|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2549
|
|
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา Warren Buffett อภิมหาเศรษฐีหุ้นอันดับสองของโลก สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่องค์กรการกุศล ด้วยการประกาศยกมรดกให้การกุศลเป็นหุ้นจำนวน 85% ของหุ้นส่วน B ทั้งหมดที่เขาถืออยู่ในบริษัท Berkshire Hathaway คิดเป็นเม็ดเงินมากถึง 3.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่องค์กรการกุศล 5 องค์กรด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ มูลนิธิ Bill and Melinda Gates องค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ Bill Gates อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งจะได้รับในสัดส่วนสูงที่สุดคือ จำนวน 10 ล้านหุ้น หรือประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ โดยทยอยรับเงินตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นจำนวน 5% และอีก 5% ของหุ้นที่เหลืออยู่ในปีต่อๆ ไป จนกว่าทั้ง Bill และ Melinda ไม่เกี่ยวข้องในมูลนิธิอีกต่อไป อย่างไรก็ดี เงินบริจาคส่วนนี้ไม่สามารถคิดเป็นเม็ดเงินที่แน่นอนได้ เพราะขึ้นอยู่กับราคาหุ้นที่มีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลาในอนาคต
ถามว่าเหตุใดชายผู้นี้ที่มีเงินล้นฟ้า ผู้ที่ไม่เคยคิดจะให้เงินใครง่ายๆ แม้แต่ลูกๆ ของเขาเอง กลับกลายมาเป็นชายชราผู้ใจกว้างเมื่อวัย 75 ปี และในเดือนสิงหาคมนี้ เขาจะมีอายุครบรอบ 76 ปี ยอมสละเงินเกือบทั้งหมดที่เขามีอยู่ให้กับสังคมที่ต้องการการพัฒนาบนโลกที่กำลังยุ่งเหยิงใบนี้... คำตอบมาจากปากของเขาเอง จากนิตยสารฟอร์จูน Buffett กล่าวว่า การตัดสินใจทั้งหมดนี้มีส่วนมาจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ Susan Thompson Buffett ภรรยาสุดรักของเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเธอมีอายุอ่อนกว่าเขา 2 ปี และเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ชอบพูดติดตลกเสมอว่า เธอจะมีชีวิตอยู่นานกว่าเขา และเมื่อเขาเสียชีวิต เธอจะได้รับมรดกหุ้นจากเขา และจะนำเงินที่ได้จากหุ้นบริจาคให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเธอจะเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง ดังนั้น Buffett ในฐานะที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงต้องการสานฝันของภรรยาของเขาขณะที่เขายังมีลมหายใจ
เมื่อครั้งที่ Buffett แต่งงานกับ Susan ซึ่งเขาเรียกเธอว่า "Susie" เขาบอกกับเธอว่า "ผมกำลังจะรวย" นั่นคือเวลากว่า 50 ปีที่แล้ว ซึ่ง Susan เองในขณะนั้นไม่ได้ใส่ใจหรืออาจจะไม่เชื่อด้วยซ้ำกับคำพูดของเขา ซึ่งอีก 10 ปีต่อมาหลังแต่งงาน Buffett ด้วยวัยเพียง 36 ปี มีเงินในบัญชีถึง 6.8 ล้านเหรียญ เมื่อ 40 กว่าปีก่อนเรียกว่าเป็นมหาเศรษฐีทีเดียว สองสามีภรรยาคิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะมีเงินมากมายขนาดนั้น ต้องมานั่งคิดกันว่าจะทำอย่างไรกับเงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงมาลงเอยที่ "คืนให้แก่สังคม" ซึ่งตรงกับความตั้งใจของ Susan ที่มีมาโดยตลอด เป็นที่มาของมูลนิธิ Buffett ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาของ University of Nebraska ต่อมา Buffett เปลี่ยนชื่อเป็น มูลนิธิ Susan Thompson Buffett เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ภรรยาผู้ล่วงลับ
วันนี้เขาค้นพบองค์กรการกุศลที่เขาคิดว่า เป็นองค์กรที่จะสานต่อความตั้งใจของเขาและภรรยาได้อย่างดีที่สุด คือ มูลนิธิ Bill and Melinda Gates ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ Bill และ Malinda เป็นผู้ก่อตั้ง ดูแล และบริหารด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว จากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า "ทุกชีวิตของคนบนโลกใบนี้มีความเท่าเทียมกัน" โดยเป็นมูลนิธิที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน ทั้งในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งมูลนิธิให้การสนับสนุนโครงการและการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการศึกษา สุขภาพอนามัยและความเป็นอยู่ของประชากร โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา หรือสีผิว นับตั้งแต่การวางแผนครอบครัว ไปจนถึงโครงการขจัดและต่อสู้โรคร้ายต่างๆ เช่น เอดส์ มาลาเรีย และวัณโรค เป็นต้น นอกจากนี้เงินส่วนหนึ่งของมูลนิธินี้ยังมุ่งตรงไปที่การพัฒนาการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และห้องสมุดในสหรัฐอเมริกาเองด้วย
หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดเขาจึงไม่ยกหุ้นทั้งหมดให้แก่ลูกๆ ทั้ง 3 คน เขาให้เหตุผลว่า ลูกของเขาทั้ง 3 คน คือ Susan, Peter และ Howard เกิดมาในครอบครัวที่พรั่งพร้อมที่ให้ทั้งความรัก ความอบอุ่น และที่สำคัญคือ มีโอกาสที่ดี มีการศึกษาทั้งจากห้องเรียนและจากที่บ้าน พวกเขาสามารถตั้งตัวเองได้ในระดับต้นๆ ของสังคมอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ลูกๆ ของเขาทุกคนก็จะได้รับมรดกจากเขาอยู่ดีเมื่อเขาหมดลมหายใจแล้ว ดังนั้นเขาคิดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง และมีเหตุผลที่จะทุ่มเทพวกเขาด้วย "เงิน" (จำนวนมหาศาล) อีกในทางกลับกัน เขาคิดว่า "เงิน" อาจจะเป็นตัวทำลายลูกๆ ของเขาก็เป็นได้...นั่นคือสไตล์ของ Buffett
แต่กระนั้น องค์กรการกุศลที่ Buffett บริจาคหุ้นให้อีก 4 องค์กรนั้น ประกอบด้วย มูลนิธิของเขากับ Susan เอง คือ มูลนิธิ Susan Thompson Buffett ที่จะได้รับจำนวน 1 ล้านหุ้น ซึ่งปัจจุบันมูลนิธินี้เน้นในเรื่องการวางแผนครอบครัวและการป้องกันการขยายการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนอีก 3 มูลนิธิเป็นของลูกทั้ง 3 คน จะได้องค์กรละ 350,000 หุ้นเท่าๆ กัน คือ มูลนิธิ Susan A. Buffett ซึ่งเป็นของลูกสาวคนเดียวของเขาที่มุ่งเน้นการศึกษาระดับเด็กเล็กสำหรับครอบครัวรายได้ต่ำ และจะขยายไปสู่การศึกษาระดับปริญญา รวมไปถึงให้ทุนสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า มูลนิธิ Howard G. Buffett ของลูกชายคนโตที่เน้น ในเรื่องของการพิทักษ์สัตว์ป่าในแอฟริกา และจะขยายไปยังโครงการอื่นที่เกี่ยวกับคุณภาพของน้ำ อาหาร และการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และสุดท้าย มูลนิธิ NoVo ของ Peter Buffett ลูกชายคนสุดท้อง ที่สนับสนุนทุนแก่บุคคลหรือองค์กรที่เปิดโอกาสทางด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และการเพิ่มความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกันในกลุ่มคนที่มีความแตกต่างกันทางด้านวัฒนธรรม
Buffett กล่าวไว้ว่า ความมั่งคั่งของเขาไม่ได้มาจากคุณสมบัติพิเศษหรือการทำงานหนัก แต่มาจากการที่เขาเกิดมาถูกที่และถูกเวลา ผนวกกับความสามารถเฉพาะตัวที่สามารถแปลงหุ้นให้กลายเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ทำให้เขากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกรองจาก Bill Gates เพื่อนสนิทต่างวัยของเขาที่วันนี้กลายมาเป็นผู้ร่วมบุญ...
Buffett รู้จักกับ Gates มานานกว่า 10 ปี และเขามั่นใจและเชื่อใจว่า ทั้ง Bill และ Melinda สองสามีภรรยาที่ Buffett ขอร่วมอุดมคติด้วย จะสามารถดำเนินการบริหารและใช้เงินได้อย่างถูกวัตถุประสงค์และก่อประโยชน์สูงสุด Buffett ยอมรับว่า เขาเองไม่มีความถนัดในเรื่องนี้ แต่เขาสามารถช่วยได้ในเรื่องของเงินทุนและการกำหนดนโยบาย ซึ่ง Buffett เชื่อว่า มูลนิธิ Bill และ Melinda เป็นองค์กรที่ดีที่สุดในโลกในขณะนี้ นอกจากนี้ Buffett ยังหวังว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ของเขาจะเป็นตัวอย่างให้กับ "คนรวย" อีกหลายคนหันมา "คืนประโยชน์ให้แก่สังคม" มากขึ้น โดยไม่ต้องสร้างองค์กรการกุศลด้วยตนเอง แต่อุทิศทรัพย์สินของตนให้กับองค์กรที่มีนโยบายและการดำเนินงานที่ตรงตามความตั้งใจของตนมากที่สุด
วันนี้ทั้งครอบครัว Buffett และครอบครัว Gates จับมือกันสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมกันให้เกิดในทุกสังคมเท่าที่แรงกายและแรงใจของพวกเขาจะสามารถทำได้ และพร้อมที่จะสานต่อไปในอนาคต ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาจะคงเหลือเพียงแต่ชื่อให้จารึกไว้ในความทรงจำ
|
|
|
|
|