โตชิบา ขนสินค้ารุกตลาดไฮเอนด์ครึ่งปีหลัง เหตุไลฟ์สไตล์คนไทยเปลี่ยนมานิยมสินค้าดูดีมีราคามากขึ้น เชื่อกำลังซื้อยังดีอยู่ ล่าสุดดึงตู้เย็นมัลติดอร์ 6 ประตู ลงศึกตีตลาดตู้เย็นไซด์บายไซด์ หวังกวาดเงินกลุ่มกระเป๋าหนักไม่ต่ำกว่า 400 เครื่องในปีนี้ พร้อมปล่อยหมัดเด็ดครึ่งปีหลัง เตรียมส่งแอลซีดีระดับเอ็กซ์ครูซีฟไฮเอนด์ดันยอด มั่นใจปีนี้โกยรายได้กว่า 4,400 ล้านบาท โตขึ้น 10-15 %
นายฮิเดโนริ มัสสุอิ ประธานบริษัท โตชิบาไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคกำลังหันมานิยมสินค้าที่ดูดีและมีไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมที่กำลังขยายมาสู่กลุ่มที่เป็นคนรุ่นใหม่สูงมาก มีสนใจสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ และมีกำลังซื้อที่สูง อีกทั้งไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวแต่อย่างใด ดังนั้นปีนี้บริษัทฯ จะเน้นออกสินค้าในกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครบทุกความต้องการในทุกระดับนั้นเอง
ล่าสุดบริษัทฯ ได้นำเข้าตู้เย็นระดับไฮเอนด์ แบบมัลติดอร์ ขนาด 6 ประตู หรือขนาด 500 ลิตร จากประเทศญี่ปุ่น ราคาจำหน่าย 89,900 บาทต่อเครื่อง สำหรับเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ที่เกิดจากกลุ่มที่ต้องการตู้เย็นตู้ที่สอง หรือผู้กำลังจะซื้อบ้านใหม่ และเป็นกลุ่มที่ดูแลสุขภาพเป็นหลัก รวมไปถึงกลุ่มที่ชื่นชอบนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
"ตู้เย็นมัลติดอร์ขนาด 6 ประตูนี้ เมื่อเทียบกับตู้เย็นขนาดไซด์บายไซด์ที่มีขนาดเดียวกัน ถือได้ว่ามีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของกำลังไฟที่ใช้เพียง 200 วัตต์ หรือแม้แต่ขนาดความกว้างของพื้นที่วางของในตู้เย็นก็มีมากกว่า และไม่เป็นอุปสรรคในการวางภาชนะที่มีขนาดใหญ่ๆได้ ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าประมาณ 3 เท่าก็ตาม"
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท สำหรับการทำการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ตู้เย็นดังกล่าว ทั้งในลักษณะของบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ มั่นใจว่าสิ้นปีจะมียอดขายกว่า 400 เครื่อง จากตลาดตู้เย็นกลุ่มมัลติดอร์ขนาด 6 ประตู ที่คาดว่าจะจำหน่ายได้กว่า 2,000 เครื่องในปีนี้ ที่มีผู้เล่นอยู่ 3 ราย คือ โตชิบา พานาโซนิค และมิซูบิชิ
ปัจจุบันอัตราการครอบครองตู้เย็นในประเทศไทยมีกว่า 85% ของจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ ขณะที่ตลาดตู้เย็นโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นตู้เย็นขนาด 1 ประตู 72% และตู้เย็นขนาด 2 ประตูขึ้นไป 28% โดยบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดรวมตู้เย็นครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20% ในขณะที่ตู้เย็นตั้งแต่ 16 คิวขึ้นไป คาดว่าจะเติบโตขึ้น 14% หรือจำหน่ายได้กว่า 44,800 เครื่อง
อย่างไรก็ตามนอกจากจะมีการนำเข้าตู้เย็นระดับพรีเมี่ยมแล้ว ครึ่งปีหลังจากนี้บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ในกลุ่มสินค้าอื่นๆ อีก เช่น แอลซีดีทีวี แอลซีดีโปรเจกเตอร์ โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์ 3 จี อีกด้วย โดยหลังจากที่บริษัทฯ หันมาให้ความสำคัญในกลุ่มสินค้าระดับไฮเอนด์แล้ว จะทำให้สัดส่วนการจำหน่ายสินค้าระดับไฮเอนด์ 30% และระดับแมสเป็น 70 %
ในขณะที่ผลประกอบการปีนี้ ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2549 - มี.ค. 2550 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 10-15% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาท มาจากกลุ่มสินค้าเอชเอ 62% กลุ่มสินค้าไอที 27% และกลุ่มสินค้าเอวีอีก 11%
|