|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
SALEE คาดโกยรายได้ปี 51 แตะ 1 พันล้านบาท หลังเข้าซื้อหุ้น เอสซี วาโด มาด้วยสัดส่วน 75% พร้อมออกหุ้นเพิ่มทุน 58 ล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วน 2.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และอีก 37 ล้านหุ้น เพื่อขายให้ประชาชนทั่วไป โดยเงินที่จะใช้ซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าวประมาณ 84 ล้านบาท หวังต่อยอดธุรกิจและเบนสู่การฉีดอลูมิเนียมอันเป็นธุรกิจต้นน้ำ พร้อมซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต มีแผนนำ เอสซี วาโด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่าจากที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 ซึ่งที่ประชุมบอร์ดได้มีมติให้บริษัทลงทุนในบริษัท เอสซี วาโด จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นใน บริษัท เอสซี วาโด จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนโลหะสำหรับยานยนต์ โดยเฉพาะ Hard Disk Drive (HDD) ซึ่งถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจดังกล่าวด้วย
โดย SALEE จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทดังกล่าวจำนวน 720,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 72 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ SALEE เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 75% และ SALEE จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน เอสซี วาโด ในราคาหุ้นละ 116.67 บาท คิดเป็นเงินรวม 84 ล้านบาท (ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท ณ 31 มี.ค. 2549 ที่ได้ปรับปรุงแล้ว ที่ราคาหุ้นละ 116.14 บาท)
สำหรับ บริษัท เอสซี วาโด จำกัด มีทุนชำระแล้วปัจจุบัน 240,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท รวม 24 ล้านบาท และมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือนางอัจชาวดี กลัดนุ่ม 66% นางซาโตมิ โซเดะ 24% และนายโกปาลัน อัล รามันกุ๊ดตี 10% และเพิ่มทุนเป็น 96 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 960 ล้านบาท ภายหลังจากที่ SALEE เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว
"การที่เขาเปิดทางให้เราเข้าถือมาก เพราะเราทำการตลาดและบริหารเก่ง บวกกับมีฐานลูกค้าที่ดี แต่ขาดความชำนาญในเรื่องการผลิต ที่สำคัญเรารู้จักกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงถือว่ามีคอนเน็กชั่นกันมาพอสมควร" นายสาทิสกล่าว
นายสาทิสกล่าวเพิ่มว่า SALLE จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 37,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชน ซึ่งจะกำหนดราคาภายหลัง และหุ้นเพิ่มทุนอีก 58 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท และมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้จัดการจัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือจากการจัดสรรดังกล่าว และบอร์ด SALEE ให้ลดทุนจดทะเบียนจากการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จากเดิม 149.50 ล้านบาท เป็น 145 ล้านบาท
"หุ้นที่จะขายให้กับประชาชนทั่วไป 37 ล้านหุ้นนั้น อยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องเพื่อขออนุมัติจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) คาดว่าน่าจะขายได้ปลายปีนี้ และคาดว่าจะคิดราคากระดานย้อนหลัง 90 วัน และให้ส่วนลดไม่เกิน 10% แต่ก็มีหลายวิธีต้องให้ที่ปรึกษาการเงินสรุปผลอีกครั้ง " นายสาทิสกล่าว
สำหรับการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อลงทุนที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ SALEE อย่างมาก เพราะ เอสซี วาโด จะช่วยต่อยอดธุรกิจทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เนื่องจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีอัตราการเติบโตที่ดี ขณะที่ผลการดำเนินที่ผ่านมาก็ขยายตัวอย่างโดดเด่น ซึ่งหลังจากเข้าลงทุนครั้งนี้เชื่อว่าทั้งสองบริษัท จะเสริมศักยภาพทางธุรกิจต่อกันได้
นายสาทิสกล่าวว่าหลังจากเพิ่มทุนแล้วจะให้ เอสซี วาโด ขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำคือการฉีดอลูมิเนียม ซึ่งจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทขาดแคลนวัตถุดิบและต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ และจะทดสอบความสามารถการผลิตได้ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดย เอสซี วาโด จะใช้เงินเพิ่มทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 6 ตัว ด้วยงบลงทุน 115 ล้านบาท
โดยการลงทุนใน เอสซี วาโด ครั้งนี้ SALLE จะรับรู้รายได้เข้ามาสู่บริษัทแม่ในปีนี้ประมาณ 10% หรือ 50-70 ล้านบาท และปีหน้าจะเข้ามาอีก 250 ล้านบาทหรือเติบโตปีละ 30% เช่นกันกับการเติบโต ขณะที่ตัวมาร์จิ้นของบริษัทนี้จากเดิมอยู่ที่ 5-10% จะเพิ่มเป็น 25% และ SALEE ยังมีแผนจะนำ เอสซี วาโด เข้าจดทะเบียนในตลาดลหลักทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
นายสาทิสกล่าวว่า ในปี 51 ตั้งเป้าโกยรายได้เกิน 1 พันล้านบาท หลังจากการมีบริษัทย่อยอย่าง เอสซี วาโด เข้ามาสร้างรายได้หนุนบริษัทแม่ เพราะบริษัทนี้จะเบนสู่ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะยานยนต์เพิ่มขึ้น อันจะทำให้รายได้จากส่วนนี้เพิ่มจากเดิม 10% เป็นอย่างละ 50% ได้ในปี 51 ขณะที่การเติบโตรายได้ของ SALEE ยังตั้งเป้าไว้ปีละ 30% ซึ่งปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำรายได้ที่ระดับ 500 ล้านบาทได้ โดย 65% มาจากธุรกิจขึ้นรูปพลาสติกและ 35% มาจาก สาลี่ พริ้นติ้ง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้หันมาทำการติดพลาสติกเป็นการเสริมรายได้เพิ่มอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในวันที่ 11 กันยายน 2549 เวลา 12.00 น. และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 25-29 กันยายน 2549 และมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้กำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าว ในวันที่ 21 สิงหาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจะแล้วเสร็จ
|
|
|
|
|