Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์31 กรกฎาคม 2549
สงคราม กาแฟ 3 in 1 เกมรบ ที่ไม่มีเวลาหยุดนิ่ง             
 


   
search resources

Marketing
Coffee




* ขบวนการบุกตลาดกาแฟทรีอินวัน เดือดพล่าน
* ค่ายเก่า เปิดศึกเฉือดเฉือน ค่ายใหม่ รุมทึ้งชิงเค้กก้อนใหม่แห่งวงการ
* ร้านกาแฟชื่อดัง เริ่มเปิดแนวรบ ส่งโลคอลแบรนด์
* มุ่งตรงตลาดเมือง เขย่าบัลลังค์ เนสกาแฟ ทรีอินวัน
* แต่ขาใหญ่รู้ทัน เปิดเกมรับ ปรับรสชาติใหม่ตั้งแต่ต้นปี

เข้าสู่ยุคที่ตลาดกาแฟทรีอินวัน ที่ผสมกาแฟ ครีมเทียมและน้ำตาลบรรจุในซองเดียวกัน เริ่มเบ่งบานอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดจากอัตราการเติบโตของมูลค่าตลาดรวม มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มากที่สุด และเป็นการเติบโตในอัตราเลข 2หลักต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี จากตลาดรวมกาแฟทรีอินวัน 2,500 ล้านบาท ในปี 2546 เพิ่มมูลค่าขึ้นมาเป็น 7,000 ล้านบาท ในปี 2549 โดยตั้งแต่ต้นปีตลาดรวมกาแฟ ทรีอินวัน เติบโตแล้ว 34.8%แน่นอนกว่าจะถึงสิ้นปีนี้มูลค่าตลาดจะเติบโตไปอีกเท่าตัว ทั้งหมดนั้นเป็นผลที่ได้รับจากการแข่งขันของผู้เล่นในตลาดที่มีทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างไม่หยุดนิ่ง

สิ่งที่หน้าจับตาอย่างหนึ่ง ก็คือตัวเลขขนาดตลาดกาแฟทรีอินวันที่เพิ่มขึ้นนั้น ได้พลิกสถานการณ์ทำให้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ของตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป ทั้งนี้มีข้อมูลเอซีลนีลสันรายงานว่า ตลาดกาแฟทรีอินวัน มีสัดส่วนขนาดตลาดขึ้นมาเป็น 53% เข้ามาแทนที่ตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปหรือ "อินสแตนท์ คอฟฟี่" ซึ่งมีสัดส่วนลดลงเหลือ 47% เมื่อไม่นานนัก คือช่วงไตรมาสที่สามของปี 2548 ที่ผ่านมา

ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้จุดชนวนทำให้ กาแฟทรีอินวัน กลายเป็นกาแฟเซกเมนต์ ที่มีการแข่งขันรุนแรง นับตั้งแต่ผู้เล่นในตลาดกาแฟทุกเซกเมนต์ เปลี่ยนแนวรุกลงมาเล่นในสมรภูมิตลาดกาแฟทรีอินวันครั้งใหญ่ แบ่งเป็น กาแฟทรีอินวันจากค่ายอินเตอร์แบรนด์ ซึ่งมีผู้เล่นหลักๆในตลาดคือเนสท์กาแฟทรีอินวัน เบอร์ดี้ และมอคโคน่าทรีโอ ส่วนทางฟากของกาแฟทรีอินวัน โลคอลแบรนด์มีผู้เล่นในตลาดคือ ซูเปอร์ คอฟฟี่มิกซ์ และเขาช่อง ซึ่งแต่ละค่ายมีจุดอ่อน จุดแข็งที่ต่างกัน

ยกแรก เมื่อเร็วๆนี้ ร้านกาแฟบ้านไร่เปิดตัว "ตรีดี บอร์ก" และร้านกาแฟไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ ส่ง "วีว่า คอฟฟี่" ประกาศลุยตลาดทรีอินวันด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นผู้เล่นรายใหม่ที่พาเหรดกันเข้ามาในตลาด โดยทั้ง 2 ค่ายถือว่ามีความแตกต่างจากเจ้าเก่าในตลาดกาแฟทรีอินวัน ตรงที่มีพื้นเพเดิมจากธุรกิจร้านกาแฟที่ใช้เวลาในการสะสมความชำนาญอย่างเต็มที่ แล้วค่อยต่อยอดหันมาเล่นในตลาดกาแฟทรีอินวัน เพื่อขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภค

