|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดีแทคมั่นใจสิ้นปี ก้าวเป็นผู้นำตลาดโพสต์เพดเต็มตัว ด้วยส่วนแบ่งตลาด 45% เน้นกลยุทธ์ "แมส ออฟ นิช" เต็มสูบ เดินเครื่อง 3 นวัตกรรมหลัก "ราคา บริการ และดูแลลูกค้า" ทุ่มงบนับพันล้านบาทสานกลยุทธ์สู่เป้าหมาย
สันติ เมธาวิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวถึงแผนการตลาดแนวทางการทำตลาดโพสต์เพดครึ่งปีหลังว่า จะใช้แนวทางที่เรียกว่า คัสตอมเมอร์ อิส เดอะ ฟิวเจอร์ โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์รองรับกับความต้องการในอนาคตของผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโพสต์เพดให้ได้ 2 ล้านรายในสิ้นปี และในปี 2551 โพสต์เพดของดีแทคจะมีถึง 3 ล้านราย
"เวลานี้ ดีแทคมียอดลูกค้าในระบบโพสต์เพดอยู่ทั้งสิ้น 1.82 ล้านรายในครึ่งปีแรกของปีนี้ มียอดลูกค้าใหม่รวม 3 แสนราย เฉลี่ยเดือนละ 5-6 หมื่นเลขหมาย โดยเฉพาะในไตรมาสสองที่ผ่านมาเติบโตขึ้นสูงกว่าปีที่แล้วถึง 33.4%"
ด้วยตัวเลขการเติบโตดังกล่าวท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงรวมถึงการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้สันติมองว่า เป้าหมายฐานลูกค้าโพสต์เพดในสิ้นปี 2549 ที่ตั้งไว้ 2 ล้านรายนั้น ดีแทคมั่นใจว่าสามารถทำได้แน่นอน
"เหลืออีกเพียงเกือบ 2 แสนรายเท่านั้น และเรามั่นใจว่า จะสามารถขึ้นชิงตำแหน่งผู้ให้บริการที่มีฐานลูกค้าโพสต์เพดมากที่สุดในตลาดที่เอไอเอสครองอยู่ในปัจจุบันได้ด้วย โดยจะมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 45%"
เมื่อมองถึงกลยุทธ์ที่ดีแทคเตรียมนำมาใช้ในสร้างตลาดให้เป็นไปตามเป้าหมาย สันติบอกว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา การเติบโตในส่วนของโพสต์เพดนั้น ดีแทคได้ใช้นวัตกรรมด้านการตลาดมาใช้อย่างมาก รวมถึงเรื่องของเซกเมนเตชั่น ซึ่งทางดีแทคได้มีการปรับปรุงกลยุทธ์ของเราอยู่ตลอดเวลา
แต่สำหรับแนวทางการทำตลาดตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2549 เป็นต้นไป ทางดีแทคได้นำกลยุทธ์ที่เรียกว่า แมส ออฟ นิช มาใช้เป็นแกนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการมุ่งตอบสนองความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ใน 3 ด้าน เริ่มจากนวัตกรรมทางด้านราคา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นประการหนึ่งของดีแทคมาโดยตลอด ซึ่งสันติบอกว่า ดีแทคไม่เป็นรองคู่แข่งขันอยู่แล้วในเรื่องนี้ แต่ปีนี้จะมีการนำเอาแนวคิด แมส ออฟ นิช ด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้กลุ่มใหญ่ แทนที่จะเน้นการออกแบบเพื่อคนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งจะถูกนำมาใช้มากขึ้นหลังจากนี้ เช่น บริการด้านข่าวก็ต้องมีประเภทข่าวที่หลากหลายในแต่ละภาษา
นวัตกรรมด้านบริการ เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ทางดีแทคมีความเชื่อว่า การให้บริการด้านข้อมูลต่างๆ ไม่จำเป็นต้องรอเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็น 3จี เพียงอย่างเดียวถึงจะทำได้ บริการต่างๆ ที่ดีแทคพัฒนาขึ้นมามุ่งตอบสนองความต้องการผู้ใช้อย่างแท้จริง
"ที่ผ่านมาเรามีประสบการณ์ในเรื่องของการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอ็มเอ็มเอส ฟูลซองดาวน์โหลด โดยเฉพาะเครือข่ายเอดจ์ที่ถือว่ามีความเร็วไม่ด้อยกว่าบริการที่ให้ในระบบ 3จี ในต่างประเทศเสียอีก ความเร็วที่เปิดให้บริการ 3จี ในต่างประเทศอยู่ประมาณ 100-150 เมกะไบต์ต่อวินาที ขณะที่เอดจ์ของดีแทคเองก็วิ่งอยู่ในช่วงความเร็วดังกล่าว"
ผู้บริหารดีแทคยังบอกอีกว่า บริการนอนวอยซ์ของดีแทคในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 42% ในครึ่งปีหลังนี้จะทำการทยอยเปิดตัวบริการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโมบายเอทีเอ็ม มิวสิกฮับ ซึ่งได้นำมาโชว์ในงานไอซีที เอ็กซ์โป 2006 ที่ผ่านมาไปบ้างแล้ว ซึ่งแต่ละบริการจะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป
สุดท้าย นวัตกรรมทางด้านการบริการ ซึ่งดีแทคจะให้ความสำคัญในเรื่องการเอาใจใส่ลูกค้าและความสะดวกในการใช้บริการ ในครึ่งปีแรก ดีแทคได้ลงทุน 650 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงมาตรฐานของงานบริการ พร้อมขยายขีดความสามารถของงานบริการด้วยการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์เป็น 1,500 คน ลงทุนสร้างอาคารคอลเซ็นเตอร์แห่งใหม่ 300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้เต็มรูปแบบได้ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ดีแทคมีคอลเซ็นเตอร์ที่สามารถรองรับลูกค้าที่โทร.เข้าคอลเซ็นเตอร์ได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านครั้งต่อเดือน พร้อมกับจัดระบบการโอนสายของลูกค้าแต่ละกลุ่มไปยังบริการที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและยังได้ลงทุน 200 ล้านบาทกับการเตรียมระบบดาต้า-ไมนิ่ง เพื่อวิเคราะห์ลักษณะการใช้งานของผู้ใช้บริการเพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาแพกเกจและบริการใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการซึ่งจะเริ่มใช้เดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ดีแทคได้ยกระดับดีแทคชอปที่มีอยู่ 100 แห่งให้มีความสามารถในการดูแลและสร้างความประทับใจด้วยการยกระดับขึ้นมาเป็นเซอร์วิสเซ็นเตอร์ ทำให้ดีแทคชอปสามารถให้บริการที่ครบวงจรเหมือนกับการไปใช้บริการที่สำนักงานบริการ ใช้งบลงทุนในส่วนนี้ไปถึง 150 ล้านบาท
สันติ ยังบอกอีกว่า ภายในปีนี้ดีแทคมีแผนที่จะให้บริการรับชำระค่าบริการ หรือเพย์-พอยนต์ ในการชำระค่าบริการสาธารณูปโภคผ่านดีแทค คอลเซ็นเตอร์รวมถึงจัดให้มีจุดรับชำระค่าบริการตามห้างร้านต่างๆ 500 แห่งทั่วประเทศ
"เราไม่ได้มองเรื่องจำนวนของฐานลูกค้าอีกต่อไป แต่จะมองถึงความพึงพอใจในเรื่องบริการเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตาย"
|
|
|
|
|