Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 สิงหาคม 2549
ขายตรงลีเวอร์ปรับเกมรุกยกแผง พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่และปรับเงินปันผล             
 


   
www resources

โฮมเพจ ยูนิลีเวอร์

   
search resources

ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง, บจก.
Consumer Products




ยูนิลีเวอร์ฯ สบช่องตลาดขายตรงในไทยยังโต 5-10% ประกาศรุกขายตรงแบบเครือข่ายเต็มกำลังด้วยการขยายช่องทางขาย 4 รูปแบบ “มัลติ แชนแนล บิสซิเนส โซลูชั่นส์” ตั้งเป้าสมาชิกภายใน 5 ปี มีกว่า 5 แสนราย และมีชอปอาวียองซ์กว่า 50 แห่ง พร้อมประกาศเปลี่ยนชื่อจากยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เป็น “ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง” ล่าสุดปรับโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มสีสันอาวียองซ์ คัลเลอร์แคร์ คาดยอดขายโตปีละ 6% ครึ่งปีหลังเล็งเปิดสินค้าใหม่กว่า 50 รายการ ตั้งเป้ายอดรายได้สิ้นปีโตเท่าตลาดรวม

นางสุชาดา ธีรวชิรกุล กรรมการผู้จัดการ ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแบบเครือข่าย ภายใต้ชื่อเดิม “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงในประเทศไทยปีนี้ตลาดรวมจะมีอัตราการเติบโตที่ 5-10% แม้ตลาดจะมีปัจจัยลบมากทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคบางส่วนที่มีการระมัดระวังค่าใช้จ่ายมากขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกับหยุดซื้อสินค้า ตรงนี้ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงจะต้องขยันมากขึ้น อาทิ หากลยุทธ์การตลาดแบบใหม่และจัดกิจกรรมต่างๆ

ในส่วนของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบบ้างในส่วนยอดค่าใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าลดลงจากเดิมมีคนละ 2.2 พันบาท เหลือเป็นคนละ 1.5-1.6 พันบาท ดังนั้นบริษัทฯ จะสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้า และใช้กลยุทธ์ลด แลก แจก แถม เพื่อดึงลูกค้ามาจากสินค้าแบรนด์อื่นๆ

ล่าสุดบริษัทยูนิลีเวอร์ฯ ได้ประกาศปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของธุรกิจขายตรงแบบเครือข่ายในช่วงระยะเวลา 3-5 ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อธุรกิจจาก “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค” ไปเป็น “ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูง” เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ได้ชัดเจนถึงตัวผลิตภัณฑ์ว่ามาจากภาคธุรกิจชั้นสูงและเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม โดยมีผลิตภัณฑ์ความสวยความงามแบรนด์อาวียองซ์เป็นกลุ่มหลักในการทำตลาด โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป

ประกอบกับบริษัทฯ ยังได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปสู่หลากหลายรูปแบบ “มัลติ แชนแนล บิสซิเนส โซลูชั่นส์” 4 ช่องทาง ประกอบด้วย 1. การสร้างธุรกิจเครือข่ายในรูปแบบการสร้างองค์กรธุรกิจ (Business Networking Model) 2. การสร้างธุรกิจเครือข่ายในรูปแบบแนะนำสินค้าและบริการแบบมืออาชีพ (Beauty Pro-Advice Networking Model)

3.การสร้างธุรกิจเครือข่ายในรูปแบบเจ้าของชอปอาวียองซ์และรูปแบบแฟรนไชส์ (Authorized Shop Networking Model) ซึ่งถือว่าเป็นโมเดลใหม่ที่เริ่มต้นที่ไทย โดยการลงทุนจะมีหลายรูปแบบขึ้นกับพื้นที่ เช่น ขนาด 100-200 ตร.ม. ใช้เงินลงทุน 2-3 ล้านบาท เป็นต้น คาดว่าจะเปิดตัวรูปแบบนี้ได้ในเดือนก.ย.นี้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าภายใน 3-5 ปีนี้จะเปิดได้ครบ 50 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 30 แห่งและต่างจังหวัด 20 แห่ง

