แอมเวย์สุดอั้นต้นทุนพุ่งเตรียมปรับราคาสินค้าทุกรายการขึ้น 5% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 นี้ ล่าสุดทุ่มงบ 50 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญใหม่ที่เน้นการสร้างแบรนด์สู่ “โอกาสในการสร้างธุรกิจของตนเอง” หวังมอบโอกาสให้คนที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ เล็งเปิดตัวแบรนด์และสินค้าใหม่ในครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าสิ้นปียอดขาย 9,000 ล้านบาท เชื่อตลาดขายตรงปีนี้ยังโต 5-10%
นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯแบกรับภาระต้นทุนการผลิตเพิ่ม อาทิ ค่าเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน ฯลฯ มาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว ล่าสุดบริษัทฯเตรียมปรับราคาสินค้าในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นอีก 5% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.49 นี้ ทั้งนี้บริษัทฯเคยปรับราคาครั้งล่าสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงนี้ในส่วนผลตอบแทนของสมาชิกจะได้รับเพิ่มขึ้น 10% ขณะที่มาตรการต่างๆในการรองรับสภาพเศรษฐกิจนี้บริษัทฯก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดแอมเวย์เปิดตัวกลยุทธ์การตลาดที่เน้นในเรื่องการสร้างแบรนด์เป็นหลัก จากเดิม “โอกาสทางธุรกิจแอมเวย์” ไปสู่ “โอกาสในการสร้างธุรกิจของตนเอง” พร้อมด้วยเตรียมส่งภาพยนตร์โฆษณาเริ่มออกอากาศวานนี้ (8 ส.ค.49) ภายใต้งบการตลาดแคมเปญนี้ 50 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯพบว่าเทรนด์ของตลาดโลกเอื้ออำนวยต่อธุรกิจขายตรงเป็นอย่างมาก อาทิ กลุ่มคนสูงอายุมีมากขึ้น ,ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยมีมากขึ้น และคนอยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองมากขึ้น บริษัทฯจึงได้พยายามเสนอโอกาสทางธุรกิจให้คนเหล่านั้น
ปัจจุบันแอมเวย์มีลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิกเพื่อใช้สินค้าประมาณ 4 แสนรายและนักธุรกิจอิสระ 300,000 รหัส โดยแบ่งเป็นยอดแอคทีฟหรือทำธุรกิจต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วน 50% จากยอดรวม 7 แสนราย โดยอีก 70% ของผู้ทำธุรกิจจะเป็นสามีภรรยากัน
สำหรับสัดส่วนของสมาชิกแอมเวย์ แบ่งเป็น อายุ 18-30 ปีมีสัดส่วนคิดเป็น 30% ,อายุ 31-45 ปีมี 45% ,อายุ 46-60 ปีมี 20% และอายุ61 ปีขึ้นไปมี 4% ซึ่งในส่วนสมาชิกใหม่ของแอมเวย์ในแต่ละเดือนจะมีผู้สนใจสมัครประมาณ 20,000 ราย โดยแนวโน้มกลุ่มคนรุ่นใหม่หรืออายุ 18-30 ปีจะหันเข้ามาทำธุรกิจขายตรงมากขึ้น
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในกลุ่มเครื่องกรองอากาศ “แอทมอสเฟียร์(Atmosphere)” คาดว่าจะได้เห็นภายในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ รวมถึงบริษัทฯจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสุขภาพและความงามอีก 2-3 รายการ
ผลประกอบการสิ้นปี 2549 นี้บริษัทฯคาดหวังที่ 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดรายได้จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ มีสัดส่วน 31% และอาร์ทิสทรีมีสัดส่วนลดลงเหลือ 24-25% จากเดิม 27-28% โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม“นิวทริไลท์ ดับเบิลเอ็กซ์” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม พบว่ามียอดขายกว่า 160 ล้านบาทหรือยอดขายสินค้ากว่า 9 หมื่นกล่อง ซึ่งทั้งปีบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายดับเบิลเอ็กซ์ที่ 200 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมธุรกิจขายตรงในประเทศไทยปีนี้ยังมองว่ายังมีอัตราการเติบโตอยู่ 5-10% ซึ่งถึงแม้ตลาดจะมีปัจจัยลบมากทั้งเศรษฐกิจและการเมือง แต่ในทางกลับกันตลาดขายตรงยังไม่อิ่มตัวและมีโอกาสโตขึ้นอีกมาก
|