ธนาคารไทยพาณิชย์ หวังดันขยายสินทรัพย์เพิ่มแตะ 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2550 มั่นใจสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า 10% ระบุครึ่งปีแรกปล่อยสินเชื่อไปแล้วโตกว่า 6%
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าในต้นปี 2550 ขนาดสินทรัพย์ (Asset Side) ของธนาคารจะอยู่ที่ระดับ 1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่ธนาคารมีขนาดสินทรัพย์ 900,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อของธนาคารยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจการเงินที่ครบวงจรนั้นจะทำให้ขนาดสินทรัพย์ของธนาคารเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยธนาคารมั่นใจว่าปีนี้สินเชื่อจะเติบโตตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ 10% จากปีก่อน โดยในครึ่งปีแรกธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท หรือเติบโต 6% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้จะมีปัจจัยต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสินเชื่อ
"ธนาคารยังคงเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ระดับ 10% ซึ่งไม่จำเป็นที่ธนาคารจะต้องปรับลดแต่อย่างใด แต่จะต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้นในภาวะที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยอย่างที่คาดคิด" คุณหญิงชฎา กล่าว
โดย ณ ปัจจุปัน ธนาคารมีมูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของธนาคารมีเกือบ 200,000 ล้านบาท ขณะที่ขนาดของสินทรัพย์รวมมีประมาณ 900,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารคจะต้องสร้างความเติบโตโดยภายในปีหน้าขนาดสินทรัพย์รวมจะเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านบาท ซึ่งก็ยังคงเป็นลำดับที่ 3 ของระบบธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ด้านของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (TR 1) และเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) มีใกล้เคียง 12% และ 14% ตามลำดับ โดยที่ทั้งสองส่วนนี้ยังรวมกำไรในงวดครึ่งแรกเข้าไป ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงก็เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ, การลงทุน และรองรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้คาดหมาย ดังนั้นแนวทางการลงทุนของธนาคารก็จะเป็นการลงทุนให้ครบวงจรมากขึ้น
อย่างไรก็ตามธนาคารพยายามที่จะรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (สเปรด) ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 3% โดยในช่วงครึ่งปีแรกสเปรดดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ที่ 3.4% ขณะที่เงินกองทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่ 12% ซึ่งทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 15% ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมปัจจุปันมีสัดส่วนอยู่ที่ 38 % จากรายได้ทั้งหมด ดังนั้นแนวโน้ม 2 -3 ปีข้างหน้าธนาคารพยายามเพิ่มให้เป็น 50% เนื่องจากเป็นรายได้ที่ไม่มีความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจของไทย เชื่อมันว่ายังเติบโตได้ เนื่องจากระบบเศรษฐกิจไทยมีความหลากหลายและเปิด อาทิ การส่งออก, การบริการการท่องเที่ยว เป็นต้น แม้ว่าโครงการเมกะโปรเจกส์ขณะนี้จะยังไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น แต่เชื่อว่าในอนาคตการลงทุนจะเกิดขึ้นแน่นอน เนื่องจากเป็นสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อประชาชนในสังคม
|