|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พิษเศรษฐกิจรุมเร้า ตลาดมีเดียส่อเค้าแย่ลง คาดทั้งปีโตเพียง 5% เหตุลูกค้าเกิดการสวิตชิ่งไปหาแพกเก็จที่ถูกลง ชี้สภาพการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น อาจมีการนำกลยุทธ์การตัดราคามาใช้ห้ำหั่นกัน ด้านมีเดียอินเทลลิเจ้นซ์ เตรียมจัดแพกเก็จเน้นบีโลว์เดอะไลน์เอาใจลูกค้า หวังช่วยดันรายได้โต 10% มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4,620 ล้านบาท
นายวศิน เตยะธิติ ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ด้านการบริหารการวางแผนสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดมีเดียในครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้นมีการเติบโตกว่า 4.7% แต่ถือว่าทรงตัว เนื่องจากการเติบโตดังกล่าวมาจากการขึ้นราคาของสื่อเป็นหลัก ในขณะที่ราคาน้ำมันและดอกเบี้ย รวมถึงปัญหาทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโดยตรง ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ตลาดมีเดียในครึ่งปีหลังนี้จะเลวร้ายกว่าครึ่งปีแรกอีกด้วย
เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น โดยงบในการใช้สำหรับสื่อมีเดียนั้น อาจจะถูกตัดลงบ้าง จนอาจมีความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะเริ่มมีการต่อรองราคามากขึ้น ในขณะที่ราคาเดิมก็ถือว่าถูกมากอยู่แล้วเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ หรืออาจมีการเปลี่ยนบริษัทมีเดียใหม่ที่มีราคาถูกลง ส่วนในด้านของผู้ดำเนินธุรกิจสื่อมีเดียเองนั้น จะเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพื่อหาทางเอาตัวรอดมากขึ้น โดยอาจจะเป็นการนำเอากลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้กัน หรืออาจจะมีการจัดแพกเก็จที่ถูกลงและตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น มาเสนอต่อลูกค้า
โดยทางบริษัทฯ เองนั้นได้มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว จึงได้มีการปรับแผนทางธุรกิจเช่นเดียวกัน โดยการพยายามที่จะนำเสนอแพกเก็จที่เน้นทางด้านสื่อบีโลว์เดอะไลน์มากขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้งบน้อยลง แต่สามารถวัดผลและมีการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการจัดโครงสร้างขององค์กรที่ไม่เน้นบุคลากรมากจนเกินไป ทำให้คอสต่างๆ ลดลง ดังนั้นจึงมั่นใจว่าทั้งปีจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้กว่า 4,620 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10%
ในขณะที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตกว่า 3% โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการมีลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์เข้ามากว่า 10 ราย ได้แก่ กิฟฟารีน และชาเซ็นย่า โดยในปี 2548 ที่ผ่านมามีการเติบโต 11% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,200 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดรวมมีเดียปีนี้คาดโตเพียง 5% จากมูลค่า 89,000 ล้านบาท โดยมีสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ มีสัดส่วนสูงที่สุด คือ 58% และ 19% ตามลำดับ
|
|
|
|
|