4.สร้างเครือข่ายแบบพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ (E-Biz Networking Model) คาดว่าจะเปิดตัวได้ในปีหน้า ทั้งนี้การเปิดช่องทางใหม่นี้ขึ้น เนื่องจากต้องการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าร่วมธุรกิจกับบริษัทฯ มากขึ้น โดยสามารถเลือกรูปแบบตามความสนใจและเหมาะสมได้

ปัจจุบันธุรกิจระบบเครือข่ายของบริษัทฯ เปิดดำเนินการครบ 6 ปี โดยขณะนี้มีสมาชิกในเครือข่ายกว่า 2 แสนคน และมีอัตราการเพิ่มของสมาชิกโดยเฉลี่ย 4 หมื่นคนต่อปี แบ่งเป็นสมาชิกอภิสิทธิ์ที่สมัครเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ 60% และผู้ร่วมธุรกิจ 40% ทั้งนี้คาดว่ามัลติ แชนแนล บิสซิเนส โซลูชั่นส์นี้จะทำให้มีสมาชิกเครือข่ายเพิ่มขึ้นอีก 30-50% โดยบริษัทฯ คาดหวังยอดสมาชิกฯ อีก 3-5 ปีจะมีกว่า 5 แสนราย ขณะที่ศูนย์บริการยูนิลีเวอร์ฯ ปัจจุบันมีทั้งหมด 13 แห่ง

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างแผนปันผลใหม่ ภายใต้ชื่อ “แผนปันผลตอบแทนแบบไทร์นามิค” ซึ่งยอดขายจากทุกช่องทางสามารถรวมเป็นยอดขายเดียวกันและได้รับการจ่ายเงินปันผล 3 ต่อ ได้แก่ โบนัสบริหารกลุ่มผู้บริโภค โบนัสบริหารทีม และโบนัสบริหารผู้นำ

ส่วนงบทางการตลาดในปีนี้บริษัทฯ เตรียมใช้ประมาณ 40-50 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ อาทิ จัดอมรมสัมมนา, ทำเวิร์คชอป, จัดมหกรรมแสดงสินค้าและสาธิตผลิตภัณฑ์หรือ สกิน โปร แอดไวซ์ เดย์ รวมถึงคิดค้นและพัฒนาสินค้าใหม่

เล็งเปิดตัว 50 สินค้าใหม่ครึ่งปีหลัง

นางสาวอดิศรา วัลลภศิริ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูงฯ กล่าวถึงผลิตภัณฑ์อาวียองซ์คัลเลอร์แคร์ว่า บริษัทฯ ได้ปรับโฉมใหม่ในกลุ่มอาวียองซ์ คัลเลอร์แคร์ อาทิ สูตรใหม่, บรรจุภัณฑ์ใหม่ในแพ็คเกจสีขาวขลิบสีเงิน และโลโก้ใหม่ เพื่อให้สินค้าดูทันสมัยขึ้น โดยสินค้าที่ปรับโฉมใหม่มีกว่า 44 รายการ และมีระดับราคาสินค้าอยู่ที่ 1 พันบาท โดยสินค้าโฉมใหม่นี้จะเริ่มจำหน่ายได้ในวันที่ 2 ส.ค.49นี้ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตปีละ 6%

“บริษัทฯ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในแบรนด์อาวียองซ์อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้เตรียมเปิดตัวสินค้าอีก 50 รายการ จากสินค้าทั้งหมดของบริษัทฯ ที่มีกว่า 200 รายการ ทั้งกลุ่มสกินแคร์, แฮร์แคร์ และเครื่องใช้ในครัวเรือน”

ทั้งนี้ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์รายงานว่าตลาดรวมของกลุ่มคัลเลอร์แคร์มีมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท และมีอัตราการโตปีละ 4% โดยตลาดแบ่งออกเป็นกลุ่มบน 35% และแมส 65% ซึ่งช่องทางขายตรงมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 30%

สำหรับยอดรายได้ของภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูงในปีนี้บริษัทฯ คาดหวังการเติบโต 5-10% ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้เป็นไปตามเป้าที่ 5-10% โดยยอดรายได้แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม 70% อาหารเสริม 20% และกลุ่มอื่นๆ 10%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us