Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2539
พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ฯ ตัวเล็กจะเร่งโต             
 


   
www resources

โฮมเพจ พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต

   
search resources

พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต, บมจ.
คริสโตเฟอร์ เดวิด มวนด์ เอฟเวินส์
Insurance




"เราจะตามสิงคโปร์ทันในอีก 1-2 ปีข้างหน้า"

นั่นเป็นคำกล่าวของคริสโตเฟอร์ เดวิด มวนด์ เอฟเวินส์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TSLIFE หลังจกาในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เขาได้นำผู้บริหารตัวแทนขายและนักขาย 10 รายที่ทำยอดขายได้ตามเป้าจากทั่วประเทศ ไปเยี่ยมชมกิจการ และความสำเร็จของบริษัทในเครือพรูเด็นเชียลที่สิงคโปร์

และเขาหวังว่าในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า จะเป็นฝ่ายต้อนรับทีมงานจากสิงคโปร์เพื่อมาดูความสำเร็จในประเทศไทยบ้าง

แบบอย่างของกลุ่มพรูเด็นเชียลในตลาดสิงคโปร์นับว่าจับตามองทีเดียวจากกิจการที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจประกันภัยเมือ่ปี 2474 โดยเป็นเพียงสาขาของพรูเด็นเชียลอังกฤษ กระทั่งปี 2533 จึงได้จดทะเบียนตั้งเป็นบริษัทในสิงคโปร์ จนมาถึงปัจจุบันพรูเด็นเชียลสิงคโปร์ (PACS) ดูจะโดดเด่นที่สุด

ด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้นจาก 127.8 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 1,917 ล้านบาทในปี '33 เป็น 471.9 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 8,494.2 ล้านบาท ในปี '38 หรือเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยปีละ 53.84% โดยมีกำไรก่อนหักภาษีในปี '33 เท่ากับ 5.2 ล้านเหรียญสิงคโปร์หรือ 78 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 28.8 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 518.4 ล้านบาท ในปี '38 หรือเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยปีละ 90.77%

นับว่าเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างดีทีเดียว ในภาวะการแข่งขันของธุรกิจประกันภัยในสิงคโปร์ที่มีบริษัททำกิจการอย่างจริงจังอยู่ถึง 12 บัตร และหากพิจารณาตลาดประกันชีวิตในสิงคโปร์พบว่า อัตราการเติบโตของธุรกิจในปี '39 นี้อยู่ระหว่าง 10-15% และจะเพิ่มเป็น 20% สำหรับปี '40

อย่างไรก็ตาม มร.ตัน ซูจี ประธานกรรมการบริหาร พรูเด็นเชียล สิงคโปร์ ก็ยังมั่นใจว่า สิ้นปี '39 นี้ บริษัทจะมีเบี้ยประกันรับประมาณ 10,600 ล้านบาท ด้วยนโยบายที่เขาวางไว้ คือ 'การทำให้ลูกค้ามีความประทับใจมากที่สุด' โดยเน้นการพัฒนาบุคลากรเป็นหลัก ทั้งในส่วนตัวแทนขาย พนักงาน รวมทั้งผู้บริหาร "เพื่อคงความเป็นผู้นำตลาดในเรื่องสินค้าอยู่เสมอ และการบริการที่จะเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขวัญ" มร.ตัน กล่าวอย่างมั่นใจ

จากสถิติกลางปี '39 พรูเด็นเชียลสิงคโปร์ครองส่วนแบ่งการตลาด 13.4% เป็นอันดับ 3 ในตลาดเบี้ยประกันรายปี (Regular Premium) โดยใช้เบี้ยรับประกันปีแรกเป็นเกณฑ์ รองจาก เอ.ไอ.เอ. ที่มีส่วนแบ่ง 36% และเกรท อิสเทิร์น ไลฟ์ บริษัทในเครือโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงก์กิ้ง บริษัทประกันแห่งแรกของสิงคโปร์ ซึ่งครองส่วนแบ่ง 31.1%

และเมื่อพิจารณาในส่วนตลาดเบี้ยประกันชำระครั้งเดียว (Single Premium) พรูเด็นเชียลสิงคโปร์อยู่เป็นอันดับ 2 ครองส่วนแบ่งตลาด 22.9% รองจาก เกรท อิสเทิร์น ไลฟ์ ที่เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 28.9% ส่วน เอ.ไอ.เอ. ในตลาดนี้เป็นอันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 12% รองจากอันดับ 3 เอ็นทียูซีอินคัม ที่มีส่วนแบ่งตลาด 13.6%

ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนที่ทำให้พรูเด็นเชียลสิงคโปร์ ตีตื้นยักษ์ใหญ่ในวงการขึ้นมาได ้เป็นเพราะในปี '35 บริษัทได้ออกสินค้าตัวใหม่ที่ชื่อ Investment Link เป็นกรมธรรม์ประกันภัยชนิดพ่วงการลงทุนเข้าไปด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวสิงคโปร์ค่อนข้างดี

