Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 สิงหาคม 2549
ธปท.ปัด NPL แบงก์เฉพาะกิจ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Banking




แบงก์ชาติยอมรับหนี้เสียเพิ่มขึ้นแต่ยังคุมได้ หม่อมอุ๋ยระบุอย่านำหนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การดูแลของคลังมารวมกับแบงก์พาณิชย์ที่ ธปท.กำกับดูแล เผยไม่มีสูตรตายตัวสูงต่ำของหนี้เสียต่อจีดีพี

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยกรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เป็นจำนวนมากว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน เพราะสถาบันการเงินเฉพาะกิจอยู่นอกระบบสถาบันการเงินมีการแยกการกำกับดูแลอย่างชัดเจนภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้เมื่อเทียบสัดส่วนหนี้เอ็นพีแอลของสถาบันการเงินเฉพาะกิจมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับระบบธนาคารพาณิชย์

"แบงก์เฉพาะกิจมีการแยกการกำกับค่อนข้างชัดเจน คนละระบบกับแบงก์พาณิชย์ไทย สัดส่วนสินเชื่อและเอ็นพีแอลมีไม่มากเมื่อเทียบกับแบงก์พาณิชย์ไทย แบงก์เฉพาะกิจเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการปล่อยกู้ ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นผู้กำกับดูแลโดยตรง ต้องไปถามกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับธปท." ผู้ว่าการธปท.กล่าว

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบหนี้ในระบบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะนี้เท่าที่ดูจากตัวเลขมีอัตราการเพิ่มขึ้นจากอดีตที่ผ่านมามากพอสมควร ซึ่งหากเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ก็น่าเป็นห่วง ซึ่งคงต้องจับตาดูต่อไป อย่างไรก็ตามหากจะให้บอกระดับหนี้ที่เหมาะสมต่อจีดีพีว่าควรจะอยู่ที่ระดับใด คงไม่สามารถบอกได้ เพราะไม่มีสูตรที่ตายตัว

สำหรับ การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ซึ่งก่อนหน้านี้ทางชมรมผู้ประกอบการบัตรเครดิตได้ส่งหนังสือเพื่อขอขึ้นอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจากปัจจุบันที่ 18% เป็น 20% นั้น นางธาริษา กล่าวว่า คงต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบอีกครั้ง แล้วจะประกาศให้ทราบพร้อมกัน

ขณะที่นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า จากการดูข้อมูลตัวเลขหนี้ระยะสั้นเมื่อเทียบกับหนี้ระยะยาวในขณะนี้ ถือว่าหนี้ระยะสั้นยังไม่น่ากังวลอย่างใด โดยล่าสุดหนี้ระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 20% เศษเท่านั้น ซึ่งรวมสินเชื่อเพื่อการค้าแล้ว

ทั้งนี้ ธปท.ได้รายงานตัวเลขหนี้ต่างประเทศล่าสุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2549 มียอดคงค้าง 57,325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการนำเข้าหนี้ของภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคารเป็นสำคัญ โดยสัดส่วนหนี้ระยะสั้นคิดเป็น 31% และหนี้ระยะยาว 69% ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมดซึ่งอยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อน

สำหรับหนี้รัฐบาลมียอดคงค้าง 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการซื้อคืนและรัฐบาลไถ่ถอนตราสารหนี้ระยะยาว ส่วนหนี้ภาคธนาคาร มียอดคงค้าง 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์นำเข้าหนี้สุทธิ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กิจการวิเทศธนกิจชำระคืนเงินกู้สุทธิ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่หนี้ภาคอื่นๆ มียอดคงค้าง 45,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการนำเข้าสินเชื่อการค้า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us