเป็น 0.19% ในเดือนก.ค.

"NPL ของบริษัทเริ่มมีสัญญาณเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง เพราะลูกค้ามีภาระเพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลูกค้ามีรายได้เท่าเดิมแต่บริษัทก็ได้ติดตามดูแลลูกค้าในส่วนนี้อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว"

นายอิสระ ยังกล่าวต่อว่าสำหรับการแข่งขันในปีหน้านั้นบริษัทตั้งเป้าขยายสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่ตั้งไว้เนื่องจากบริษัทจะพยายามรักษาฐานลูกค้าในเขตกทม.ให้ได้เหมือนเดิม ขณะเดียวกันบริษัทจะทยอยขยายสาขาไปทั่วภูมิภาค พร้อมทั้งปรับสัดส่วนการทำตลาดต่างจังหวัดกับกรุงเทพฯให้เป็น 50:50 เท่า ๆ กันด้วย จากปัจจุบันที่มีเฉพาะลูกค้าในกรุงเทพฯเท่านั้น โดยเดือนหน้าจะเริ่มเปิดสาขาที่จังหวัดชลบุรีเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัด หลังจากนั้นจะทยอยไปในจังหวัดอื่นๆ ต่อ โดยมีแผนเปิดสาขาต่างจังหวัดอยู่ที่ 10 สาขา

“เราแทบจะเปิดสาขาทุกเดือน หรือไม่ก็ 2 เดือนเปิด 1 สาขาหรือ 3 เดือนเปิด 2 สาขา แต่จะเปิดให้ได้ทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถทำให้เราขยายธุรกิจออกไปยังภูมิภาคได้เพิ่มอีกมากขึ้น โดยมีเคแบงก์เป็นบริษัทแม่ ซึ่งเราจะใช้การเปิดสาขาในแบงก์ โดยสำนักงานภาคแรกที่จะเปิดคือจ.ชลบุรี เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่เราเห็นธุรกิจจากตรงนั้นเยอะมาก รวมทั้งเปิดสำนักงานภาคที่สระบุรี นครปฐมด้วย”

ยันเมินใช้กลยุทธ์แข่งลดเงินดาวน์

ส่วนการทำตลาดจากนี้ต่อไปนั้น บริษัทจะไม่ให้ความสำคัญกับการแข่งด้านการลดเงินดาวน์ หรือลดดอกเบี้ย เหมือนที่ตลาดกำลังแข่งขันอยู่ขณะนี้ เพราะจะยิ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้และกลายเป็นเอ็นพีแอลในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังมองว่าในอนาคตบริษัทลีสซิ่งที่ไม่มีธนาคารเป็นฐานเงินทุนจะต้องเปลี่ยนรูปแบธุรกิจในการปล่อยสินเชื่อ โดยหันไปปล่อยรถมือ 2 รถจักรยานยนต์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เพราะปัจจุบันธนาคารขนาดใหญ่ได้หันมารุกธุรกิจลีสซิ่งมากขึ้น

“ทิศทางการแข่งขันหลังจากนี้บริษัทลีสซิ่งต่างๆ จะหันมาลดเงินดาวน์ลงจากปัจจุบันที่ในระบบจะกำหนดเงินดาวน์ที่ 20% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่งจึงคาดว่าไม่น่าจะมีการแข่งขันเรื่องอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกแล้ว แต่ลีสซิ่งกสิกรไทยจะไม่เน้นการแข่งขันเงินดาวน์ต่ำ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง”

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าหลังจากที่บริษัทเน้นขยายสินเชื่อไปยังภูมิภาคมากขึ้นเชื่อว่าจะสามารถทำให้พอร์ตสินเชื่อให้ต่างจังหวัดและกทม.ปรับมาอยู่ที่สัดส่วน 60:40 ได้หลังจากได้เปิดสาขาแบบเต็มรูปแบบ และเชื่อว่าจะทำให้บริษัทเติบโตมากขึ้น โดยในปี 50 เชื่อว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ โดยวางเป้าหมายว่าในปี 50 จะปล่อยสินเชื่อได้ 22,000 ล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 33,000 ล้านบาทในปี 51 และ 40,000 ล้านบาทในปี 52 โดยเน้นจับฐานลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย เป็นหลัก

