|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พีแอนด์จี ระบุการเมืองสะดุด กระทบกรมการค้าภายในชะลอการอนุมัติการปรับราคาแชมพู-สกินแคร์ขึ้น หลังยื่นเรื่องขอปรับไม่เกิน 5% ไปแล้วหลายครั้ง ชี้ผู้ประกอบการอุปโภคบริโภคต้องกัดฟันแบกรับภาระต้นทุนที่พุ่งขึ้นลากยาว บ่นอุบปัจจัยลบรุมเร้า สิ้นปีตั้งเป้าผลประกอบการรวมโต 5-6% ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นตัวเลขสองหลัก
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ แพนทีน โอเลย์ เป็นต้น เปิดเผยว่า จากการที่กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม อาทิ ตลาดแชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวปรับราคาขึ้นได้นั้น
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องแจ้งต้นทุนแท้จริงที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนค่าขนส่งซึ่งบริษัทฯ ต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ส่วนค่อนข้างสูงและเคมีภัณฑ์ รวมแล้วบริษัทฯ ได้ยื่นปรับราคาขึ้น 2-3% แต่ไม่เกิน 5% โดยราคาที่ขอปรับขึ้นเป็นระดับเดียวกันกับผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาด เนื่องจากเป็นการร่วมมือกันของสมาคมผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค
แต่ขณะนี้ทางกรมการค้าภายในก็ยังไม่ได้ให้อนุมัติปรับการขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทำให้การขอปรับราคาขึ้นคงจะต้องชะลอไปก่อนและไม่รู้ว่าจะได้อนุมัติขึ้นเมื่อไร อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บริษัทฯ ได้แจ้งขอปรับราคาสินค้าในกลุ่มแชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกับกรมการค้าภายในอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจากปัจจัยลบทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งกรณีการชะลอการอนุมัติให้ผู้ประกอบการขึ้นราคาสินค้า คาดว่าในสิ้นปีนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโต 5-6% เท่านั้น จากก่อนหน้านี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก
เปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายฐานลูกค้า
นายเมธี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง แต่บริษัทฯ ยังคงเปิดตัวสินค้าและนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเปิดตัวโอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ สูตรป้องกันสิวลงสู่ตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้าอายุ 25-40 ปี เป็นหลัก สำหรับการเปิดสูตรป้องกันสิว
เนื่องจากการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ไม่กล้าใช้ โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหลายอย่างในผลิตภัณฑ์เดียว เพราะกลัวว่าจะเกิดสิว ดังนั้นบริษัทฯ จึงเล็งเห็นช่องว่างการตลาดดังกล่าวพอที่จะขยายฐานลูกค้าที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้ดึงเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียง “นัท มีเรีย” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เล่าถึงประสบการณ์ในชีวิตกับผิวกระจ่างใส ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์โอเลย์ โททัล เอฟเฟ็กซ์ ที่นำพรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงมาใช้ จากที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะใช้เพื่อนถ่ายทอดประสบการณ์ถึงเพื่อนเป็นหลัก
โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่และหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คส์ถูกถ่ายทอดภายใต้แนวคิด "New Chapter of Nat Myria" เพื่อตอกย้ำคอนเซปต์ “เปลี่ยนให้คุณเป็นคนใหม่” พร้อมนี้กันได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดอย่างครบวงจร รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ โดยเน้นการใช้สื่อโฆษณาผ่านทางทีวี และสื่อสิ่งพิมพ์ และแจกผลิตภัณฑ์ให้ทดลองฟรีจำนวน 2-3 แสนชิ้น ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม
สำหรับเป้าหมายการออกผลิตภัณฑ์โอเลย์ โททัล โททัล เอฟเฟ็กซ์ สูตรป้องกันสิว เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และประการสำคัญเพื่อป้องบัลลังก์ผู้นำตลาดครีมดูแลผิวด้วยการครองส่วนแบ่ง 32% โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวมีส่วนแบ่ง 14% และผลิตภัณฑ์ลดเรือนริ้วรอย 16% และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปน้อยกว่า 2% ขณะที่อันดับสองพอนดส์ ครองส่วนแบ่ง 25-26%
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมูลค่า 6,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 125% โดยตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวมูลค่า 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51% สภาพตลาดไม่มีอัตราการเติบโต ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ทั่วไปมูลค่า 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% มีอัตราการเติบโตเพียง 1-2% เท่านั้น ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ลบเรือนริ้วรอยมูลค่า 2300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% มีอัตราการเติบโตมากที่สุด 5-7%
|
|
|
|
|