ฝ่ายวิจัยโจนส์ แลงฯภาคพื้นเอเชีย ระบุมูลค่าของอาคารสำนักงานทั่วเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ค่าเช่ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ตามสภาพความต้องการพื้นที่เช่า ชี้อาคารสำนักงานเกรดเอในกรุงเทพฯราคาสูงขึ้น 12.2% เทียบกับปีที่แล้ว ด้านผู้เช่าหาทางเลี่ยงมองทำเลนอกเมือง หวังลดต้นทุนในทางธุรกิจของลูกค้า
นายเจน เมอร์เรย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของโจนส์ แลง ลาซาลล์ เปิดเผยถึงตลาดอาคารสำนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เช่น ฮ่องกง,สิงคโปร์,เซี่ยงไฮ้, ซิดนีย์และโตเกียว ล้วนมีค่าเช่าพื้นที่สำนักงานปรับตัวสูงขึ้น ส่วนตลาดในเมืองที่กำลังพัฒนาเช่น กรุงเทพฯ ,กัวลาลัมเปอร์,มะนิลา และจาการ์ตา มีค่าเช่าสูงขึ้นใกล้เคียงหรือสูงกว่าเพดานค่าเช่าที่เคยพุ่งสูงสุดก่อนวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540
" ความต้องการจากผู้เช่าที่มีอยู่ในระดับสูงอันเป็นผลพวงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับภาวะอุปทานหรืออาคารสำนักงานที่จะให้บริการขาดแคลน ส่งผลให้ค่าเช่าและมูลค่าของสำนักงานทั่วเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งกลุ่มที่มีแนวโน้มขยายธุรกิจ จะมาจากธุรกิจธนาคารและการเงิน ตามด้วยในภาคบริการทางวิชาชีพ เช่น บัญชีและกฎหมาย รวมถึงบริษัทที่ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี หรือไอทีและสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้พบว่า โดยทั่วไปบริษัทกลุ่มนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่สำนักงานเกรดเอ แต่พบว่ามีหลายรายพร้อมจะจ่าย เพื่อให้ได้มีสำนักงานตั้งอยู่ในทำเลสำคัญๆ"
สำหรับในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอในเขตศูนย์กลางธุรกิจ(CBD)ของกรุงเทพฯ ปรับสูงขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และปรับสูงขึ้นถึง 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนมูลค่าเพิ่มของอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้น 4.8% เทียบกับไตรมาสที่แล้ว และสูงขึ้นถึง 13.5% เทียบปีที่แล้ว ขณะที่ฮ่องกง (เขตเซ็นทรัล) ค่าเช่าปรับขึ้น 8.9% ในไตรมาสที่ผ่านมาหรือ 39.8% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา และยาวนานที่สุดในรอบ 20 ปี ส่วนตลาดสิงคโปร์มีค่าเช่าเพิ่มขึ้น 13.5% ในไตรมาสที่แล้ว หรือ 44.4% จากปีที่แล้ว (พิจารณาตารางประกอบ)
" อัตราค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ผู้เช่าบางรายต้องการหาทางเลือกใหม่ด้วยการพิจารณาการเช่าพื้นที่สำนักงานนอกเขตทำเลหลักๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ต้นทุนด้านสถานประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทผู้เช่า อย่างไรก็ดี ผู้เช่าหลายรายยังคงต่อสัญญาเช่าในอาคารที่อยู่เดิม แม้ค่าเช่าในสัญญาใหม่จะเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งเป็นตัวเร่งให้ค่าเช่าพุ่งสูงขึ้นต่อไป" เมอร์เรย์กล่าวและว่า
ในส่วนของการเข้าซื้อขายอาคารสำนักงานนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่มุ่งไปที่ตลาดของญี่ปุ่น, จีน , เกาหลีและสิงคโปร์ เนื่องจากแนวโน้มของค่าเช่ายังปรับตัวสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมีพัฒนาการมากขึ้นในภูมิภาคนี้ รวมทั้งเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาในเอเชีย ทำให้เกิดความต้องการซื้อมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงกองทุนในกลุ่มบำเหน็จบำนาญ ซึ่งมองว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นหรือพันธบัตรที่มีความอ่อนไหวมากกว่า
" ภูมิภาคเอเชีย ยังคงได้รับความสนในจากนักลงทุน ส่งผลให้เงินทุนส่วนใหญ่หลั่งไหลมาจากอเมริกา ยุโรปและตะวันออกกลาง และด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต จะยิ่งกระตุ้นความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในช่วงที่เหลือของปีนี้และยิ่งมากขึ้นอีกในปี 2550 "
|