Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2539
ธุรกิจการเงินต่างค่ายต่างกลยุทธ์             
โดย กุสุมา พิเสฏฐศลาศัย
 


   
search resources

ทิสโก้, บง. - TISCO
เอกธำรง เคจีไอ
นวธนกิจ, บง.




ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาการปรับตัวขนานใหญ่ในวงการธุรกิจการเงินเริ่มปรากฏให้เห็น โดยแต่ละบริษัทต่างก็มีหนทางของตนเองตามพื้นฐาน โอกาส และความเหมาะสม หลาย ๆ บริษัทได้ดำเนินการแล้วขณะที่อีกหลายบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการ

เอกธำรงควบเอกเอเซีย ก้าวเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำระดับภูมิภาค

บล.เอกธำรง (S-ONE) เสนอซื้อ บล.เอกเอเซีย (FAS) ทั้ง 100% คือ 50 ล้านหุ้นพร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญอีก 10 ล้านหน่วย นับเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่มีการกล่าวขวัญกันมากในช่วงที่ผ่านมา

เหตุผลสำคัญที่ ภควัติ โกวิทวัฒนพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บล.เอกธำรง กล่าวไว้ก็คือ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจของบริษัท และต้องการก้าวสู่การเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย โดยมีบริษัทเอเชียอิควิตี้โฮลดิ้งโบรกเกอร์รายใหญ่ในเอเชียเป็นฐานขยายเครือข่ายและอาศัยบุคลากรของ บล.เอกเอเซียในการขยายธุรกิจ

การควบกิจการครั้งนี้ บล.เอกธำรงต้องเพิ่มทุนจำนวนขึ้นมา 30 ล้านหุ้นในราคาพาร์ 10 บาท เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนหุ้นกับ บล.เอกเอเซีย ในสัดส่วน 2 หุ้นสามัญของเอกเอเซียต่อ 1 หุ้นสามัญของเอกธำรง และ 4 หน่วยของใบสำคัญแสดงสิทธิของเอกเอเซียต่อ 1 หุ้นสามัญของเอกธำรง

หลังจากนั้น บล.เอกธำรงก็จะดำเนินการลงทุนในเอเชียอิควิตี้โฮลดิ้งทั้งหมดที่ บง.เอกธนกิจ และธนาคารเอเชียถืออยู่ รวมเป็นสัดส่วนประมาณ 65% จากหุ้นทั้งหมด 124,267,686 หุ้น ซึ่งจะทำให้ บล.เอกธำรงสามารถบริหารเอเชียอิควิตี้ได้อย่างเต็มที่

ปัจจุบันเอเชียอิควิตี้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง และมีสาขารวม 24 แห่ง กระจายอยู่ในแถบเอเชีย ผลของการรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้ บล.เอกธำรงเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับต้น ๆ ในเอเชีย โดยจะมียอดสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท เงินทุนเพิ่มเป็น 9,000 ล้านบาท และพนักงานเพิ่มเป็น 870 คน

สำหรับยอดการมาแลกหุ้นจาก บล.เอกเอเชีย เป็น บล.เอกธำรง ในปัจจุบันมีจำนวน 49,696,766 หุ้น คิดเป็น 99.39% จาก 50 ล้านหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิมีการมาแลกทั้งหมด 9,838,396 หน่วย คิดเป็น 98.38% จาก 10 ล้านหน่วย

นวธนกิจซื้อสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
ขยายฐานครอบคลุมทั่วอาเซียน

การที่ บงล.นวธนกิจ (NAVA) ลงทุนซื้อบริษัท สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ซีเคียวริตี้ (STANDARD CHARTERED SECURITIES) ในสัดส่วน 80.1% นั้น เริ่มส่งผลในเรื่องของรปิมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้ส่งคำสั่งซื้อขายมาที่ บงล.นวธนกิจ ประมาณ 50% แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ทำให้ บงล.นวธนกิจ มีส่วนแบ่งตลาดโดยเฉลี่ยมาเป็นอันดับหนึ่งในขณะนี้ คือ ประมาณ 6.5% และมีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนนับหมื่นล้านบาท ขณะที่สภาวะตลาดโดยรวมไม่เอื้ออำนวย และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีรายได้ค่านายหน้าลดน้อยลง

ธนบดี โสภณศิริ ประธานกรรมการบริหาร บงล.นวธนกิจให้เหตุผลถึงการซื้อสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดว่า เพื่อขยายสาขาไปต่างประเทศให้ครอบคลุมธุรกิจทรัพย์หลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันสแตนดาร์ชาร์เตอร์ดมีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมถึง 7 ประเทศ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีฐานะเป็นโบรกเกอร์ถึง 14 ที่นั่ง คือ ในตลาดหุ้นฮ่องกง 9 ที่นั่ง ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ 2 ที่นั่ง ตลาดหุ้นเซินเจิ้น 1 ที่นั่ง ตลาดหุ้นจาการ์ตา 1 ที่นั่ง และในตลาดฟิวเจอร์ฮ่องกงอีก 1 ที่นั่ง

