Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 สิงหาคม 2549
อสมท.ชะลอโกลบอลทีวี             
 


   
www resources

โฮมเพจ อสมท.

   
search resources

Radio
TV
อสมท, บมจ.




นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะจัดทำสถานีโทรทัศน์โลกหรือ โกลบอล ทีวี หลังจากที่ได้มีการว่าจ้างบริษัทให้มาทำวิจัยและพบว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 2.8 พันล้านบาท ซึ่งพบว่าเทคโนโลยีสื่อสารกำลังจะเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเกรงว่าถ้าลงทุนไปในขณะนี้ และภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลง จะทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เงินลงทุนที่ลงทุนไปจะเสียเปล่า ดังนั้นจึงต้องการรอให้เทคโนโลยีการสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลงไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยมีการตัดสินใจอีกครั้งว่าจะทำหรือไม่

อย่างไรก็ตาม บริษัท อสมท.ก็มีแผนที่จะรุกในสื่อวิทยุเพิ่มขึ้น รวมถึงสื่อทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยในส่วนของสื่อวิทยุนั้นที่ผ่านมาได้มีการนำคลื่นวิทยุที่อยู่ในกรุงเทพจำนวน 6 คลื่นซึ่งเป็นคลื่นเอฟ.เอฟ.นำมาบริหารเอง พบว่ามีจำนวน 3 คลื่นที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถรายได้อยู่ในระดับ 14-17 ล้านบาท ส่วนอีก 3 คลื่นนั้น อาจจะต้องมีการปรับปรุงเพราะยังทำรายได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท ในส่วนของสื่อด้านอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะมุ่งเน้นมากขึ้นเช่นด้านเว็บไซต์เป็นต้น ส่วนธุรกิจด้านหนังสือพิมพ์นั้นไม่มีแนวความคิดที่จะดำเนินการ

สำหรับกรณีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัทอสมท. คัดค้านมติคณะรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงการคลังนำหุ้นบริษัทอสมท. ไปค้ำประกันกับธนาคารออมสินจำนวน 11% เพื่อนำเงินไปลงทุนในธนาคารทหารไทยนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทอสมท. และการดำเนินงาน เพราะกระทรวงการคลังได้มีเงื่อนไขกับธนาคารออมสินว่าสามารถซื้อคืนได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า และการที่ธนาคารออมสินเลือกที่หุ้นบริษัทอสมท.เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งที่กระทรวงการคลังได้เสนอหุ้นให้ธนาคารออมสินเลือกหลายบริษัท แสดงให้เห็นว่าหุ้นของบริษัทอสมท.เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เพราะจะเห็นได้จากมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและแนวโน้มของธุรกิจก็มีทิศทางที่ดี

ในส่วนกรณีที่สหภาพแรงงานฯไม่เห็นด้วยนั้น ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสไปหารือกับสหภาพแรงงานฯ ซึ่งคาดว่าภายในปลายสัปดาห์นี้หรือไม่ก็สัปดาห์หน้าคงจะมีโอกาสหารือร่วมกัน

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ผลประกอบการในครึ่งปีหลังของบริษัท อสมท.มีแนวโน้มที่ดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 2,080 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากรายการเรียลลิตี้โชว์ อะคาเดมี่ แฟนทาเชีย ในช่วงไตรมาส 3 และจะมีงบโฆษณาพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง รวมทั้งจะมีรายรับจากโฆษณาของภาคเอกชนและรัฐ ซึ่งปัจจุบันโฆษณาภาคเอกชนมีสัดส่วนถึง 70% และภาครัฐ 30%

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2549 ที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,134 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 893 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะมาจากด้านโทรทัศน์ที่เพิ่มขึ้น 30% ขณะที่อุตสาหกรรมด้านโทรทัศน์โดยรวมมีรายได้ลดลงประมาณ 3.8% สาเหตุที่ผลประกอบการด้านโทรทัศน์ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดการให้เช่าเวลา มาเป็นการร่วมผลิตหรือผลิตรายการเองมากขึ้น ทำให้รายการของสถานีได้รับความนิยมและสามารถปรับเพิ่มพื้นที่การขายโฆษณาและบริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของธุรกิจด้านวิทยุ สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อุตสาหกรรมด้านวิทยุโดยรวมมีรายได้ลดลงประมาณ 13.6%

