Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2539
ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประกาศิตหลงจู๊ในทศวรรษหน้าแกรมมี่             
 


   
www resources

โฮมเพจ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

   
search resources

จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, บมจ.
ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
Entertainment and Leisure




ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 รายแรก ชื่อของ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ติดอันดับแรก ถือหุ้นถึง 57.22% และดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (GRAMMY) อย่างต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี 2526 ที่แกรมมี่ก่อตั้งมา ขณะที่เต๋อหรือ เรวัติ พุทธินันทน์ ที่รักษาตัวอยู่อเมริกาเป็นประธานกรรมการ

หลังจากแกรมมี่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นักการตลาดอย่างไพบูลย์ ขยายงานตั้งแต่ลูกหลานทำธุรกิจที่แตกตัวออกไปไกลกว่าธุรกิจบันเทิงและสันทนาการกลายเป็น 5 ธุรกิจใหญ่ ๆ หนึ่ง-ด้านมีเดีย ตั้งแต่วิทยุ 12 สถานี โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี ไอบีซีที่เตรียมขยายทำ SATTLELITE TV ซึ่งได้รับอนุมัติตั้งแต่สมัยแสงชัย สุนทรวัฒน์ โครงการนี้ไพบูลย์ฝันไปไกลถึงต่างประเทศ

อำนาจทางธุรกิจที่แท้จริงที่ไพบูลย์ตระหนักดี คือ "เครือข่าย" ยิ่งมีเครือข่ายมาก ยิ่งทรงพลังทางธุรกิจ ดังนั้น การที่แกรมมี่มีพันธมิตรธุรกิจอย่างช่อง 7 สี และไอบีซีเป็นหุ้นส่วนนั้น ไพบูลย์ถือว่าเป็น "หุ้นส่วนที่สมบูรณ์ที่สุด" แบบเก้าอี้สามขาที่ยากจะล้ม

"เวลามีโครงการอะไรหรือใครไปเจอะเจออะไรก็จะมาชวนหุ้นส่วนอีกสองคนไปร่วมด้วย เราถือเป็น FIRST PRIORITY ที่ต้องถามหุ้นส่วนกันก่อนเสมอ ส่วนการตัดสินใจแล้วแต่ว่าเขาหรือเราจะไปร่วมหรือไม่ ไม่มีการห้ามกัน" สายสัมพันธ์อันแนบแน่นทางธุรกิจที่ไพบูลย์เล่าให้ฟังนี้จึงสะท้อนการผนึกผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแยบยล

สอง - ธุรกิจดนตรีและภาพยนตร์ ผลิตเพลงและขายในนามบริษัทจัดจำหน่าย "เอ็มจีเอ" ส่วนของละคร คอนเสิร์ต หนังโฆษณาและหนังที่กำลังสร้าง คือ จักรยานสีแดง ซึ่งผลิตในนามบริษัทลูก "แกรมมี่ภาพยนตร์" ที่เพิ่งเกิดกลางปีที่แล้ว มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท

สาม - ธุรกิจช่องทางจัดจำหน่าย DISTRIBUTION BUSINESS ที่ไพบูลย์ทอฝันว่า แกรมมี่จะเป็นยักษ์ใหญ่ด้านจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ธุรกิจบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งรูปแบบค้าส่งและค้าปลีก ลักษณะเป็นเมกกะสโตร์ขายและให้เช่าวิดีโอและเทปเพลง โดยขณะนี้แกรมมี่มีบริษัทจัดจำหน่ายที่เป็นบริษัทลูก ๆ เช่น บริษัทเอ็มจีเอ และบริษัทแกรมมี่ เอ็ดดูเคชั่น บริษัทแกรมมี่เน็ตเวิร์ค

"ผมกะการลงทุนไว้อย่างบริษัทต้นอ้อ - แกรมมี่ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งกะว่าพอมีพอใช้ หรืออย่างร้านศึกษาภัณฑ์ก็ 100 ล้าน เราตั้งหลักไว้ว่า 100 กู้ 100 อย่างบริษัทแกรมมี่เน็ตเวิร์คก็ใช้หลัก 100 กู้ 100 แต่ละอันเราลงทุน 100 หมด เราคิดง่าย ๆ ขีดความสามารถในการหาทุนขณะนี้ไม่ค่อยมีปัญหา" แหล่งระดมทุนที่ไพบูลย์ตุนไว้ใช้อย่างระวังก็คือ ตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นของแกรมมี่ยังมีราคาที่สร้างมูลค่าได้อีกมาก

