Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2539
อนุญาโตฯ ประกัน…ใกล้คลอด             
 


   
search resources

พิพรรธน์ อินทรศัพท์
Insurance




เปิดตัวกันแล้วสำหรับอธิบดีกรมการประกันภัยคนใหม่ พิพรรธน์ อินทรศัพท์ พร้อมด้วยนโยบายชิ้นแรกเน้นแก้ภาพพจน์ธุรกิจประกันภัย และเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทน 'โดยขอเวลาไม่เกิน 3 เดือน แนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะออกมาอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม'

แต่น่าแปลกใจที่ไม่มีการกล่าวถึงการตั้งอนุญาตโตตุลาการเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. กรมการประกันภัยได้เชิญข้าราชการกรมการประกันภัย จากสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัย รวมทั้งตัวแทนจากสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยกว่า 200 ชีวิต เข้าร่วมฟังสัมมนา 'แนวทางการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการของกรมการประกันภัย' ครั้งที่ 2

โดยการสัมมนาครั้งนั้น นับว่าเป็นการก้าวไปอีกขั้นตอนหนึ่งของการจัดตั้งอนุญาโตตุลาการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางกรมฯ ได้จัดสัมมนาไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อต้นเดือน ก.ค. ในครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมประมาณ 130 คน เป็นข้าราชการของกรมการประกันภัยผู้ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในกระบวนการนี้

ครั้งที่ 1 เป็นการบรรยายให้ความรู้ในเรื่องแนวปฏิบัติการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาตโตตุลาการระบบสากล บรรยายโดยวิชัย อริยะนันทกะ รองเลขาธิการส่งเสริมงานตุลาการ กระทรวงยุติธรรม ผู้ซึ่งร่วมปลุกปั้นร่างข้อบังคับอนุญาโตตุลาการของกรมการประกันภัยมาตั้งแต่ต้น อีกส่วนหนึ่งเป็น การบรรยายแนวทางการปฏิบัติของสมาคมประกันวินาศภัย โดยอานนท์ วังวสุ จากสมาคมประกันวินาศภัย เพื่อให้เห็นตัวอย่างที่เคยทำมาแล้วว่า ประสบความสำเร็จเพียงใด

ส่วนในครั้งที่ 2 นี้เป็นการระดมความคิดเห็นจากหลาย ๆ ฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อบังคับออกมาใช้ได้อย่างดี น่าเสียดายอยู่ประการหนึ่ง คือ การพิจารณาร่างข้อบังคับครั้งนี้ได้ส่งให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาพิจารณาในช่วงก่อนเข้าร่วมสัมมนาเพียงเล็กน้อย แม้กระนั้นก็ตามยังมีหลายจุดในร่างข้อบังคับที่ถูกท้วงติงจากผู้เข้าร่วมสัมมนา

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่มีอำนาจในการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ มีข้อท้วงติงจากหัวหน้าสำนักงานประกันภัยจังหวัดชุมพรว่า ในร่างข้อบังคับนั้น ตัวแทนทั้งหมด 9 คนมีตัวแทนจากภาครัฐเพียง 3 คน คือ ตัวแทนจากกรมการประกันภัย 2 คน และนายทะเบียน 1 คน

ส่วนที่เหลือเป็นตัวแทนจากสมาคมประกันวินาศภัย 2 คน ตัวแทนจากสมาคมประกันชีวิตไทย 2 คน และตัวแทนจากสมาคมนายหน้าประกันภัยอีก 2 คน ซึ่งในส่วนนี้จะเห็นว่าเป็นตัวแทนจากภาคเอกชนถึง 6 คน เพราะแม้ตัวแทนนายหน้า จะเสมือนหนึ่งเป็นคนกลางระหว่าง ผู้เอาประกันกับบริษัท แต่ที่ผ่านมาในอดีตจะพบว่า นายหน้าจะมีความสัมพันธ์กับบริษัทมากกว่า เนื่องจากต้องส่งงานให้กับบริษัทเป็นประจำ

ทั้งนี้ ข้อเสนอเพื่อให้กองนิติการนำไปพิจารณา คือ การเพิ่มในส่วนคนนอกที่จะเข้าไป เพื่อให้ภาพของคณะกรรมการเป็นกลางมากขึ้น โดยอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคหรือสำนักงานอัยการ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผู้เสนอว่า อาจจะเป็นแพทย์หรือนักกฎหมาย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านรถยนต์ในกรณีอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถและผู้เชี่ยวชาญด้านอัคคีภัยกรณีเพลิงไหม้ ระบุเพิ่มเติมในส่วนคณะกรรมการด้วย

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การเสนอเรื่องเพื่อให้อนุญาโตตุลาการพิจารณานั้น ความเห็นผู้เข้าสัมมนาจากสำนักงานประกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เสนอให้เป็นสิทธิของผู้เอาประกันเท่านั้น ในการเลือกเสนอเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการหรือฟ้องศาล

เพราะมิฉะนั้น อาจจะเป็นลู่ทางให้บริษัทประกันใช้สิทธิในการยื่นเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการแทนการประนอมความตั้งแต่ต้น

