ทันทีที่ผลประกอบการของอุตสาหกรรมเหล็กและกระดาษเริ่มส่อแววเป็นภาระหนักขึ้น
ขณะที่อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างก็กำลังจะยากเย็นแสนเข็ญในการต่อสู้ เครือซิเมนต์ไทยหรือปูนใหญ่จึงต้องดิ้นรนหาหนทางเพื่อขยายบทบาทในภาคอุตสาหกรรมอื่นที่มีอยู่ในเครือ
อุตสาหกรรมยานยนต์นับเป็นอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างสดใส และเป็นเป้าหมายของปูนใหญ่ที่จะรุกเข้าไปขยายบทบาทให้มากขึ้น
จะว่าไปแล้วทุกวันนี้ปูนใหญ่นับเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งของประเทศ
และยังเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีความมั่นคงอย่างมาก เพราะนอกจากการป้อนให้กับตลาดวงกว้างแล้ว
โครงการส่วนใหญ่ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านบาทได้ผูกติดกับเครือข่ายโตโยต้าไว้เรียบร้อยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นปูนใหญ่ คือ เมกเกอร์เพียงรายเดียวที่ได้เข้าถือหุ้นในบริษัท
โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นจำนวนสูงถึง 10%
ความหวังของปูนใหญ่ที่จะก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์
เริ่มเป็นภาพฝัน เมื่อจีเอ็มประกาศการลงทุนในประเทศด้วยโครงการประกอบรถยนต์โอเปิลที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง
18,750 ล้านบาท
ในวันแถลงข่าวของจีเอ็มเมื่อ 11 มิถุนายน 2539 นั้น กระแสความสนใจหนึ่งได้พุ่งไปที่ประเด็นการร่วมมือระหว่างปูนใหญ่กับจีเอ็ม
เพราะขณะนั้นมีแนวโน้มค่อนข้างมากว่าจีเอ็มจะใช้ที่ดินในนิคมของปูนใหญ่ที่จังหวัดระยอง
อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองในรายละเอียดที่ว่าปูนใหญ่จะเข้าถือหุ้นในโครงการนี้อย่างไร
ว่ากันว่ามีแรงหนุนจากผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลของไทยที่ต้องการจะผลักดันให้จีเอ็มดึงปูนใหญ่เข้าร่วมทุนด้วย
โรนัลด์ ดี. ฟริซเซลล์ ประธานบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทที่จะเข้ามาดูแลด้านการผลิตรถยนต์โอเปิลในประเทศไทย กล่าวในขณะนั้นว่าการร่วมทุนหรือการเลือกทำเลเพื่อตั้งโครงการนั้นยังเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจ
และที่จริงแล้ว การเข้ามาครั้งนี้ทางจีเอ็มต้องการที่ลงทุนด้วยตนเองทั้ง
100% ส่วนในภาคของอุตสาหกรรมเกื้อหนุนนั้นคงต้องดูในรายละเอียดอีกว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่ล่าสุดเมื่อจีเอ็มตัดสินใจซื้อที่ดินจำนวน 300 ไร่เศษในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดของบริษัท
เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
ก็เท่ากับว่า ฝันของปูนใหญ่ที่วาดภาพขึ้นเริ่มเลือนลาง
การไม่ใช้ที่ดินของปูนใหญ่ น่าจะบ่งบอกได้ว่า จีเอ็มต้องการลงทุนในโครงการนี้ทั้ง
100% หุ้นจำนวน 25% ที่ปูนใหญ่อยากเข้าไปถือนั้น ยากเหลือเกินที่จีเอ็มจะแบ่งให้ได้
สำหรับอุตสาหกรรมเกื้อหนุนที่จะตามมานั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตในประเทศไทยหรือเครือข่ายจีเอ็มจากอเมริกาและที่อื่นจะตามเข้ามา
ก็ดูเหมือนว่า พระนครยนตรการจะได้รับการคัดเลือกในอันดับต้นจากจีเอ็มให้เป็นผู้ดูแลด้านนี้เสียแล้ว
แนวโน้มที่ปูนใหญ่จะได้เข้าเอี่ยวในโครงการนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว
แม้ว่าคนของปูนใหญ่จะยังมั่นใจว่ายังไม่หมดหวัง
"แม้จีเอ็มกลับลำไม่ลงทุนในเขตประกอบการของบริษัท แต่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะวิ่งตามเข้ามานั้น
ยังมีความเป็นไปได้สูงที่หลายบริษัทจะมุ่งมาลงทุนในพื้นที่ของปูนใหญ่ ซึ่งอาจรวมถึงการร่วมทุนกันด้วย"
ผู้บริหารของปูนใหญ่กล่าว
เหตุผลแห่งการตัดสินใจเปลี่ยนทำเลที่ตั้งโครงการครั้งนี้ นอกจากจะมองได้ว่าเป็นเพราะจีเอ็มได้ข้อเสนอที่ดีกว่าจากทางเหมราช
