|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สตาร์ ซานิทารีแวร์ ยังคงเป้าการเติบโตปีนี้ 20% ชี้ปัญหาการเมืองไม่กระทบการดำเนินงาน เพราะส่วนใหญ่ส่งออก และเน้นงานระดับบนเป็นหลัก จากก่อนหน้าเน้นตลาดกลางและบน เผยผลงานไตรมาส 2 ยังคงเติบโตได้ตามคาด
นายสมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ ซานิทารีแวร์ จำกัด(มหาชน) (STAR) เปิดเผยว่าแนวน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 จะออกมาดีต่อเนื่อง แม้ว่าโดยปกติของการดำเนินงานที่พบว่าครึ่งปีแรกจะไม่โดดเด่นเหมือนกับครึ่งปีหลังก็ตาม
แม้ว่าปัญหาการเมืองในประเทศที่คลุมเครือและยืดเยื้อมานาน จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของหลาย ๆ บริษัท แต่ในส่วนของ STAR ก็ได้รับผลกระทบแต่ไม่มาก เพราะตลาดสำคัญของบริษัทคือตลาดในต่างประเทศ
โดยฉพาะผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ที่มั่นใจว่าจะเติบโตเหมือนทุกปี หลังจากที่บริษัทหันไปเน้นการผลิตสินค้า HI-END มากขึ้นจากก่อนหน้าที่เน้นทั้งสินค้าระดับกลางและบนควบคู่กัน หลังจากนี้จะหันไปเน้นสินค้าที่ระดับบนและเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (VALLUE ADDED ) ซึ่งเป็นการปรับแผนการดำเนินงาน เพื่อรองรับภาวะที่ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มตลอดจนค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เพราะสินค้ามูลค่าเพิ่ม จะทำให้ส่วนต่างระหว่างรายได้และต้นทุนการดำเนินงานไม่ต่างกันมาก
นายสมชัยกล่าวว่าออร์เดอร์สินค้าตัวเก่าจะค่อย ๆ หมดไป ขณะที่ออร์เดอร์สินค้าใหม่ก็จะมีเข้ามาเรื่อย ๆ จนทดแทนของเดิม หลังจากนั้นสินค้ามูลค่าเพิ่มก็จะพัฒนาด้วยการออกสินค้าตัวใหม่เรื่อย ๆ ด้วย ซึ่งบริษัทปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดใส่เงิน 20 ล้านบาท ปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัย
สำหรับการปรับแผนการผลิตของ STAR เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 48 ด้วยการเน้นทำวิจัยและพัฒนาออกแบบสินค้าเพื่อให้เห็นผลในปีนี้ โดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัญหาการเมืองที่อึมครึมต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มดำเนินการได้ในกลางปีนี้ ซึ่งบริษัทเริ่มผลิตเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้
จากก่อนหน้าที่การขายสินค้าของบริษัทถูกล็อกด้วยราคา แต่หลังจากที่พัฒนาให้เป็นสินค้าที่เพิ่มมูลค่า ทำให้ราคาขายสินค้าปรับเปลี่ยนไปตามมูลค่าการผลิต ประกอบกับที่บริษัทเน้นการส่งออกเป็นหลัก ดังนั้นผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศจึงไม่ได้รับมากเหมือนกับบริษัทอื่น
นายสมชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ STAR มีแผนที่จะลุยงานสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ครบวงจร ด้วยการให้ผู้ผลิตสินค้าในหลาย ๆ อย่าง แล้วใช้แบรนด์ของบริษัท เพื่อขายให้กับลูกค้า เป็นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ขณะเดียวกันบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าทุกชนิด แต่เน้นการซื้อมาแล้วขายให้ตามออร์เดอร์ลูกค้าที่สั่งเข้ามา
“เราจะจ้างคนอื่นผลิตให้สำหรับสินค้าที่ไม่ใช่เซรามิก ขณะที่เซรามิกเราจะผลิต เพื่อที่เราจะควบคุมการผลิตได้และเป็นสินค้าเกรดดี และเป็นสิ่งที่ถนัด ส่วน นอนเซรามิก เราต้องอาศัยคนอื่นผลิตให้ จุดนี้เราจะซื้อมาขายไป แต่เราก็ต้องควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานของเรา เพื่อลดความเสี่ยงที่เราไม่ต้องขายเซรามิกอย่างเดียว ” นายสมชัยกล่าว
สำหรับแผนงานที่ปรับใหม่นั้น จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และ 4 ที่เหลือก็น่าจะเป็นไปได้ตามเป้า ดังนั้น ปีนี้ STAR จึงยังคงเป้าการเติบโตของบริษัทไว้ที่ระดับ 20% จากปีก่อน ประกอบกับตลาดในประเทศนั้น บริษัทได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้กับบริษัทด้วย
นอกจากนี้ STAR ยังมีแผนที่จะลดตัวเลขอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E RATIO) ของบริษัท จากปัจจุบันที่มีอยู่ 0.8 ต่อ 1 เท่า ให้ลดลงอยู่ในระดับ 0.5-0.6 ต่อ 1 เท่า เพราะไม่ต้องการให้ตัวเลขหนี้สินมีเกินจำเป็น คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าใน 2-3 ปีนี้
“ค่าเงินไม่ได้มีนัยต่อเรามาก เพราะเราต้องพัฒนาสินค้าของเราให้เพิ่มมูลค่าต่อไปเรื่อย ๆ ของเก่าก็จะหมดไป ลูกค้าเราจะสั่งของใหม่มา แต่ของเก่าก็จะหมดลง เป็นธรรมดาของการผลิตสินค้าและการซื้อขาย ” นายสมชัยกล่าว
โดยลูกค้าของ STAR เป็นลูกค้าเดิมที่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันและติดต่อซื้อขายกันมานาน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่ในญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งตลาดเหล่านี้ต้องการใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำมีมากขึ้น และแต่ละตลาดก็ต้องการสินค้าที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้บริษัทต้องพัฒนาและผลิตสินค้าใหม่ ๆ ตลอดเวลา
|
|
|
|
|