นอกจากนี้ การแข่งขันธุรกิจเช่าซื้อจากนี้ต่อไปหลังจากที่ ธปท.อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถดำเนินธุรกิจเช่าซื้อได้ทำให้หลายสถาบันสนใจทำเองหรือตั้งบริษัทลูกขึ้นมาถือหุ้น 100% นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากโดยเฉพาะไทยพาณิช์สลิสซิ่งเนื่องจากมีการเปิดดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะนาน มีผลประกอบการที่ดี รวมถึงพอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่มากถึง 40,000 ล้าน ขณะที่เคลิสซิ่งเปิดมาได้ 1 ปี โดยหากไทยพาณิชย์ลิสซิ่งบุกตลาดแบบเต็มที่ตามนโยบายของธนาคารไทยพาณิชย์คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของเคลิสซิ่งน่าจะเป็นไทยพาณิชย์ลิสซิ่ง

“แม้แบงก์ไม่เคยทำลิสซิ่ง แต่เราก็มีทีมงานที่เชี่ยวชาญพอสมควร แต่ละคนที่ทำงานเชี่ยวชาญหมดรู้ตลาดหมดไม่ใช่คนมือใหม่ ขณะที่แบงก์มีเงินทุนให้และเป็นคนควบคุมนโยบาย แต่เราเชื่อว่าไทยพาณิชย์ลิสซิ่งเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเราทั้งการแข่งขันในแง่ของธนาคารพาณิชย์ด้วย”

ธนชาตเชื่อปลายปีการเมืองนิ่ง-สินเชื่อพุ่ง

ด้านนายบัณฑิต ชีวะธนรักษ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดสินเชื่อเช่าของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยังคงมีอัตราการเติบโตที่สูง โดยมีการขยายตัวถึง 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้อัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาจะอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีลูกค้าที่สนใจขอใช้บริหารสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่มาก เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึง 1% ทำให้ภาระของผู้กู้เพิ่มขึ้นประมาณ 200-300 บาทต่อเดือนเท่านั้น

"การที่ตัวเลขสินเชื่อของธนาคารธนชาตเติบโตค่อนข้างมากเป็นเพราะว่าได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพราะมีผู้ให้บริการรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นธนาคารและบริษัทรถยนต์ต่างๆ รวมถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทที่ไม่นิ่ง โดยได้เร่งพัฒนาความสัมพันธ์กับดีลเลอร์รถมือหนึ่ง และเต็นท์รถมือสอง การบริการหลังการขาย และการขยายสาขาของธนาคารเพิ่มเป็น 106 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนเข้าถึงธนาคารได้มากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่จูงใจ โดยล่าสุดธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ย 3.6% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มนิ่งแล้วคาดว่าจะปรับอีกไม่เกิน 1 ครั้ง"

สำหรับในช่วงครึ่งหลัง คาดว่าจะมีอัตรการขยายตัวใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก แม้ว่าภาวะการเมืองมีผลต่อความรู้สึกของประชาชน แต่หากมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ก็จะได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น โดยพอร์ตของธนาคารส่วนใหญ่ 82% ยังเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ ที่เหลือเป็นส่วนเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ซึ่งธนาคารก็มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของรถยนต์มือสองมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ สาเหตุที่รถยนต์มือสองมีสัดส่วนของสินเชื่อไม่มากเมื่อเทียบรถมือ 1 อาจเป็นเพราะประชาชนสามารถซื้อในราคาเงินสดได้เพราะราคาไม่สูงเกินไป ขณะที่รถยนต์มือ 1 นั้น ประชาชนส่วนใหญ่นิยมเช่าซื้อ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us