Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2549
ภาพเขียนพิธีราชาภิเษกของนโปเลอง             
โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
 


   
search resources

Art




ช่วงปลายเดือนมิถุนายนในแต่ละปีเพื่อนสาวเทศมีธรรมเนียมเชิญมิตรสหายกลุ่มใหญ่ไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่บ้านพักต่างจังหวัดที่องแซง (Onzain) เมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากเมืองบลัวส์ (Blois) ไปเพียง 12 กิโลเมตร ในปีแรกนั้นถือโอกาสเที่ยวปราสาท ลุ่มแม่น้ำลัวร์ที่อยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลนัก เพื่อนบอกว่าไม่จำเป็นต้องเข้าชมภายในปราสาททุกแห่ง ด้วยว่าไม่มีอะไรให้ดู แค่ชมปราสาทชองบอรด์ (Chambord) ก็พอ เพราะโอ่อ่าพิเศษสุด ชองบอรด์สวยพิศุทธิ์ สง่างามท่ามกลางแมกไม้รายรอบ ภายในปราสาทว่างเปล่าจริงๆ

อันว่าปราสาททั้งหลายที่เป็นสมบัติของรัฐนั้นเป็นเช่นนี้เกือบทุกแห่ง ด้วยว่าในโบราณกาล ยามกษัตริย์ฝรั่งเศสแปรพระราชฐาน จะนำเครื่องเรือนส่วนพระองค์ไปด้วย มีเก้าอี้ โต๊ะอาหาร หีบใส่เครื่องถ้วยชามและของใช้จำเป็น เมื่อเสร็จภารกิจในห้องหนึ่งและไปยังอีกห้องหนึ่ง ข้าราชบริพารต้องนำเครื่องเรือนทั้งหลายตามไปด้วย ถือเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยประการหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงชอบปราสาทฟงแตนโบล (Fontainebleau) เพราะเต็มไปด้วยเครื่องเรือนและสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำให้ฟงแตนโบลต่างจากปราสาทอื่นๆ ชอบมากจนต้องไปเยือนทุกครั้งที่มีญาติมิตรมาเยือน ไม่มีสักคนที่จะไม่หลงรักฟงแตนโบล

กษัตริย์ผู้ครองฝรั่งเศสที่มาใช้ฟงแตนโบลเป็นที่พำนักมากที่สุดคือ นโปเลอง (Napoleon) มีร่องรอยให้เห็นมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่ใช้เป็นท้องพระโรง รู้ได้จากพระที่นั่งที่ตั้งสูง มีกระบังด้านบนยื่นออกมา ผ้าที่ห้อยย้อยลงมาคลุมนั้นมีตัวผึ้งสีทองอยู่ประปราย ด้วยว่าผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของนโปเลอง ห้องประชุมเสนาบดี ห้องประชุมเล็ก ห้องนอน ห้องนอนของมารี-อองตัวแนต (Marie-Antoinette) มเหสีของหลุยส์ ที่ 16 ซึ่งยังไม่ทันได้ใช้ก็เกิดการปฏิวัติขึ้นเสียก่อน ผู้ได้ใช้กลับกลายเป็นโจเซฟีน (Josephine) และที่สำคัญที่สุดคือห้องที่นโปเลองลงนามสละราชสมบัติครั้งแรกก่อนถูกเนรเทศไปยังเกาะเอลบา โต๊ะเล็กที่ใช้เป็นที่ลงนามตั้งพร้อมกับเก้าอี้ ลานกว้างหน้าปราสาทนั้นมีชื่อว่า Cour des adieux ด้วยว่าเป็นลานที่นโปเลองกล่าวอำลาทหารทั้งมวล

นักท่องเที่ยวที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre) มีเป้าหมายหลักที่ภาพเขียนโมนา ลิซา (Mona Lisa) หรือที่เรียกในภาษาฝรั่งเศส ว่า (La Joconde) คุณโมเธอนั่งยิ้มลึกลับภายในกรอบกระจกที่สร้างเป็นเกราะกำบัง มิให้ใครเข้าถึงตัว แต่เกือบทุกคนเช่นกันจะหยุดหน้าภาพเขียนชื่อ Sacre de Napoleon ซึ่งฌาคส์-หลุยส์ ดาวิด (Jacques-Louis David) จิตรกรประจำราชสำนักนโปเลองเป็นผู้วาดขึ้น ยิ่งในปี 2004 เป็นวาระครบรอบ 200 ปีของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ผู้คนจึงไปรุมชมและรุมถ่ายภาพ

Sacre de Napoleon นั้นเป็นภาพเกี่ยวกับพิธีราชาภิเษกของนโปเลอง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1804 ภายในวิหารโนเทรอะ-ดาม เดอ ปารีส์ (Notre-Dame de Paris) เป็นภาพวิจิตรประกอบด้วยตัวละครประมาณ 200 คนเห็นจะได้ อีกทั้งนโปเลองก็สุดหล่อ โจเซฟีนก็สุดสวยละมุนละไม องค์ประกอบของ ภาพและการให้สีโดดเด่น แม้เมื่อนโปเลอง เห็นภาพนี้ยังอดทึ่งไม่ได้

