Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2539
เมื่อเจ้าถิ่นอย่างวังทองกรุ๊ป เจอศึกหนักย่านรังสิต             
 


   
www resources

วังทองกรุ๊ป

   
search resources

วังทองกรุ๊ป
โกมล เจษฎาวรางกูล
Real Estate




วังทองกรุ๊ปนับเป็นเจ้าถิ่นรายหนึ่งที่ปักหลักทำโครงการบ้านจัดสรรในย่านนี้นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2531 เป็นต้นมา ในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ระดับบีถึงบีบวก หรือทาวน์เฮาส์ที่มีตั้งแต่ระดับราคา 7-8 แสนบาทถึงล้านต้น ๆ คือ ราคาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ทำมานาน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาวังทองจะเปิดโครงการประมาณ 3-4 โครงการมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาทยอดขายประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี และปรากฏว่า สามารถทำยอดขายนี้มาได้เกือบตลอดเวลาเช่นกัน แต่ปีที่มีการแข่งขันกันขายอย่างหนักหน่วงเช่นปี 2539 นี้ วังทองได้ตั้งยอดขายเพิ่มขึ้นด้วยความมั่นใจว่า กำลังซื้อของคนย่านนี้ไม่ได้ลดลง แต่ปรากฏว่าผิดคาด ถึงปลายปีนี้ ยอดขายของกลุ่มคงไม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ แน่นอน

"เราเจอคู่แข่งมากขึ้น ลูกค้ามีสินค้าให้เลือกมากขึ้น แต่ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่องอย่างนี้ ยอดขายแค่นี้เราก็พอใจแล้ว" โกมล เจษฎาวรางกูร กรรมการผู้จัดการของกลุ่มวังทองให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการรายเดือน" แล้วยอมรับต่อว่า คู่แข่งที่สำคัญของวังทองขณะนี้ก็คือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน)

บริษัทแรกเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่รู้จักกันดี อีกบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน และยังเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการที่มาแรงพอสมควร

วันนี้ในย่านคลอง 2 รังสิต มีโครงการของ 2 บริษัทใหญ่ และวังทองชนกันอย่างจังไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเล รูปแบบ และราคา

โครงการบ้านจัดสรรของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ย่านคลอง 2 มีอยู่ 3 โครงการ คือ "สีวลี รังสิต" ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2533 ทั้งโครงการมีประมาณ 800 ยูนิต ราคาที่เปิดขายเป็นบ้านเดี่ยว 70 ตารางวาขึ้นไห 3.5 ล้านบาท โครงการที่ 2 "ชัยพฤกษ์รังสิต" ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2538 เป็นบ้านเดี่ยวประมาณ 50 ตารางวาหลังละ 2 ล้านบาทขึ้นไป"

หลังจากนั้นประมาณ 3-4 เดือน แลนด์แอนด์เฮ้าส์ก็เปิดโครงการใหม่ใกล้ ๆ กัน คือ โครงการบุศรินทร์ รังสิต เป็นทาวน์เฮาส์ขนาด 18 ตารางวา ราคา 1 ล้านบาท จำนวน 500 กว่ายูนิต

ส่วนแนเชอรัลพาร์คของทศพงศ์ จารุทวี ได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2539 คือ แนเชอรัลโฮม รังสิต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคลอง 2 เช่นกัน ถึงแม้โครงการของแนเชอรัลฯ จะเป็นโครงการแรกและโครงการเดียวที่มาเปิดในย่านนี้ แต่เป็นโครงการที่ใหญ่มีทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในราคา 2 ล้านบาทขึ้นไปในพื้นที่ 335 ไร่จำนวน 1,000 ยูนิตขึ้นไป แถมเน้นจุดขายในเรื่องของสปอร์ตคลับที่สมบูรณ์แบบที่สุดในย่านรังสิตเสียด้วย

ในขณะเดียวกัน โครงการของค่ายวังทองที่กำลังเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2539 และกำลังขายขณะนี้เช่นกัน ก็คือ "วรางกูร ดิ ไอเดียล ลีฟวิ่ง" เป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น และ 6 ชั้นเล่นระดับราคา 1 ล้าน 1.6 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวน 400 กว่ายูนิต และประมาณกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้นได้เปิดโครกงารใหม่บ้านวรางกูลคลอง 3 ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นราคาประมาณ 9.6 แสนบาทขึ้นไป

"ริเวอร์ ปาร์ค" เป็นอีกโครงการหนึ่งของวังทองที่กำลังขายในย่านรังสิตซึ่งมีทั้งทาวน์เฮาส์ และบ้านเด่ยวตามแผนทั้งโครงการจะมีประมาณ 1,000 ยูนิต

โกมลยังยมรับต่ออีกว่า วังทองสร้างชื่อเสียงกับตลาดของทาวน์เฮาส์มานาน ในขณะเดียวกันก็ละเลยตลาดบ้านเดี่ยวซึ่งเป็นช่องว่างทำให้แลนด์แอนด์เฮ้าส์และแนเชอรัลปาร์คฯ มาช่วงชิงลูกค้าในส่วนนี้ไป

และสภาพการแข่งขันที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้ในปี 2540 วังทองต้องกำหนดยุทธวิธีในการก้าวย่างบนถนนสายเรียลเอสเตทใหม่ โดยจะตั้งเป้าหมายของลูกค้าบ้านเดี่ยวระดับบีบวกมากขึ้นในระดับ 2.5-4 ล้านบาท และที่สำคัญจำเป็นต้องกระจายทำเลออกจากถิ่นเดิมบ้างเช่นกัน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในขนาดโครงการที่เล็กลงกว่าเดิม คือ ประมาณโครงการละไม่เกิน 200 ยูนิตใช้เวลาการขายและปิดโครงการประมาณ 1-2 ปี จากเดิมเคยพัฒนาแต่ละทำเลไม่ต่ำกว่า 500 ยูนิตใช้เวลาในการขายและปิดโครงการประมาณ 4 ปี ด้วยที่ดินที่เตรียมไว้แล้ว คือ บนถนนบางนาตราด สุวินทวงศ์ ถนนรามอินทรา และถนนพระราม 2

"ด้วยวิธีการนี้จะทำให้กระแสเงินสดเข้ามาเร็วขึ้น เมื่อก่อนวังทองจะไม่ทำโครงการเล็กเพราะกลัวจะไม่คุ้มแต่ ณ วันนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะต้องดึงเงินเข้ามาให้เร็วที่สุด" โกมลกล่าว และย้ำว่าทุกวันนี้ผู้ประกอบการต้องใช้เงินถึง 2 เท่าเพื่อดึงลูกค้าจำนวนเท่าเดิม

ส่วนแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น โกมลยังยืนยันว่าพร้อมเพียงแต่รอช่วงจังหวะที่ดีกว่านี้มาก ๆ เท่านั้น

ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us