แนวรุกตลาดของร้านกาแฟชื่อดัง มีข้อดีที่สามารถใช้โอกาสของหน้าร้านที่มีหลากหลายสาขาเป็นช่องทางหลักในการสร้างการรับรู้แบรนด์ ก่อนที่จะเปิดตลาดไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดย"ตรีดี บอร์ก" สังกัดค่ายกาแฟบ้านไร่ จะเริ่มทำตลาดแนวรุก กระจายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท วีช้อป 108 ช้อป ตั้งฮั่วเส็ง และร้านชุมชนทั่วไปกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงปลายเดือนกรกฏาคมนี้

ส่วน วีว่า คอฟฟี่" (Viva coffee) กาแฟสำเร็จรูปทรีอินวัน ของค่ายร้านกาแฟไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ จะเริ่มขยายแนวรุกตลาดผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น โดยเริ่มทดลองวางจำหน่ายในร้านค้าทั่วไปประมาณ 5,000 แห่งในกรุงเทพฯ หลังจากนั้นมีแผนจะขยายไปสู่ช่องทางจำหน่ายอื่นๆอีกต่อไป

การเข้ามาในตลาดของผู้มาใหม่นั้น มีเป้าหมายเพื่อจับฐานลูกค้าในเมืองเป็นหลัก โดยอาศัยความเชื่อถือของรสชาติกาแฟคั่วสดที่ผ่านการยอมรับแล้ว รวมถึงแบรนด์เป็นจุดแข็งเข้ามาสั่นคลอนบัลลังค์ของ 3 ค่ายยักษ์ที่ครองใจลูกค้าคนเมือง และมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันแล้วเกินครึ่งของตลาดรวมคือ เนสกาแฟทรีอินวัน 61% เบอร์ดี้ 7.5% มอคโคน่า ทรีโอ 6%

ขาใหญ่ ขยันออกหมัดกอดแชร์แน่น

การเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดของค่ายใหม่นั้น แน่นอนว่า จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด และมีการเปิดเกมรับ และเกมรุกตอบโต้กลับมาครั้งใหญ่ เพราะไม่ใช่กระเทือนแค่มาร์เก็ตแชร์เท่านั้น แต่นั่นหมายถึง เข้ามาแบ่งรายได้หลักของบริษัทไปเต็มๆ

โดยเฉพาะเนสกาแฟ ที่เป็นแบรนด์แรกๆที่เข้ามาจับตลาดกาแฟทรีอินวัน แต่ในระยะหลังก็เริ่มมีค่ายๆอื่นเข้ามาร่วมแบ่งเค้กด้วย อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นผู้นำที่สามารถรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งมานานนับ 10 ปี ซึ่งทำให้ต้องออกมาปกป้องส่วนแบ่งตลาดไว้อย่างเหนียวแน่น

ที่สำคัญที่สุด ผลิตภัณฑ์กาแฟยังเป็นสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้หลักของกลุ่มเนสท์เล่ (ไทย) โดยมีอัตราการเติบโตจากผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้ 3 กลุ่มคือกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม กลุ่มผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็ก และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมน้ำบรรจุกระป๋อง โดยแบรนด์ที่บริษัทเป็นผู้นำตลาดปัจจุบันได้แก่ เนสกาแฟ คอฟฟีเมต "กลยุทธ์การเติบโตในปีนี้ เราจะเน้นเพิ่มยอดขายจากสินค้าหลักๆเช่นเนสกาแฟ ทรีอินวัน โดยนวัตกรรมใหม่ๆ นอกเหนือจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว” เกรแฮม แคมพ์เบลล์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารกลุ่มเนสท์เล่ประเทศไทยกล่าว

ขณะเดียวกันกาแฟทรีอินวัน ยังเป็นสินค้า Rising Star ของมอคโคน่าและเบอร์ดี้อีกด้วย โดยบริษัทซาร่า ลี (ประเทศไทย)ผู้ผลิตและจำหน่าย กาแฟภายใต้แบรนด์"มอคโคน่า" ตั้งเป้าหมายให้กาแฟมอคโคน่า เป็นสัดส่วนรายได้ 60% ของผลประกอบการโดยรวมสิ้นปี 1,200 ล้านบาทท