หรือระบบและการบริการในนิคมของเหมราชสะดวกตามความประสงค์ของจีเอ็ม เช่น ระบบ
"วัน สตอป เซอร์วิส" ไม่ต้องติดต่อผ่านหน่วยงานราชการหลายแห่งให้ยุ่งยาก
ซึ่งประเด็นนี้ สมเจตน์ ทิณพงษ์ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยถึงกับเอ่ยปากเอง
นอกจากสองประเด็นนี้แล้ว น่าจะเป็นเพราะจีเอ็มเจรจาตกลงในเรื่องการร่วมทุนกับปูนใหญ่ไม่เป็นผล
จึงไม่สมควรที่จะอยู่ในพื้นที่ของปูนใหญ่
และสาเหตุที่จีเอ็มกับปูนใหญ่ไม่ตกลงร่วมทุนกันนั้น มาจากสองประเด็นหลักซึ่งสัมพันธ์กันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ประการแรก ปูนใหญ่มีนโยบายชัดเจนว่าจะต้องเข้าร่วมทุนอย่างน้อย 25% เพื่อที่จะมีสิทธิ์ในการบริหารงานด้วย
ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่จีเอ็มตัดสินใจยากมากทีเดียว เพราะขนาดคู่ค้าอย่างพระนครยนตรการ
จีเอ็มยังเลี่ยงไม่ให้เข้าร่วมทุน และยิ่งปูนใหญ่จะขอเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารยิ่งเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปสำหรับจีเอ็ม
ประการที่สอง รู้กันอยู่ว่า ปูนใหญ่กับโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยนั้น มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันอย่างลึกซึ้ง
อย่างที่กล่าวไว้แต่ต้น และเมื่อจีเอ็มเข้ามาลงทุนในไทยเช่นนี้ คู่แข่งสำคัญก็หนีไม่พ้นโตโยต้า
การให้ปูนใหญ่เข้ามาร่วมทุนด้วยจึงดูเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักในทางปฏิบัติ
ไม่ว่าจะเป็นทั้งมารยาทและยุทธศาสตร์ทางธุรกิจก็ตาม
ชุมพล ณ ลำเลียง แม่ทัพใหญ่ของปูนใหญ่ กล่าวถึงกรณีนี้อย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า
ในปัจจุบันก็เชื่อว่าจีเอ็มยังไม่เปลี่ยนนโยบายที่อยากจะเข้ามาลงทุนเอง 100%
ในแง่ของปูนใหญ่ฯ เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่แน่นอนว่า ถ้าเขาตั้งใจจะมาหาผู้ร่วมทุนกับเราเราก็ยินดีหารือร่วมด้วย
"การผูกสัมพันธ์กับจีเอ็มแม้จะยังไม่เกินขึ้นในช่วงนี้ แต่การร่วมทุนก็มีข้อจำกัดสำคัญที่ขวางกั้นอยู่
คือ กลุ่มปูนใหญ่ได้ร่วมทุนในเครือข่ายของโตโยต้าไว้มากมาย ซึ่งการร่วมทุนกับโตโยต้ามีอยู่ก่อนแล้วหลายปี
ซึ่งตรงนี้อาจทำให้มีปัญหาบ้าง ซึ่งหากร่วมทุนกับหลาย ๆ ค่ายก็ย่อมเกิดปัญหาเป็นเรื่องปกติ"
ชุมพล กล่าว
สำหรับ ประมนต์ สุธีวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโสของปูนใหญ่ กล่าวอย่างตรง
ๆ ว่า การเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายเป็นการพูดคุยเพื่อทำความรู้จักในเบื้องต้นมากกว่า
ส่วนผลสรุปจะลงเอยอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าจีเอ็มจะตัดสินใจร่วมทุนกับปูนใหญ่หรือไม่
และถ้าจะตัดสินใจร่วมทุนกันแล้ว ก็จำเป็นต้องดูที่สาระสำคัญว่าจะกระทบถึงพันธมิตรเดิม
คือ โตโยต้าหรือไม่
สายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับโตโยต้านอกจากอดีตที่ผ่านมาแล้ว ในอนาคตอันใกล้คือ
ภายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ปูนใหญ่ก็ยังมีโครงการร่วมทุนกับบริษัทในเครือโตโยต้าทำการผลิตชิ้นส่วนระบบเบรกป้อนให้กับโตโยต้า
โครงการผลิตชิ้นส่วนระบบพวงมาลัย และโครงการผลิตชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อน ซึ่งทั้ง
3 โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนหลายพันล้านบาท และเป็นโครงการที่โตโยต้าตั้งใจผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า
แผนงานตัวอย่าง 2-3 ชิ้นนี้เป็นทิศทางที่ทำให้จีเอ็มตัดสินใจได้อย่างยากลำบากไม่น้อยถ้าจะให้ปูนใหญ่เข้าร่วมทุนด้วย
แต่แปลกใจมากที่ว่า ถึงวันนี้แล้ว ปูนใหญ่ยังมองเรื่องนี้ไม่ทะลุปรุโปร่งอีกหรือ