ค้าสากลซิเมนต์ไทยจับมือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ นำร่อง โครงการนำถ่านหินผสมน้ำและแอดดิทีฟ (CWM) ทดแทนการใช้น้ำมันเตา ช่วยลดต้นทุนการผลิต 30% เตรียมควัก 50 ล้านผุดโรงงานต้นแบบเพื่อป้อนให้โรงงานเครือฯ ก่อนจะขยายทำตลาดเชิงพาณิชย์ในอนาคต

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการวิจัยเพื่อพัฒนา สาธิต และส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิง CWM ระหว่างกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กับบริษัทค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด (SCT) ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องเพื่อใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ช่วยลดการใช้น้ำมันเตาลง ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันเตาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากตามราคาน้ำมันดิบ โดยเครือซิเมนต์ไทยยังมีการใช้น้ำมันเตาอยู่บ้างในหม้อผลิตไอน้ำ (BOILER) ภายในโรงงานกระดาษและซีเมนต์อยู่ หากโครงการนี้สำเร็จจะช่วยลดต้นทุนการใช้พลังงานลง 30%

ทั้งนี้ ทางบริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จะลงทุนสร้างโรงงานต้นแบบ (ไพลอต แพลนต์) สำหรับผลิต CWM ซึ่งเป็นการนำถ่านหินคุณภาพดีมาบดผสมกับน้ำและสารแอดดิทีฟ เพื่อให้เป็นเชื้อเพลิงเหลวที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงน้ำมันเตา คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 2 หมื่นลิตรต่อปี หลังจากนั้นจะป้อนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้โรงงานผลิตกล่องในเครือฯ และบริษัทอื่นๆ ใกล้เคียง หากประสบความสำเร็จก็จะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมเพื่อดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ต่อไป

บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายของเครือฯ โดยมีการนำเข้าพลังงานมาใช้อุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันได้นำเข้าถ่านหินปีละ 1 ล้านตันมาจำหน่าย ซึ่งโครงการนี้จะสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ต้องการเพิ่มมูลค่าสินค้า และยังช่วยลดการใช้น้ำมันเตาลง ทำให้ประเทศชาติประหยัดการใช้พลังงานด้วย

นางสิริพร ไศละสูต อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า CWM สามารถนำมาทดแทนการใช้น้ำมันเตา ได้ 100% และนับเป็นพลังงานทดแทนตัวหนึ่ง ที่ผ่านมามีหลายประเทศนำไปใช้ โดยเฉพาะจีนมีการใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งการร่วมมือกับเครือซิเมนต์ไทยครั้งนี้คาดว่าจะทำให้บริษัทประหยัดการใช้พลังงานได้ถึง 50% หากประสบความสำเร็จก็จะสนับสนุนให้โรงงานอุตสาหกรรมที่มี BOILER กว่า 4 พันแห่ง หันมาใช้ CWM แทนน้ำมันเตาที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและราคาแพง ขณะเดียวกันทาง พพ.จะเจรจากับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพิ่มมากขึ้นสำหรับภาคเอกชนที่สนใจ

ปัจจุบันไทยมีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 0.5% เพิ่มเป็น 3% ดังนั้นเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าในปี 2554 ตัวเลขการใช้พลังงานทดแทนจะสูงถึง 8% ก็คงเป็นไปตามเป้าหมายได้

นายกานต์กล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์อีก 0.25% ว่า จะไม่มีผลกระทบต่อภาระหนี้ของเครือซิเมนต์ไทย เนื่องจากปัจจุบันหนี้ส่วนใหญ่ 80% มาจากการออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น และเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 3 นี้เป็นอัตราที่สูงที่สุดและนับจากนี้ไปน่าจะคงที่ เนื่องจากมีแนวโน้มว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่อีก 5 พันล้านบาท มารีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งหุ้นกู้ใหม่จะมีอายุ 4 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเท่าไรจะมีการกำหนดอีกครั้งในปลาย ส.ค.หรือ ก.ย.ศกนี้ และยังไม่สามารถระบุได้ว่าหุ้นกู้ล็อตใหม่จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้ที่ออกเมื่อต้นปีนี้ที่อัตรา 6% หรือไม่ แต่เชื่อว่าจะเป็นอัตราที่นักลงทุนพอใจ

ส่วนปี 2550 เครือซิเมนต์ไทยมีแผนจะออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์ หุ้นกู้เดิมจำนวน 1.6-2 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีอัตราหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อม และภาษี (EBITDA) ณ ไตรมาส 2/2549 อยู่ที่ 1.8 เท่า โดยเครือฯ มีนโยบายที่จะรักษาระดับไม่ให้สูงเกิน 2.5 เท่า