ศูนย์รับฝากฯ ยกระดับนำระบบไอทีเพิ่มศักยภาพงาน เล็งสร้างมูลค่าเพิ่มแก่บจ.หวังผันผู้ถือหุ้นมาเป็นลูกค้า เตรียมหารือชมรมไออาร์ ส.ค.นี้ คัดเลือก 10 บริษัทนำร่อง คาดได้รายชื่อ ต.ค.นี้ “โสภาวดี” แจง T+2 ยังไม่คืบเหตุ รอให้ทั้งระบบใช้ ATS ก่อน

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการและผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์รับฝากกำลังจัดทำแผนการดำเนินงานของบริษัทโดยคาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะได้แผนปฏิบัติงานสำหรับการดำเนินงานปีหน้า ซึ่งทิศทางการดำเนินงานภายใต้การบริหาร จะเน้นเพิ่มศักยภาพของการให้บริการโดยการนำระบบไอทีเข้ามาช่วยในการทำธุรกรรมเพื่อพัฒนาระบบงานเป็น Automation System มากขึ้น และเป็นการเสริมกระบวนการทำงานของบริษัทให้มีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ รวดเร็ว และลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังรวมถึงการจัดทำระบบการชำระราคาหลักทรัพย์ รับฝากหลักทรัพย์ และนายทะเบียนเพื่อให้เป็นไปในระบบเดียวกัน และจะมีการพัฒนาระบบการดำเนินงานต่างๆ เพื่อรองรับกับสินค้าใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นของตลาดหลักทรัพย์

สำหรับวิวัฒนาการของโลกในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนมากขึ้น เช่นการควบรวมตลาดหุ้นข้ามทวีปเกิดขึ้น และตลาดหุ้นเกาหลีกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการเซ็นสัญญาความร่วมมือกัน (MOU) ดังนั้นทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับ

ทั้งนี้บริษัท ศูนย์รับฝากฯ ยังจะให้ความสำคัญต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มในบริการที่บริษัทจดทะเบียนจะให้กับลูกค้ามากขึ้น เช่นการพัฒนาฐานข้อมูลผู้ถือหุ้นที่มีอยู่เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการบริการและสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้น (Shareholders Value) รวมถึงการจัดกระบวนงานบริการผู้ถือหุ้นตามแนวทางบรรษัทภิบาลที่ดี

นางสาวโสภาวดี กล่าวอีกว่า สำหรับแนวคิดดังกล่าวนับเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับงานบริการแก่บริษัทจดทะเบียนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้บริษัทจดทะเบียนรู้จักและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ถือหุ้น และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนความสัมพันธ์จากผู้ถือหุ้นมาเป็นลูกค้าของบริษัทต่อไปในอนาคตได้ ซึ่งก็จะเป็นการสร้างความภักดี (Loyalty) ต่อสินค้าและบริการของบริษัทจดทะเบียนในที่สุด

ทั้งนี้ เบื้องต้นศูนย์รับฝากฯ จะมีการคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนมาจำนวน 10 บริษัท ซึ่งจะต้องมีผู้ถือหุ้นเกิน 10,000 ราย โดยจะมีการหารือกับชมรมนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) ในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อคัดเลือกบริษัทที่มีโอกาสที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า เช่น บริษัทที่อยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค ธนาคาร บริษัทรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยคาดว่าจะได้รายชื่อ 10 บริษัทภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งศูนย์รับฝากฯ จะทำหน้าที่ในการจัดแบ่งประเภทของลูกค้า (Customer Segmentation) เพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการที่สนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ทาง TSD จะมีการเสริมสร้างภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ขององค์กร (Corporate Image & Corporate Identity) เพื่อให้บริษัท ศูนย์รับฝากฯ เป็นที่รู้จักของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น และสร้างความเข้าใจถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทและตระหนักในบทบาทที่บริษัทมีต่อตลาดเงินและตลาดทุนไทย ก็เป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ

ในส่วนของการเปลี่ยนการชำระราคามาเป็นT+2 จาก T+3 นั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะต้องรอให้นักลงทุนทั้งระบบมีการชำระราคาโดยการหักบัญชีอัตโนมัติ (ATS)ก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้ได้ในปีหน้า