ธุรกิจที่สี่ของแกรมมี่ - ธุรกิจด้านการการศึกษาที่ไพบูลย์กำลังทำร้านศึกษาภัณฑ์ให้เป็นเซเว่น-อีเลฟเว่นประเภทธุรกิจบันเทิงในครอบครัว โดยใช้บริษัทต้นอ้อ-แกรมมี่เป็นผู้ผลิตเครื่องเขียน ตำราแบบเรียน และโสตทัศนูปกรณ์ในห้องแล็บ และให้บริษัทแกรมมี่ เอ็ดดูเคชั่นเป็นบริษัททำการจัดจำหน่ายตำรา วิดีโอเทป หนังสือ ยางลบดินสอ ชุดนักเรียน ลูกเสือ อนุกาชาด โดยแกรมมี่ลงทุนทั้งหมด ศึกษาภัณฑ์เอาไป 10% ของกำไรที่หักค่าใช้จ่ายการต่อรองนี้หลงจู๊ไพบูลย์ผู้มากประสบการณ์ตั้งแต่อยู่พรีเมียร์ที่ทำสัญญากับองค์การอาหารสำเร็จรูป (อ.ส.ร.) ย่อมบินเหนือเมฆอยู่แล้ว

เพราะธุรกิจนี้ แกรมมี่สามารถผูกขาดสัมปทานร้านศึกษาภัณฑ์เจาะตลาดค้าปลีกที่ใหญ่มาก ที่สามารถส่งผ่านรายการทีวี ซีดีรอม วิดีโอเทป ในลักษณะ EDUTAINMENT ครบวงจร ตรงนี้เป็นตลาดใหญ่มากที่นักการตลาดอย่างไพบูลย์ย่อมไม่พลาดโอกาส

"ผมไม่อยากตั้งความหวังไว้สูงเกินไป ผมคิดว่า 5 ปี ผมจะมีสักประมาณ 500 ร้านค้า ตอนนี้เราเซ็นสัญญากับคุรุสภาเรียบร้อยแล้ว มีคนสมัครมาเป็นแฟรนไชส์ซี่ไม่ต่ำกว่า 1,000 รายแล้ว ซึ่งผมก็บอกเขาไปว่า ขอเราพัฒนาระบบของเราให้แข็งแรงก่อน เราถึงจะขายแฟรนไชส์" กว่าจะพร้อม ไพบูลย์ต้องเลือกซื้อโนว์ฮาวการบริหารตลาดก่อนจะรุกชิงพื้นที่

ความเข็ดหลาบของไพบูลย์ในกรณีที่แกรมมี่ดึงผู้ถือหุ้นสองราย คือ บริษัท ซี.ซี. แห่งญี่ปุ่นและกลุ่มเพรสิเดนท์พาร์ค ร่วมกันทำร้านค้าปลีก โดยแกรมมี่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้สำหรับค่าชื่อและให้ร่วมถือหุ้น "เราต้องแบกเขาเดินตลอด ถ้าหากวันหนึ่งเขาเล่นบทหมาป่ากับลูกแกะ เขาไม่ให้เรา เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะใช้ชื่อเขา ผมก็ไม่มีแรงต่อสู้เพราะแก่แล้ว ดังนั้นผมเลยเปลี่ยนมาซื้อโนว์ฮาวดีกว่า เท่าไหร่ว่ามา ผมจ่ายเลย ถ้าเขาพัฒนาซอฟต์แวร์อีก ผมก็ยินดีซื้อ" นี้คือนโยบายใหม่ของแกรมมี่ที่ยอมลงทุนเพื่ออนาคตทั้ง ๆ ที่ไพบูลย์นั้นเป็นจอมอนุรักษนิยมมาก ๆ

สุดท้ายธุรกิจที่ห้า คือ นำธุรกิจของแกรมมี่ออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว เพลงของแกรมมี่ที่บริษัทโพลีแกรมเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์แปลงเป็นเพลงจีนประสบความสำเร็จ แต่…งานนี้แกรมมี่ในทศวรรษนี้จึงแตกไลน์ออกไปมากเพราะความฝันเฟื่องของผู้ชายคนนี้ จนยากที่กำหนดได้ว่า ความชำนาญเฉพาะด้านของแกรมม ี่บนถนนสายบันเทิงนี้ได้แปรรูปไปสู่เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ขายทุกอย่างที่ขวางหน้าหรือไม่ ?

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us