อีลิท เร่งอัพเกรดคู่ค้า พัฒนาบริการของพันธมิตรที่ให้บริการแก่สมาชิก หวังให้มีบริการเป็นมาตรฐานหนึ่งเดียว เน้นต้องให้ความรู้สึกที่เทียบเท่าหรือมากกว่า สมาชิกปกติทั่วไป ล่าสุดคัด สนามกอล์ฟ สปา และโรงพยาบาล รวม 24 แห่ง นำร่องให้ความรู้ด้านบริการ พร้อมปรับพื้นที่รับรอง หวังเกิดภาพลักษณ์ที่ดี

นายโชคศิริ รอดบุญพา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) หรือบัตรอีลิท เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับความต้องการกลุ่มเป้าหมายและสมาชิก เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า การเข้าเป็นสมาชิกบัตรอีลิทจะได้สิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า โดยล่าสุดได้คัดเลือกผู้ประกอบการหรือ Vender ที่บริษัทฯ มีอยู่ ให้ขึ้นชั้นของการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับไทยแลนด์ อิลีท (Strategic Vendors) โดยจัดแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ สนามกอล์ฟ และสปา อย่างละ 10 แห่ง โรงพยาบาล 4 แห่ง จากพันธมิตรทั้งหมดที่มีมากกว่า 200 ราย ซึ่งผู้ประกอบการดังกล่าวถือเป็นกลุ่มนำร่อง ที่จะได้รับการพัฒนาจากทีพีซี ในเรื่องของมาตรฐานการบริการ

ในสถานประกอบการที่ให้บริการแก่ลูกค้าจะต้องแบ่งพื้นที่มุมหนึ่งไว้เป็นที่รับรองลูกค้าที่ถือบัตรอีลิท ตัวอย่างเช่น สนามกอล์ฟก็จะมีพื้นที่รับรองที่แยกส่วนออกมา มีพนักงานต้อนรับของอีลิทคอยบริการ ในสนามยังมีหลุมพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรอีลิทเท่านั้น และมีล็อกเกอร์เก็บของ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และอุปกรณ์ของใช้ที่แยกเป็นสัดส่วนต่างหาก และจะต้องเหนือกว่าสมาชิกทั่วไป

“ในส่วนของบริการเราก็ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงให้ชัดเจนเช่นกัน ยอมรับว่าที่ผ่านมา 3 ปี เรามุ่งทำการตลาดในต่างประเทศเป็นหลัก ทำให้เราขาดการทำประชาสัมพันธ์ ให้สื่อและคนในประเทศได้รับรู้ถึงบทบาท และภารกิจของอีลิท เพราะเราเข้าใจดีว่าภาพลักษณ์ที่ดีย่อมมีผลกับยอดขาย”

ล่าสุดได้จับมือกับสนามกอล์ฟ “พัฒนา กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต รีสอร์ท” แต่งตั้งให้เป็น Strategic Vendors ซึ่งเมื่อสมาชิกบัตรอีลิท เดินเข้ามาที่คลับเฮ้าส์ จะเห็นป้ายอีลิทและมุมรับรอง และจากนี้ไปจะเดินหน้าปรับพื้นที่และบริการของ Strategic Vendors ที่คัดเลือกไว้ ทั้งกลุ่ม กอล์ฟ สปา และโรงพยาบาล มาเข้ารับการอบรม และจัดเตรียมพื้นที่

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของทีพีซีขณะนี้คือ เราคาดหวังว่าไทยแลนด์ อิลีท จะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับการส่งออก แต่จะแตกต่างกันตรงที่โครงการนี้จะไม่นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ในทางกลับกันจะใช้วัตถุดิบในประเทศ คือ แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลติดอันดับโลก สนามกอล์ฟมาตรฐานสากล สปา ศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย ภายใต้การบริการที่อบอุ่นคืนกลับให้กับสมาชิก

สำหรับ พัฒนา กอล์ฟ เป็นสนามขนาด 27 หลุม บนพื้นที่กว่า 1,169 ไร่ โดยนายทวี จรุงสถิตพงศ์ รองประธานบริหารพัฒนา กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต รีสอร์ท เปิดเผยว่า ได้เริ่มสนามกอล์ฟพัฒนาเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปลายปี 2547 ซึ่งแผนธุรกิจเราต้องการเป็นสนามกอล์ฟ และสปอร์ตคลับ แบบครบวงจร พร้อมทั้งให้บริการที่พัก ซึ่งแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ โรงแรมขนาด 117 ห้อง เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 70 ห้อง และ วิลล่า 35 หลัง เม็ดเงินลงทุนทั้งโครงการราว 1,500-1,700 ล้านบาท โดยในอนาคตมีแผนเพิ่มเป็น 36 หลุม และกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัว อาทิ พายเรือแคนนู สควอด ร้านเสริมสวย และร้านอาหาร โดยปัจจุบันได้เปิดบริการสปา ให้แก่นักกอล์ฟ ตลอดจนแขกผู้มาพัก และบุคคลจากภายนอกด้วย