ทว่าหากประเมินความเคลื่อนไหวของตลาดทรีอินวันช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า แต่ละค่ายเตรียมตัวที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว เริ่มจากเนสกาแฟ เปิดฉาก รีลอนช์ เนสกาแฟทรีอินวัน มายคัพ ปรับปรุงรสชาติใหม่ก่อนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับการเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นการรับรสชาติใหม่ในรอบ 10 ปี แต่ยังคงใช้คอนเซปต์เรื่องสีของตัวแพ็กเก็จจิ้ง หรือการวางเซกเมนต์ บาย คัลเลอร์ (Segment by color ) มาเป็นสื่อในการบ่งบองถึงคุณสมบัติ กำหนดความเข้มข้นของรสชาติคือ สีเหลืองสูตรมายด์ (Mild) สีแดงสูตรออริจินัล (Original) และ สีเขียวสูตรเทอร์ โบ (Turbo) ที่มีความเข้มข้นมากที่สุด พร้อมทั้งอัดกิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมโรดโชว์ตามแหล่งวัยรุ่นและอาคารสำนักงาน เพื่อตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์กาแฟ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้งบประมาณ 100 ล้านบาท

สลับแนวรบป่าล้อมเมืองจากเมืองยึดหัวหาดภูธร

ในขณะเดียวกันบรรดาค่ายทรีอินวันขาใหญ่ในตลาดอย่างเนสกาแฟทรีอินวัน ก็ออกมาประกาศถึงแผนการตลาดปีนี้ว่า เน้นการขยายช่องทางให้เข้มแข็งมากขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะกระจายสินค้าได้ครอบคลุมช่องทางร้านค้าเกือบทั่วประเทศอยู่แล้วก็ตาม

โดยค่ายกาแฟ ทรีอินวัน ซึ่งลงหลักปักฐานในตลาดนี้มานาน ก็เริ่มใช้แบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นหัวรบในการบุกทะลวงตลาด ขยับขยายฐานลูกค้าออกทำตลาดภูธรเพื่อเข้ายึดพื้นที่ให้คลอบคลุมทั้งหมด

นอกจากนั้น ตลาดต่างจังหวัดยังเป็นเป้าหมายใหม่ของผู้เล่นแต่ละแบรนด์ สำหรับหัวหอกในการบุกตลาดจังหวัด นอกจากความเข้มข้นของรสชาติ ที่เป็นจุดขายทั่วไปของสินค้าประเภทเครื่องดื่มแล้ว ความสะดวกในการชงและราคาต่อถ้วยที่ถูกกว่ากาแฟผงสำเร็จรูปทั่วไป ยังเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ตลาดใหญ่ของกาแฟอินสแตนท์อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะในร้านค้าย่อย (Traditional Trade) ซึ่งการทำให้สินค้าขายในพื้นที่ได้นั้น จะต้องมีความพร้อมทั้งทางด้าน Push Strategy นำสินค้าให้ไปวางขายในร้านได้มากที่สุด และ Pull Strategy สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกับลูกค้า

การทำตลาดกาแฟทรีอินวัน ในเมืองกลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป เพราะกรรมการบริหาร เครืออโรมา กรุ๊ป เจ้าของร้านกาแฟไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ กิจจา วงศ์วารี บอกถึงเหตุผลที่ทำให้บริษัทแตกไลน์สินค้าใหม่มาจับตลาดกาแฟทรีอินวัน เพราะมีผลที่พบว่า การเลือกดื่มกาแฟในตลาดทรีอินวันนั้น ผู้บริโภคไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์มากนัก แต่เลือกดื่มเพราะความสะดวกสบาย และรสชาติที่ดีของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก

ข้อโต้แย้งระหว่างแบรนด์หรือรสชาติจะมาก่อนเป็นอันดับแรกนั้น ผู้บริหารของกาแฟมอคโคน่า ภารณี เชิดวิศวพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทซาร่าลี (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า การแจกสินค้าตัวอย่างเพื่อให้ผู้บริโภคได้เกิดการทดลองรสชาติเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกค่ายก็ทำกัน เพราะเมื่อได้ชิมแล้วโอกาสการซื้อในครั้งต่อไปก็มีสูง แต่การสร้างแบรนด์ด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้สินค้าเป็นที่รู้จักก่อน ก็เป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ

โดยเฉพาะการบุกตลาดต่างจังหวัดดัวยแล้ว ความแข็งแกร่งของแบรนด์ จะเป็นองค์ประกอบแรกที่ทำให้สินค้าของเราได้มีโอกาสไปวางบนเชลฟ์ เนื่องจากพฤติกรรมการเลือกสินค้าเข้าไปวางขายในร้านค้าต่างจังหวัดนั้น เจ้าของร้านจะเลือกเพียง 1-2 แบรนด์ที่มั่นใจว่าจะสามารถขายออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้นถ้าสื่อสารสินค้าและแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้ นั่นก็หมายความว่า ได้เพิ่มโอกาสในการช่วงชิงพื้นที่ขายได้ด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่ มอคโคน่า ทรีโอ เริ่มวางตลาดในปี 2546 การเลือกใช้หนังโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญ เพราะจะสามารถสื่อสารให้ผู้บริโภคต่างจังหวัดรู้จักและจดจำแบรนด์ “มอคโคนา ทรีโอ” แต่โฆษณาชุดแรกก็ไม่ได้ช่วยให้สินค้าแจ้งเกิดได้ซะทีเดียว

เพราะหนังโฆษณาใช้วิธีสื่อสารโดยใช้วัยรุ่นที่อยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง ซึ่งสามารถตอบโจทย์การตลาดที่ลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นได้ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในตลาดจังหวัด ปัจจุบันมอคโคน่า ทรีโอ ก็ได้ปิดจุดอ่อนของโฆษณาโดยออกหนังชุดใหม่ล่าสุดที่มี 'ไอซ์ ศรันยู เฟิร์ส สเตจโชว์' มาสื่อสารจุดเด่นของสินค้าแบบตรงไปตรงมา พร้อมๆกับเดินหน้าขยายช่องทางจังหวัดที่เน้นด้านการกระจายสินค้าโดยมีดีทแฮมดูแลด้านลอจิสติกส์

การขยายแนวรุกของ 2 ค่ายจากตลาดในเมืองนั้น ถือว่าเป็นการประกาศการทำสงครามทรีอินวัน กับค่ายกาแฟซูเปอร์มิกซ์ กาแฟทรีอินวัน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ครองตลาดกาแฟทรีอินวันในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ และครองส่วนแบ่งตลาด 20 % เป็นอันดับสองของตลาดกาแฟทรีอินวัน

ทว่าจากเดิมที่มีอาวุธกลยุทธ์ราคาเป็นจุดขายให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง ล่าสุดซูเปอร์ คอฟฟี่มิกซ์ ก็โต้ตอบค่ายกาแฟในเมืองที่เข้ามารุกล้ำอาณาจักร ด้วยการขยายพื้นที่การขายเข้ามาในตลาดเมืองด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมานั้นก็ได้มีการทำตลาดโดยใช้กลยุทธ์แบบป่าล้อมเมือง ที่ค่อยๆแทรกซึมการขายจากพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาโฟกัสตลาดในเมืองมากขึ้น ซึ่งทำให้ดึงแชร์เบอร์หนึ่งมาได้มาก

ซูเปอร์ คอฟฟี่มิกซ์ เติบโตมาด้วยจุดแข็งที่กลยุทธ์ราคา ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการทำตลาดอย่างมาก

เนื่องจากกลยุทธ์ด้านราคาซองละ 5 บาท จนถึง 3 ซอง 10 บาท จะสามารถตอบสนองกับพฤติกรรมผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่ซื้อกาแฟแบบวันต่อวัน เพราะมีกำลังซื้อน้อยกว่าคนในเมืองและนิยมซื้อ 1-2 ซองเพื่อดื่มต่อครั้งเท่านั้น

เบอร์ 3 และ4 เปิดศึกชิงตลาดด้วยรสชาติ

การแข่งขันในตลาด มีการแข่งกันด้านรสชาติ เป็นความเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตาม Product Life Cycle ที่ต้องไม่หยุดนิ่ง

เบอร์ดี้ ค่ายผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ ที่เพิ่มบทบาทใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดกาแฟผงทรีอินวันเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยอาศัยความคุ้นเคยของผู้บริโภคที่มีต่อตัวแบรนด์เข้ามาต่อกรกับคู่แข่ง นอกจากนั้นยังมีจุดแข็งด้านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะมาเป็นแบล็คอัพสำคัญอีกด้วย

ที่ผ่านมา เบอร์ดี้ ใช้กลยุทธ์การนำเสนอรสชาติใหม่ที่แตกต่างจากเดิมออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคมาก พร้อมกับการจัดกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจรทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขายเต็มรูปแบบเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ และทดลองเพิ่มมากขึ้นจากเดิม โดยปีที่ผ่านมามีการออกรสชาติใหม่ เบอร์ดี้ ทรีอินวัน เอ็กซ์ตร้า กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงรสชาติใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนทำงานที่ชื่นชอบกาแฟรสชาติเข้ม

