Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 กรกฎาคม 2549
P&Gจี้ “คน.” ขึ้นราคาสินค้า             
 


   
www resources

โอมเพจ บริษัท พีแอนด์จี จำกัด

   
search resources

พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย), บจก.
Consumer Products




พีแอนด์จี ระบุการเมืองสะดุด กระทบกรมการค้าภายในชะลอการอนุมัติการปรับราคาแชมพู-สกินแคร์ขึ้น หลังยื่นเรื่องขอปรับไม่เกิน 5% ไปแล้วหลายครั้ง ชี้ผู้ประกอบการอุปโภคบริโภคต้องกัดฟันแบกรับภาระต้นทุนที่พุ่งขึ้นลากยาว บ่นอุบปัจจัยลบรุมเร้า สิ้นปีตั้งเป้าผลประกอบการรวมโต 5-6% ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นตัวเลขสองหลัก

นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ แพนทีน โอเลย์ เป็นต้น เปิดเผยว่า จากการที่กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม อาทิ ตลาดแชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวปรับราคาขึ้นได้นั้น

ล่าสุดบริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องแจ้งต้นทุนแท้จริงที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าขนส่งซึ่งบริษัทฯ ต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ส่วนค่อนข้างสูงและเคมีภัณฑ์ รวมแล้วบริษัทฯ ได้ยื่นปรับราคาขึ้น 2-3% แต่ไม่เกิน 5% โดยราคาที่ขอปรับขึ้นเป็นระดับเดียวกันกับผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาด เนื่องจากเป็นการร่วมมือกันของสมาคมผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค

แต่ขณะนี้ทางกรมการค้าภายในก็ยังไม่ได้ให้อนุมัติปรับการขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทำให้การขอปรับราคาขึ้นคงจะต้องชะลอไปก่อนและไม่รู้ว่าจะได้อนุมัติขึ้นเมื่อไร อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทฯ ได้แจ้งขอปรับราคาสินค้าในกลุ่มแชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกับกรมการค้าภายในอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นจากปัจจัยลบทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งกรณีการชะลอการอนุมัติให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาสินค้า คาดว่าในสิ้นปีนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโต 5-6% เท่านั้น จากก่อนหน้านี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก

เปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายฐานลูกค้า

นายเมธี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง แต่บริษัทฯ ยังคงเปิดตัวสินค้าและนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเปิดตัวโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ สูตรป้องกันสิวลงสู่ตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้าอายุ 25-40 ปี เป็นหลัก สำหรับการเปิดสูตรป้องกันสิว

เนื่องจากการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ไม่กล้าใช้ โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหลายอย่างในผลิตภัณฑ์เดียว เพราะกลัวว่าจะเกิดสิว ดังนั้นบริษัทฯ จึงเล็งเห็นช่องว่างการตลาดดังกล่าวพอที่จะขยายฐานลูกค้าที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้ดึงเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียง “นัท มีเรีย” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เล่าถึงประสบการณ์ในชีวิตกับผิวกระจ่างใส ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ ที่นำพรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงมาใช้ จากที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะใช้เพื่อนถ่ายทอดประสบการณ์ถึงเพื่อนเป็นหลัก

โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่และหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คส์ถูกถ่ายทอดภายใต้แนวคิด "New Chapter of Nat Myria" เพื่อตอกย้ำคอนเซปต์ “เปลี่ยนให้คุณเป็นคนใหม่” พร้อมนี้กันได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดอย่างครบวงจร รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ โดยเน้นการใช้สื่อโฆษณาผ่านทางทีวี และสื่อสิ่งพิมพ์ และแจกผลิตภัณฑ์ให้ทดลองฟรีจำนวน 2-3 แสนชิ้น ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม

สำหรับเป้าหมายการออกผลิตภัณฑ์โอเลย์ โททัล โททัล เอฟเฟ็กซ์ สูตรป้องกันสิว เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และประการสำคัญเพื่อป้องบัลลังก์ผู้นำตลาดครีมดูแลผิวด้วยการครองส่วนแบ่ง 32% โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวมีส่วนแบ่ง 14% และผลิตภัณฑ์ลดเรือนริ้วรอย 16% และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปน้อยกว่า 2% ขณะที่อันดับสองพอนดส์ ครองส่วนแบ่ง 25-26%

แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมูลค่า 6,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 125% โดยตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวมูลค่า 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51% สภาพตลาดไม่มีอัตราการเติบโต ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ทั่วไปมูลค่า 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% มีอัตราการเติบโตเพียง 1-2% เท่านั้น ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ลบเรือนริ้วรอยมูลค่า 2300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% มีอัตราการเติบโตมากที่สุด 5-7%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us