"ที่ผ่านมา เมื่อเกิดความเสียหายลูกค้าก็จะไปเรียกร้องจากบริษัท ซึ่งขึ้นกับวินิจฉัยของบริษัทว่าจะจ่ายหรือไม่จ่าย บริษัทได้เปรียบอยู่แล้วถ้าไม่จ่าย และเมื่ออนุญาโตตุลาการเกิดขึ้น ก็จะเป็นสิ่งที่ง่ายยิ่งขึ้นต่อบริษัทในการปฏิเสธแล้วเสนอเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการที่คอยชี้ขาดอยู่แล้ว กระบวนการนี้จึงอาจจะเป็นเครื่องมือของบริษัทในการไม่จ่ายเงินประกันในชั้นแรกก็ได้" ผู้เสนอแนวคิด กล่าว

โดยเขาได้กล่าวเสริมว่า "ถ้าไม่เขียนเรื่องการนำเสนออย่างชัดเจนว่าเป็นสิทธิของผู้เอาประกันเท่านั้น จะทำให้บริษัทหาเหตุไม่ให้ความสำคัญกับการประนอมความได้ ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทมักอ้างว่ามีหลักฐานแต่นำมาแสดงไม่ได้เพราะไปขโมยเขามา หรือกรณีรถชน บริษัทอ้างว่ามีพยานแต่ไม่กล้านำมาแสดงเพราะกลัวจะถูกคุกคามขอไปแสดงในชั้นศาลเท่านั้น ถ้าบริษัทอ้างเช่นนี้แล้วขอให้ไปชี้แจงกับอนุญา โตตุลาการแทนเกรงว่ากระบวนการอนุญาโตตุลาการอาจจะกลายเป็นเครื่องมือของบริษัทประกันได้"

ส่วนประเด็นที่พูดกันมาก คือ เรื่องค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในชั้นอนุญาโตตุลาการ

ซึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาจาก สนง.ประกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานีรายเดิมได้เสนอความเห็นว่า "ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายเหมือนกับกระบวนการของศาล น่าจะมาจากเงินงบประมาณหรือเงินค่าสินไหมจากบริษัท ซึ่งบริษัทจะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่ในงบของบริษัทอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้บริษัทจึงควรเป็นผู้จ่าย" โดยผู้เสนอแนวคิดได้ให้เหตุผลว่า "ค่าใช้จ่ายในระบบอื่นนั้น ผู้ร้องเรียนต่างฝ่ายต่างเสียผลประโยชน์ แต่ในกรณีผู้เอาประกันนั้นเป็นผู้เสียหาย เขาไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์ เขาเรียกร้องการบรรเทา อย่าว่าแต่เงินที่เอามาให้อนุญาโตตุลาการเลย เงินที่จะกินในแต่ละวันยังไม่มี"

ในเรื่องค่าใช้จ่ายนี้ ผู้มีประสบการณ์ในชั้นอนุญาโตตุลาการของสมาคมประกันวินาศภัยอย่างอานนท์ วังวสุ ได้ให้ข้อมูลของสมาคมไว้ว่า "ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บนั้นบอกได้ว่าเก็บอย่างไรก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายจริง ที่เรียกเก็บมายังไม่ถึง 10% ของงบที่ใช้" เพราะ 98% ของเรื่องที่เข้ามาในอนุญาโตตุลาการของสมาคมประกันวินาศภัยเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ที่มีทุนทรัพย์ไม่สูง และกว่า 85% ทั้งหมด และที่ผ่านมา สมาคมใช้งบปีละ 2.5 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากกองนิติการก็รับว่าจะได้นำข้อเสนอไปร่วมพิจารณาด้วย

แม้จะมีข้อท้วงติงในร่างข้อบังคับอยู่หลายเรื่อง แต่ก็ถือว่าขั้นตอนการตั้งอนุญาโตตุลาการของกรมการประกันภัยดำเนินไปในทิศทางที่ถูกและใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว และคาดว่าในต้นปี '40 ผู้เอาประกันจะได้มีที่พึ่งเพิ่มขึ้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ต้องไปเสียเวลาในชั้นศาลให้ยุ่งยากเหมือนที่เป็นอยู่อย่างในปัจจุบัน

นับว่าเป็นเจตนารมณ์ที่ดีของทั้งกรมการประกันภัย ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงในการรับใช้ประชาชน และบริษัทประกันภัยโดยผ่านทางสมาคมทั้งสองที่ต้องการให้เกิดขั้นตอน ของการประนอมความขึ้นก่อนที่ต้องลงเอยกันที่ชั้นศาล เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทประกันค่อนข้างจะกริ่งเกรงต่อข้อหาประวิงเวลาที่เจ้าพนักงานจะใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาคดี เนื่องจากข้อหาดักงล่าวมีบทลงโทษค่อนข้างรุนแรงถึงขั้นอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้

น่าดีใจที่การสัมมนาในครั้งที่ 2 นี้ คณะทำงานของกองนิติการก็ได้กล่าวว่า จะนำความคิดเห็นต่าง ๆ ที่มีผู้เสนอมาร่วมพิจารณาเพื่อปรับปรุงร่างข้อบังคับก่อนที่จะออกมาบังคับจริง และคงต้องพึ่งอธิบดีกรมการประกันภัยคนใหม่ด้วยว่า จะช่วยผลักดันกระบวนการอนุญาโตตุลาการนี้ให้เป็นผลสำเร็จช้าเร็วเพียงใด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us