ล่าสุด ยังมีมีการปรับสูตรใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะทำให้กาแฟทรีอินวันของเบอร์ดี้ มีรสชาติถูกปากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือกลุ่มวัยรุ่น สูตรที่ปรับปรุงใหม่เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมของกาแฟในสัดส่วนที่ลงตัวมากขึ้น รวมทั้งยังได้ทุ่มงบประมาณทางการตลาดในการจัดทำ หนังโฆษณา ความยาว 15 วินาที ยิงยาวพร้อมกันรวดเดียว 3 ชุดคือ “ปล่อยนก” “ผ้าป่า” และ “เซียมซี” ภายใต้แนวคิด “เบอร์ดี้ 3 in 1 สูตรปรับปรุงใหม่ รสชาติสมหวัง เกินคาด” โดยมีสื่อสนับสนุนอื่นๆ ประกอบด้วยสื่อนิตยสาร สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ และสื่อโฆษณากลางแจ้ง และมีการจัดกิจกรรมพิเศษ อาทิ การแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง การจัดโรดโชว์เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้สินค้า ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

เร็วๆนี้มอคโคน่ามีการมีการขยายไลน์สินค้า โดยครีเอท new Group ออกสินค้าใหม่คือทรีโอ คาปูชิโนและซีเรียล พลัส เข้ามาจับตลาดกาแฟทรีอินวันในเซกเมนต์พรีเมียม ที่วางขายในท้องตลาดราคาซองละ 7-8 บาท โดยรสชาติใหม่นั้นมีจุดขายด้าน Functional Benefit ที่เพิ่มขึ้น ด้วยการใส่สารอาหารซีเรียลเข้าไปในกาแฟ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่นิยมดื่มกาแฟเป็นประจำในช่วงเช้า โดยระยะเริ่มต้นเป็นสินค้าพิเศษ(FBO : First best only ) ที่วางขายเฉพาะในช่องทางร้านสะดวกซื้อ7-11 จากนั้นจะมีการขยายไปสู่ช่องทางโมเดอร์นเทรดอีกเช่นกัน

สำหรับการเปิดศึกกาแฟทรีอินวัน มอคโคน่า ในปีนี้จะเริ่มเร็วขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ซึ่งความจริงช่วงฤดูการขายที่ปกติผู้เล่นในตลาดกาแฟทรีอินวันจะออกมาเคลื่อนไหวในการตลาดนั้นอยู่ในเดือนตุลาคม ที่สำคัญจะทุ่มงบการตลาดเต็มที่มากกว่า 100 ล้านบาท เพราะผลิตภัณฑ์กาแฟเป็นตัวเรือธงของบริษัท

นอกจากนั้นจะต้องมีการขยายช่องทางการจำหน่ายให้เข้าถึงทุกพื้นที่โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด เพราะที่ผ่านมาทรีโอ มีความแข็งแกร่งในเมือง ผ่านช่องทางโมเดอร์นเทรด และซูเปอร์มาร์เก็ต

ทรีอินวัน โตเพราะคอนวีเนียน

กาแฟทรีอินวัน มีจุดขายถึง 2 ด้าน ที่นอกเหนือจากเบสิกของสินค้ากลุ่มอาหารที่ต้องตอบสนองด้านรสชาติแล้ว ยังมีจุดขาย ในแง่ของ Functional Benefit ของกาแฟที่ช่วยสร้างความตื่นตัว กระฉับกระเฉง ให้กับชีวิตประจำวันแล้ว ด้วยรูปแบบของสินค้า แบบเปิดซองเทใส่น้ำร้อนก็ดื่มได้เลย ก็เป็นจุดขายคอนวีเนียน หรือความสะดวกสบาย ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่มีพฤติกรรมเร่งรีบของคนเมือง เป็นองค์ประกอบแรกที่ทำให้ กาแฟ ทรีอินวัน มียอดขายก้าวกระโดด แบบทิ้งห่างกาแฟผงสำเร็จรูปอย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนแบ่งตลาดกาแฟทรีอินวัน
- เนสกาแฟทรีอินวัน 61%
- ซูเปอร์คอฟฟี่มิกซ์ 20%
- เบอร์ดี้ 7.5%
- มอคโคน่าทรีโอ 6%
- อื่น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us