ทั้งนี้ จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจด้านโทรทัศน์และวิทยุ ส่งผลทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25%

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทอสมท.ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินการครึ่งปีแรกของปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยจะจ่ายในวันที่ 5 กันยายน 2549 ซึ่งการจ่ายในอัตราดังกล่าวคิดเป็น 77.67% ของกำไรสุทธิ ซึ่งบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทอสมท.ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลมาตลอด และในครึ่งปีหลังก็มีโอกาสที่จะจ่ายปันผลอีก แต่จะอยู่ในระดับใดนั้นยังไม่สามารถบอกได้ เพราะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทว่าเป็นอย่างไรบ้าง

สำหรับแผนงานหลังจากที่ได้รับการต่อวารให้บริการต่ออีก 4 ปีนั้นจะพัฒนา อสมท ให้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร รวมทั้งจะพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใหม่ๆ นอกจากนี้ อสมท ยังมีแนวคิดจะทำโครงการใหม่ๆ โดยเน้นการสร้างพันธมิตรเชิงธุรกิจและการร่วมทุน ส่วนจะเป็นรูปแบบใดนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังเสียก่อน

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ภายในปลายเดือนกันยายนนี้ จะเดินทางไปแนะนำข้อมูลหรือโรดโชว์ที่อังกฤษ นิวยอร์ก สหรัฐ เพื่อสร้างความมั่นใจและความสนใจให้กับหุ้น อสมท โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างมูลค่าตลาดรวมให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 27,000 ล้านบาท และเตรียมจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางการเพิ่มมูลค่าตลาดรวม และแผนงานในอนาคตของ อสมท. ด้วย โดยปัจจุบันยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ และยังมีกระแสเงินสดประมาณ 2,700 ล้านบาท นอกเสียจากจะมีผู้ลงทุนได้มีการติดต่อให้บริษัทอสมท.เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และจะมีการแบ่งปันผลประโยชน์ทางด้านกำไรหรือรายได้ที่เกิดขึ้น

อนึ่งในช่วงที่บริษัทอสมท.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2547 ได้มีการระบุแผนงานในอนาคตไว้ในแบบรายการแสดงข้อมูลหรือไฟลิ่ง ว่าจะมีโครงการ MCOT Television หรือ MCOT TV โดยมีความต้องการที่จะพัฒนาเครือข่ายโทรทัศน์ระดับประเทศไปสู่เครือข่ายโทรทัศน์ระดับนานาชาติ บริษัทจึงมีแผนที่จะลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการผลิตและนำเสนอรายการโทรทัศน์เป็นภาคภาษาอังกฤษภายใต้แนวคิด หน้าต่างของโลกตะวันออก ซึ่งมีกลุ่มผู้ชมทั่วโลก โดยมีกลุ่มประเทศเป้าหมายหลักจำนวนประมาณ 20 ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ประเพณี วัฒนธรรม สังคมและชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเซียสู่สายตาผู้ชมชาวต่างประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ รายได้หลักของ MCOT TV จะมาจากการขายเวลาโฆษณาแก่ผู้โฆษณาทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงการได้รับการสนับสนุนรายการจากผู้โฆษณาต่างๆ ด้วย และยังเป็นช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างบริษัทกับสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ผลที่คาดว่าจะได้รับเพิ่มเติมคือประเทศไทยจะได้เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีออกสู่สายตาประชาคมโลก และชาวต่างชาติจะได้รับรู้ข่าวสารจากประเทศไทยอย่างถูกต้อง

บริษัทคาดว่าจะดำเนินโครงการดังกล่าวผ่านทางบริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งบริษัทอาจจะมีการหาพันธมิตรทางธุรกิจมาร่วมลงทุนในบริษัทย่อย โดยบริษัทได้กำหนดงบลงทุนเบื้องต้นไว้ประมาณ 2.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามอาจมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก เพราะถือเป็นโครงการใหม่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us