นอกจากนี้ การเข้าซื้อสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ยังจะช่วยให้ บงล.นวธนกิจ มีฐานลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีสำนักงานขายในลอนดอน สิงคโปร์ ฮ่องกง และนิวยอร์ก ทั้งยังมีการทำธุรกิจด้านจัดการกองทุนในอเมริกาและยุโรป เพื่อนำเงินมาลงทุนในแถบเอเชียด้วย

ทั้งนี้ แผนการขยายสาขาในขั้นแรก คือ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จะเข้าไปเปิดสำนักงานในประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก

ต่อจากนั้นอีก 2-3 ปีข้างหน้า บงล.นวธนกิจมีแผนที่จะใช้สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเป็นฐานขยายธุรกิจให้ครอบคลุมแถบอาเซียน โดยขณะนี้สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีใบอนุญาตทำธุรกิจในประเทศอินเดียและไต้หวันแล้ว

ทิสโก้บวกไทยค้า
ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ

การควบกิจการระหว่าง บงล.ทิสโก้ (TISCO) และ บล.ไทยค้า (TSC) นับเป็นอีกดีลหนึ่งที่ค่อนข้างลงตัว เนื่องจากเดิม บงล.ทิสโก้ มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนครบ 4 ใบ แต่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เพียง 3 ใบ ขาดใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ขณะที่ บล.ไทยค้ามีใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงใบเดียว การรวมตัวกันครั้งนี้จึงทำให้ บงล.ทิสโก้มีใบอนุญาตครบทั้ง 8 ใบ ส่งผลให้สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขอใบอนุญาตดังกล่าว 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ บงล.ทิสโก้ให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นในการซื้อหุ้น บล.ไทยค้า จากบงล.ทิสโก้ในอัตรา 1 : 5 ราคาหุ้นละ 11 บาท โดยทิสโก้ได้จ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 55 บาท และเมื่อสิ้นสุดการควบกิจการ 1 หุ้นของทิสโก้ หรือ 1 หุ้นของไทยค้านี้จะแปลงเป็นหุ้นของบริษัทที่ควบกันโดยใช้ชื่อเดิมว่า บงล.ทิสโก้ ได้ 1 หุ้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดได้เสร้จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ปลิว มังกรกนก กรรมการอำนวยการ บงล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลจากการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก ขณะเดียวกันก็ทำให้มีใบอนุญาตครบ

พร้อมกันนี้ ได้มีการเพิ่มสภาพคล่องและเงินกองทุนของบริษัทโดยการเพิ่มจดทะเบียนอีก 735 ล้านบาท เมื่อรวมกับทุนจดทะเบียนเดิมของ บงล.ทิสโก้ 167 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนเดิม บล.ไทยค้าอีก 100 ล้านบาท แล้วจะทำให้ บงล.ทิสโก้มีทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 1002 ล้านบาท และมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 7,890 ล้านบาท ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 90,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังมีส่วนต่างเหลืออยู่อีกมาก

บงล.ทิสโก้ ได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจหลังจากรวมกิจการครั้งนี้ว่า บริษัทจะพยายามขยายฐานธุรกิจออกไปในทุก ๆ ด้านให้สอดคล้องกับภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยทางด้านหลักทรัพย์จะใช้ บริษัท ทิสโก้ ซีเคียวริตี้ (ฮ่องกง) เป็นตัวหลักในการรุกธุรกิจ ซึ่งจะทำทั้งทางด้านการเป็นตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ในฮ่องกง และส่งผ่านคำสั่งซื้อขายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่วน บงล.ทิสโก้เองจะเน้นธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางการเงินให้มากขึ้น และขยายสินเชื่ออกไปอีก

การปรับตัวทางธุรกิจในแวดวงการเงินยังมีอยู่ไม่หยุดยั้ง บงล.จีเอฟ กำลังรอใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน ทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการถึงเดือนละ 3 ล้านบาท ขณะที่ บงล.ซิทก้า และบง.เฟิสท์ ซิตี้ อินเวสเม้นท์ ชวดใบอนุญาตไปแน่นอนแล้ว เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้น

ในส่วนของ บง.เอกธนกิจ ซึ่งมีข่าวว่าจะเข้าถือหุ้นในธนาคารไทยทนุในสัดส่วน 20% นั้น ขณะนี้ก็ทราบเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากขัดต่อ พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ ที่ว่า สถาบันการเงินสามารถถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ได้ไม่เกิน 10%

อย่างไรก็ตาม คนในแวดวงการเงินยังคงคาดเดาว่า บง.เอกธนกิจ คงไม่หยุดยั้งความพยายามในการขยายธุรกิจเพียงแค่นี้ แม้จะไม่ได้ถือหุ้นในธนาคารไทยทนุตามสัดส่วนที่ต้องการ แต่คงไม่จนใจที่ บง.เอกธนกิจจะสามารถขยายธุรกิจในแนวทางอื่น ๆ เพียงแต่รอจังหวะและโอกาสอันเหมาะในอนาคตเท่านั้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us