Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 สิงหาคม 2549
แอสคอนผนึกทุนจีนประมูลรถไฟฟ้าเล็งเพิ่มทุน300ล้านบาทรับบิ๊กโปรเจกต์             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอสคอน คอนสตรัคชั่น

   
search resources

Construction
แอสคอน คอนสตรัคชั่น, บมจ.




"แอสคอน" ผนึกบริษัทจีนร่วมวงประมูลงานรถไฟฟ้าของรัฐบาลรักษาการ คาดเพิ่มทุนอีก 200-300 ล้านบาท ล่าสุดดึงเทคโนโลยี Dual Track ใช้ในโครงการคอนโดฯ ณุศาศิริ ร่นระยะเวลาก่อสร้าง 6 เดือน ประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ 40 ล้านบาท ด้านณุศาศิริตบรางวัลเร่งงานก่อสร้าง 10 ล้านบาท

นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้มุ่งพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่หลากหลาย และกระจายความเสี่ยงโดยเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยรุกเข้าประมูลงานก่อสร้างของภาครัฐ เช่น โครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งหมด รวมถึงงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมากขึ้น

ทั้งนี้ การก่อสร้างข้างต้นต้องมีการร่วมทุนกับพันธมิตร (จอยท์ เวนเจอร์) ที่เน้นเทคโนโลยีและความชำนาญงานในด้านนั้นๆ อาทิ ถนน ,อุโมงค์, สะพาน, อาคารสูง, ระบบบำบัดน้ำเสีย, รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (MRT) รวมถึงโครงการโรงผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นการพิจารณางานของภาครัฐบาล ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ขณะที่ในปีก่อนหน้า บริษัทจะรับงานเอกชนเป็นหลัก

โดยในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าที่รัฐบาลจะเปิดประมูล 3 เส้นทาง คือสายสีแดง สายสีม่วง สายสีน้ำเงิน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มขายแบบและกำหนดเงื่อนไขการประมูล (TOR) ในเร็วๆ นี้ ซึ่งบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว โดยได้ข้อสรุปจะร่วมทุนกับพันธมิตรจากต่างประเทศจีน เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาก และได้ก่อสร้างรถไฟฟ้าภายในประเทศจีนเป็นจำนวนหลายสาย อีกทั้งยังมีหัวเจาะขนาดใหญ่กว้างกว่า 8 เมตร สามารถทำงานได้เร็วขึ้น โดยวางแผนเข้าไปร่วมทุนประมาณ 5-10%

"ส่วนพันธมิตรจากประเทศเยอรมนีขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา หากสำเร็จก็อาจจะเข้าไปประมูลอีกสาย หรือไม่ก็ร่วมทุนทั้ง 3 พันธมิตร ส่วนรูปแบบในการเพิ่มทุนยังไม่ได้สรุปว่าจะขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) หรือทั่วไป (PO) ซึ่งถ้าขายแบบเฉพาะเจาะจงอาจจะขายให้ต่างชาติหรือกองทุนต่างๆ การเพิ่มทุนดังกล่าวจะพิจารณางานในมือด้วย บริษัทจะได้รู้จำนวนเงินที่ต้องการเพิ่มทุน หากได้ข้อสรุปก็จะจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาช่วย ส่วนเม็ดเงินที่คาดว่าจะต้องใช้เพิ่มประมาณ 200-300 ล้านบาท" นายพัฒนพงษ์กล่าว

สำหรับการซื้อสิทธิในการดำเนินการรับงานก่อสร้าง (licence) จากผู้รับเหมาชั้นหนึ่งทางด้านงานทางและอาคาร ที่จดทะเบียนไว้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้ว 1 ราย แต่ยังไม่โอนมาในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่มีโครงการที่จะเข้าประมูล ซึ่งในสัญญาต้องโอนภายในไตรมาส 3 นี้ โดยจะซื้อยกทั้งบริษัท คิดเป็นการซื้อใบอนุญาต (ไลเซนต์) ไม่เกิน 10 ล้านบาท ส่วนหนี้สินและทรัพย์สินมีมูลค่าใกล้เคียงกันประมาณ 30 ล้านบาท

"เราไม่รีบโอนมา เพราะตอนนี้ยังไม่มีงานเข้ามาให้ประมูลถ้ามีเราก็จะรีบโอน เพราะถ้าโอนมาแล้วเราจะต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยธนาคารในส่วนที่เป็นหนี้ เดือนละกว่า 2 แสนบาท แต่กำหนดโอนภายในไตรมาส 3 นี้" นายพัฒนพงษ์กล่าว

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงาน บริษัทตั้งเป้ากระจายช่องทางการรับงานให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีสัดส่วนการรับงานเอกชน งานรัฐ และงานโรงงานเป็น 40%, 40% และ 20% ภายใน 1-2 ปีนี้ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและฝีมือการก่อสร้างของทีมงาน ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ดีจะช่วยร่นระยะเวลาการก่อสร้าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากอาคารที่ก่อสร้างได้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งสามารถลดภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้เพราะสามารถเปิดขายโครงการและโอนให้ลูกค้าได้ ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่มีผลกระทบทั้งจากดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

โดยปี 2549 ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของมูลค่างานในมือเพิ่มขึ้น 50 % จาก 2,000 ล้านบาท ที่มีอยู่ ณ ต้นปี ให้เป็น 3,000 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้รายได้ตามแผนงานไปกว่า 400 ล้านบาท และในเดือนมิ.ย. บริษัทฯ ได้งานก่อสร้างบ้านธนารักษ์ นนทบุรี มูลค่างาน 494.9 ล้านบาท และในเดือนก.ค.มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างเพิ่ม 4 งาน ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Back Log) ล่าสุดมีทั้งหมดประมาณ 3,800 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการยื่นประมูลและโครงการที่ยื่นประมูลแล้ว รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานราชการ เนื่องจากงานโครงการภาครรัฐจะมีมาร์จิ้นมากกว่าภาคเอกชน ขณะที่มาร์จิ้นจากงานภาคเอกชนมีประมาณ 10% ประกอบกับงานภาครัฐมีการรับรู้รายได้ที่แน่นอน

ล่าสุดบริษัทได้นำเทคโนโลยีงานก่อสร้างระบบ Dual Track ที่ใช้กับงานก่อสร้างอาคารสูง โดยนำระบบดังกล่าวมาใช้กับโครงการณุศาศิริ สุขุมวิท-เอกมัย แกรนด์ คอนโด จำนวน 2 อาคาร สูง 28 และ 22 ชั้น ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากกว่า 50% โดยเทคนิคดังกล่าวจะทำให้งานก่อสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนดเวลาถึง 6 เดือน โดยทาง ณุศาศิริ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนจะใช้เทคนิคดังกล่าวกับโครงการ คอนโด วอเตอร์ มาร์ค

"การนำเทคโนโลยีดังกล่าวบริษัทต้องลงทุนเพิ่มอีก 20 ล้านบาท โดยณุศาศิริเป็นผู้จ่ายให้ และหากเราสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด 6 เดือนจะช่วยณุศาศิริประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายธนาคารถึง 40 ล้านบาท แถมณุศาศิริยินดีแบ่งกำไรที่ไม่ต้องจ่ายธนาคารให้บริษัทอีก 10 ล้านบาทด้วย" นายพัฒนพงษ์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us