โทนี่ หรือ ชาติศิริ โสภณพนิช ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่
ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2537 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนที่ 6 สืบแทนจาก
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ที่ลาออกเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เขาเข้ามาทำงานครั้งแรกในแบงก์กรุงเทพตั้งแต่วันที่
1 กุมภาพันธ์ 2529 สังกัดฝ่ายพนักงาน เมื่ออายุ 27 ปี แล้วย้ายไปเป็นผู้ค้าเงินตราต่างประเทศอาวุโส
ประจำสำนักเงินตราต่างประเทศ ใช้เวลาประมาณ 8 ปีก่อนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุด
โดยพื้นฐานการศึกษาแล้ว ทุกคนลงความเห็นว่า เขาเป็นคนเก่งทีเดียว ซึ่งจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก
WORCESTER TECH สหรัฐอเมริกา และจบปริญญาโท 2 ใบด้วยกัน คือ ด้านวิศวกรรมศาสตร์
จากสถาบัน MIT BOSTON สหรัฐฯ และจบด้านบริหารธุรกิจ อีกสาขาหนึ่งจากสถาบันเดียวกัน
ในระหว่างที่ปฏิบัติงานในธนาคารกรุงเทพนั้น ชาติศิริได้ไปฝึกอบรมด้านการบริหารการตลาดจากประเทศสิงคโปร์ด้านการบริหารการธนาคาร-การเงิน
จากฮ่องกงด้านอุตสาหกรรมการลงทุน และกฎหมายจากสหรัฐอเมริกา รวมทั้งด้านเศรษฐกิจในเอเชีย
และผลกระทบจากประเทศฟิลิปปินส์ และความร่วมมือระหว่างประเทศจากประเทศญีปุ่นอีกด้วย
ถ้าดูจากแค่ประวัติการศึกษาและการฝึกอบรมแล้วก็เห็นได้ว่าคุณภาพคับแก้ว รอเพียงประสบการณ์ในการบริหารงานสักระยะก็คงจะครบถ้วนกระบวนความ
นอกจากเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแล้ว ชาติศิริยังเป็นผู้บรรรยายพิเศษแก่นิสิตระดับปริญญาโทของคณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นกรรมการการท่าอากาศยานฯ และเป็นกรรมการของบริษัท
โพสต์ พับลิชชิ่ง (มหาชน) ด้วย และเมื่อปี 2536 ได้เข้าอบรมหลักสูตรการปฏิบัติการจิตวิทยาฝ่ายอำนวยการ
รุ่นที่ 69 ของสถาบันจิตวิทยาเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ในสังกัดกองทัพบก
ทางด้านทิศทางการบริหารงานนั้น ชาติศิริยังคงยึดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เป็นธนาคารคุณภาพและการเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคเอเชีย
เช่นเดียวกับนโยบายของชาตรีในด้านการเป็นธนาคารคุณภาพนั้น ชาติศิริมุ่งเน้น
3 ประการหลัก คือ คุณภาพบริการ คุณภาพพนักงาน และคุณภาพของสินทรัพย์ นอกจากนี้ยังเน้นการขยายเครือข่ายสาขาให้ครอบคลุมทั่วเอเชีย
หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งใหญ่ไม่ถึง 2 ปีดี ชาติศิริได้ปรับโครงสร้างการทำงานภายในองค์กรใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นที่การลดขั้นตอนการทำงานและการตัดสินใจ
เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งได้มีการกำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาดใหม่
โดยแยกกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และรายย่อยออกจากกัน เพื่อเป็นการให้บริการกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะปรับปรุงงานบริการและระบบการทำงานของสาขาใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้สะดวกรวดเร็ว
อีกทั้งพนักงานก็จะได้กลับบ้านเร็วขึ้น
นอกจากนี้ แผนต่อไปก็คือ การปรับปรุงรูปแบบของสาขาใหม่ให้มีลักษณะแตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่
โดยจะให้ผู้จัดการสาขามีส่วนร่วมในการเลือกรูปแบบด้วย ยึดหลักการสำคัญคือให้ลูกค้าเป็นหัวใจหลักนั่นเอง
สำหรับผู้ที่ได้ร่วมงานใกล้ชิดกับชาติศิริแล้วส่วนใหญ่ มักจะลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคนดีมีความสามารถ
สุภาพเรียบร้อย ไม่มีกริยาที่แสดงว่าเป็นเจ้านายใหญ่โต อย่างเช่นที่ พัลลภ
โศภิษฐ์พงศธร รองผู้จัดการฝ่ายกิจการต่างประเทศ เล่าให้ "ผู้จัดการรายเดือน"
ฟังว่า "ดูภายนอกอย่างไรข้างในก็เป็นอย่างนั้น คือ ภายนอกดูสุขุมเยือกเย็นประนีประนอมสูง
เป็นคนทำงานหนักนะครับ หามรุ่งหามค่ำ แล้วก็ติดดิน ทำงานกับคุณโทนี่ด้วยความสบายใจครับ"
อีกท่านหนึ่งเป็นคนเก่งของวงการและเป็นที่รับรู้กันถึงเรื่องความเก่งเป็นอย่างดี
คือ ดร.ธวัช อังสุวรังษี กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง จำกัด ซึ่งเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถสูงประสบความสำเร็จเร็ว
ส่งผลให้มีความมั่นใจในตนเองสูงมาก การที่จะยอมรับความสามารถใครสักคนหนึ่งจึงเป็นเรื่องยาก
แต่ชาติศิริเป็นคนหนึ่งในจำนวนน้อยคนนักที่ ดร.ธวัช ยอมรับในฝีมืออย่างเต็มอกเต็มใจ
"อันนี้ไม่ได้หมายความว่า คุณโทนี่เป็นเจ้านายแล้วผมถึงพูดแบบนี้นะ
แต่ผมจะยอมรับในตัวคุณโทนี่อย่างจริงจังเนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่มีธุรกิจขนาดนี้
การศึกษาขนาดนี้มักจะมั่นใจในตัวเองสูงมากแบบ OVER CONFIDENCE แต่คุณโทนี่ไม่เลย
แกจะถ่อมตัว ให้เกียรติ และไม่ค่อยประชาสัมพันธ์ตัวเองแบบคนทั่วไป ไม่ใช่นักสร้างภาพ
ซึ่งผมว่าดีเปิดตัวเองมากก็เปลืองตัวมากเท่านั้น แกไม่ชอบเป็นข่าว แต่ชอบทำงานมากกว่า
แล้วก็ทำงานเป็นทีม ไม่มีอาการโชว์ออฟเลย และมีเหตุมีผลพอใช้ได้ คิดการณ์ไกล
มีวิสัยทัศน์ เป็นคนสมัยใหม่ด้านความคิดความอ่าน ซึ่งผมว่าวิธีคิดหรือการทำงานก็เหมือนคุณชาตรีนั่นแหละ
ใครได้ทำงานด้วยก็ถือว่าโชคดีเพราะเปิดโอกาสให้ลูกน้อง ถ้าลูกน้องเก่งสักแค่ไหน
นายไม่เปิดทางให้ก็ลำบาก แต่นี่โอเคครับ"