Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 สิงหาคม 2549
KSL ลงขันตั้งบริษัทในกัมพูชา 2 แห่ง เพื่อปลูกอ้อยและสร้างโรงงานน้ำตาล             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)

   
search resources

Agriculture
น้ำตาลขอนแก่น, บมจ.
Koh Kong Plantation Company Limited
Koh Kong Sugar Industry Company Limited




KSL ลงขันตั้งบริษัทในกัมพูชา 2 แห่ง Koh Kong Plantation Company Limited และ Koh Kong Sugar Industry Company Limited ด้วยทุนจดทะเบียนแห่งละ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ KSL จะถือหุ้นบริษัทละ 50% เพื่อเพาะปลูกอ้อยและก่อสร้างโรงงานน้ำตาล โดยจะใช้เงินทุนหมุนเวียนและกู้ยืมเพื่อใช้ในการลงทุน เผยผลงานไตรมาส 3 ยังโตต่อเนื่อง

นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) แจ้งว่า ตามที่บริษัทได้เคยแจ้งว่ามีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศกัมพูชา เพื่อประกอบกิจการในโครงการเพาะปลูกอ้อยและจัดตั้งโรงงานน้ำตาลในประเทศกัมพูชา ตามรายละเอียดของข่าวเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2549 นั้น

โดย บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) กับผู้ร่วมทุนชาวต่างชาติ ได้เข้าร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลกัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2549 เพื่อเช่าพื้นที่สัมปทานในการเพาะปลูกอ้อย จำนวน 20,000 เฮกตาร์ อายุสัมปทาน 90 ปี และดำเนินการจัดตั้งโรงงานน้ำตาลที่ประเทศกัมพูชา โดยได้จัดตั้งบริษัทใหม่จำนวน 2 บริษัท ซึ่ง น้ำตาลขอนแก่นจะถือหุ้น 50% ของทุนจดทะเบียน และมีผู้ร่วมทุนชาวไต้หวัน ถือหุ้น 30% และผู้ร่วมทุนชาวกัมพูชา ถือหุ้น 20%

สำหรับบริษัทใหม่ 2 แห่งที่จัดตั้งคือ Koh Kong Plantation Company Limited (KPT) และ Koh Kong Sugar Industry Company Limited (KSI) ด้วยทุนจดทะเบียนดังนี้คือ KPT ทุนจดทะเบียน 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะดำเนินการเรียกทุนจำนวนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2552 ขณะที่ KSI ทุนจดทะเบียน 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะดำเนินการเรียกทุนจำนวนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.2552

ทั้งนี้ โครงสร้างการถือหุ้นนั้น น้ำตาลขอนแก่นจะถือหุ้นในบริษัททั้งสองแห่งที่กล่าวมาแล้วด้วยสัดส่วนร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนในบริษัทที่กล่าวมาแล้วด้วยสัดส่วนแห่งละ 2,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 200 ล้านบาท โดย Koh Kong Plantation Company Limited ก่อตั้งขึ้นเพื่อเพาะปลูกอ้อยที่ประเทศกัมพูชา และ Koh Kong Sugar Industry Company Limited ตั้งขึ้นเพื่อเพาะปลูกอ้อยและก่อตั้งโรงงานน้ำตาลที่ประเทศกัมพูชา

โดยเงินที่น้ำตาลขอนแก่นจะใช้ร่วมลงทุนครั้งนี้ จะใช้จากเงินทุนหมุนเวียนภายในของบริษัทและเงินกู้ยืม และรายการลงทุนข้างต้นมีขนาดของรายการต่ำกว่า 15% ของเกณฑ์การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สำหรับการขยายการลงทุนสู่กัมพูชาครั้งนี้ เพราะบริษัทฯ มีแผนที่จะส่งน้ำตาลไปจำหน่ายในยุโรป โดยผ่านประเทศกัมพูชาเนื่องจากยุโรปจะให้โควต้ากับประเทศดังกล่าวค่อนข้างมาก ซึ่งในอดีตกัมพูชาเคยเป็นประเทศที่อยู่ในอาณานิคมของยุโรปดังนั้นก็มีการให้โควต้าส่งน้ำตาลไปขายได้ซึ่งเราก็จะใช้ช่องทางจากประเทศกัมพูชาในการขยายตลาดน้ำตาลเข้าสู่ยุโรป และปีนี้น้ำตาลขอนแก่นไม่มีแผนลงทุนใหม่ๆ เพิ่ม เพราะต้องการให้โครงการในลาวและกัมพูชาแล้วเสร็จและประสบผลสำเร็จจากการลงทุนก่อน จึงจะมีแผนการลงทุนเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม น้ำตาลขอนแก่นยังคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ มีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเพิ่มราคาขายเอทานอล

ขณะที่ราคาหุ้น KSL หรือ น้ำตาลขอนแก่น วานนี้พบว่า เปิดตลาดที่ราคา 10.60 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 10 สตางค์ และปิดตลาดช่วงเช้าที่ราคาดังกล่าว ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3.08 ล้านบาท ขณะที่ช่วงบ่ายราคาหุ้นสวิงพอสมควรและปิดตลาดที่ราคา 10.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.37 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us