นโปเลองชื่นชมกษัตริย์ชาร์ลมาญ (Charlemagne) มาก จึงอยากให้ประกอบพิธีราชาภิเษก ครั้นจะไปทำพิธีที่เมืองแรงส์ (Reims) และสวมมงกุฎของราชวงศ์บูร์บง (Bourbon) ตามโบราณราชประเพณีของกษัตริย์ฝรั่งเศสก็ใช่ที่ ด้วยว่าตนเป็นเพียงนายทหารที่ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Premier Consul ภายหลังสภาซีเนต (Senat) ประกาศแต่งตั้งให้เป็นจักรพรรดิของชาวฝรั่งเศส (Empereur des Fran‚ais) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1804 อันเป็นจุดเริ่มต้นของการตระเตรียมงานราชาภิเษก นโปเลองมอบหมายให้ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดเป็นผู้จำลองภาพ พิธีดังกล่าวบนผืนผ้าใบ

ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดเตรียมการเขียนภาพในปี 1805 ด้วยการค้นประวัติศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวกับพิธีการทางศาสนาที่มีภาพประกอบตั้งแต่ปลายยุคกลาง เพื่อจำลองบรรยากาศนั้นๆ ลงในภาพที่เขาต้องเขียน อันที่จริง ระหว่างพิธีที่ใช้เวลาถึงห้าชั่วโมง ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดได้เก็บรายละเอียดทั้งหมด ร่างภาพใบหน้าคร่าวๆ และอิริยาบถของบุคคลต่างๆ ที่ร่วมในพิธีนี้ เช่น ใบหน้าด้านข้างของโจเซฟีน เขาขอยืมมงกุฎและเสื้อคลุม ที่นโปเลองสวมในพิธี เครื่องแต่งกายของบรรดาแขกรับเชิญ ตรวจสอบเหรียญตราต่างๆ ของทูตานุทูต และขนาดตัวของทุกคน ที่ร่วมในพิธีราชาภิเษก หลังจากนั้นฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดเปิดสตูดิโอเพื่อเขียนภาพนี้โดยเฉพาะในห้องสวดมนต์ของวิทยาลัยคลูนี (College de Cluny) ทั้งนี้แขกรับเชิญสำคัญๆ มาเป็นแบบให้เขาเขียนในสตูดิโอ เขาให้ลูกสาวฝาแฝดเป็นแบบแทนน้องสาวของนโปเลอง ซึ่งในวันพิธีนั้นหน้าบูดบึ้งด้วยว่าต้องช่วยยกชายกระโปรงของโจเซฟีน แต่ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดเขียนให้ทั้งสองมีใบหน้าแย้มยิ้ม ทั้งยังเขียนให้โจเซฟีนดูอ่อนกว่าอายุและสวยละมุนละไมราวกับนางฟ้า เครื่องเพชร ที่สาวๆ สวมในวันนั้นเป็นผลงานของนีโตท์ (Nitot) ช่างเพชรประจำราชสำนักของนโปเลองและเป็นผู้ก่อตั้งห้างเพชรโชเมต์ (Chuamet)

โจเซฟีนได้เห็นภาพนี้ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 1807 ก่อนนโปเลองเสียอีก ต่อมาในวันที่ 4 มกราคม 1808 นโปเลองขอให้ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดวาดภาพสันตะปาปายกมือขึ้นเป็นการให้พร นอกจากนั้นยังขอให้วาดภาพเลติเซีย (Letizia) มารดาของตนในภาพด้วย ทั้งๆ ที่เลติเซียไม่ยอมมาร่วมพิธีเพราะไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งโจเซฟีนเป็นจักรพรรดินี อีกทั้งทูตวาติกันซึ่งล้มป่วยในวันนั้นด้วย

แรกทีเดียวเขาจะเขียนภาพนโปเลองสวมมงกุฎให้ตนเองด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งจับคทาแนบตัว หากได้ภาพออกมาไม่สง่างามเท่าที่ควร จึงเปลี่ยนใจเขียนภาพนโปเลองกำลังสวมมงกุฎให้โจเซฟีนแทน

ภาพ Sacre de Napoleon ของฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดนั้นนำออกให้สาธารณชนชมในเดือนมกราคม 1808 เป็นเวลาสองเดือนที่พระราชวังลูฟวร์ และถูกเก็บไปหลังจากที่นโปเลองแต่งงานกับมารี-หลุยส์ (Marie-Louise) เจ้าหญิงแห่งออสเตรีย ในรัชสมัยของกษัตริย์หลุยส์-ฟิลิป (Louis Philippe) ภาพ Sacre de Napoleon ย้ายไปประดิษฐานยังพระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles) และเดินทางกลับมาที่ลูฟวร์ในปี 1889 และอยู่เคียงคู่กับลูฟวร์มาจนทุกวันนี้

ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดเป็นจิตรกรนีโอ-คลาสสิก เขาได้รับแรงบันดาลใจจากภาพเขียนยุคกรีกและโรมัน ภาพ Sacre de Napoleon ถือเป็นการสื่อถึงความนัยทางการเมืองของนโปเลอง ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดชื่นชอบนโปเลองตั้งแต่ฝ่ายหลังเป็นเพียงแค่ทหารหนุ่ม และได้เขียนภาพนโปเลองหลายรูปด้วยกัน ภาพเขียนขนาดใหญ่อีกภาพหนึ่งของเขาชื่อ La Distribution des aigles ซึ่งเขาเขียนในปี 1810

เมื่อหมดยุคนโปเลอง ฌาคส์-หลุยส์ ดาวิดลี้ภัยไปอยู่กรุงบรัสเซลส์ และหันไปเขียนภาพเกี่ยวกับเทพกรีกและโรมัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us