เพราะนอกจากจะคุ้มคอรงชีวิตและทรัพย์สินแล้วแต่ลูกค้าจะเลือกแล้ว กรมธรรมดังกล่าวนี้ยังมีความยืดหยุ่นในเงื่อนไขของสัญญาค่อนข้างสูง เนื่องจากลูกค้าสามารถเลือกเพิ่มลดหรือเปลี่ยนจำนวนเงินเอาประกันได้ รวมทั้งลูกค้ายังจะมีส่วนในการตัดสินใจในพอร์ตการลงทุนที่บริษัทบริหารให้อีกด้วย

ซึ่งกรมธรรม์ในลักษณะนี้เป็นกรมธรรม์ที่ออกได้โดยอาศัยกฎหมายพิเศษที่กำหนดขึ้นมา เพื่อช่วยให้สัญญามีความยืดหยุ่นขึ้นกว่ากรมธรรม์แบบเดิม ๆ โดยเป็นการประสานงานระหว่างพรูเด็นเชียลสิงคโปร์กับกรมการประกันภัย ซึ่งในที่สุดก็ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ และผลพลอยได้ก็คือ ขณะนี้กลุ่มพรูเด็นเชียลได้นางมีมี่ซิโฮ และลิม เคียน ฮิน นักคณิตศาสตร์ประกันภัย มือดีจากกรมการประกันภัยเข้ามาร่วมพัฒนางานด้านนี้ต่อ

สำหรับมีมี่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปและนักคณิตศาสตร์ประกันภัยในพรูเด็นเชียลสิงคโปร์ เพื่อดำเนินงานและดูแลในส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัท รวมทั้งการคิดค้นสินค้าใหม่ๆ ออกมา

มีมี่เล่าถึงความสำคัญของหน่วยงานที่เธอรับผิดชอบ ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในปัจจุบันว่า "ในช่วงปี '33-34 ตลาดประกันมีความคึกคัก บริษัทจึงออกสินค้า 5 ประเภท มี 3 ประเภทที่เป็นสินค้าใหม่ ซึ่งคุ้มครองกรณีเป็นโรคร้ายแรงและทุพพลภาพถาวร มาในปี '35 ถือเป็นปีที่สำคัญที่สุด เพราะบริษัทได้ออกสินค้าใหม่มา 2 ตัว คือ Edu-Plus และ Investor-Plus ซึ่งเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการประกันชีวิตในสิงคโปร์ และต่อจากนั้นเราก็ออก Investment Link ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และหลังจากนั้นเราก็เป็นผู้นำตลาดในเรื่องสินค้าใหม่ ๆ มาได้ตลอด"

ส่วน ลิม เคียน ฮิน ได้เข้ามาเป็นรองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและนักคณิตศาสตร์ประกันภัยให้กับพรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ฯ ในประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับกรมการประกันภัยของไทย ในเรื่องกฎเกรฑ์ของทางราชการ เพื่อที่จะนำสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดบ้านเรา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ สินค้าที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับ Investment Link ที่ขายดิบขายดีในสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ความสำเร็จของกลุ่มพรูเด็นเชียลที่สิงคโปร์ ส่วนหนึ่งมาจากแรงผลักดันของภาครัฐที่เห็นความสำคัญของการร่วมพัฒนาธุรกิจ จึงได้ออกกฎหมายใหม่ที่เปิดโอกาสให้บริษัทประกันชีวิตเข้าไปร่วมลงทุน และบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐบาลที่มีเม็ดเงินเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการออกกฎหมายพิเศษที่ให้ความยืดหยุ่นในตัวกรมธรรม์ ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการบริหารงาน

กลับมาดูพรูเด็นเชียล ทีเอสไฟล์ฯ ในประเทศไทย หลังจากที่ผ่านมาได้เปิดกรมธรรม์ใหม่ 7 ประเภทแล้ว ขณะนี้บริษัทมีแผนเพิ่มช่องทางการขายกรมธรรม์โดยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยในชั้นแรกอาจเป็นสถาบันการเงิน และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ โดยให้ผลประโยชน์บริษัทเหล่านั้นในลักษณะจ่ายเปอร์เซ็นต์การขายประกัน

นอกจากนี้ ทิศทางที่พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ฯ จะดำเนินต่อไป น่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับพรูเด็นเชียลในสิงคโปร์ คือ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาดึงดูดความสนใจจากตลาดโดยเฉพาะตัว Investment Link ที่คาดว่า บริษัทจะต้องพยายามผลักดันให้เกิดมีขึ้นในประเทศไทยให้ได้ เพื่อความหวังที่จะเด่นดังและเติบโตอย่างพรูเด็นเชียลในสิงคโปร์ ดังคำที่คริสโตเฟอร์ได้กล่าวไว้ข้างต้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us