Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2549
กลุ่ม SCIB เกาะเทรนด์ Aging Society ออกโปรดักส์ประกันก่อนเกษียณ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารนครหลวงไทย

   
search resources

ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
Insurance
แม็กซ์ประกันชีวิต




ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจประกัน ผู้ให้บริการแต่ละค่ายต่างต้องเจาะหาทุกเงื่อนไข ไม่เว้นกระทั่งปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และครอบครัว เพื่อหยิบขึ้นมาใช้พัฒนาจุดเด่นในแบบกรมธรรม์ที่มุ่งสนองตอบความต้องการที่ตรงจุดแก่ลูกค้า

เช่นเดียวกับกรณี บริษัท แม็กซ์ประกันชีวิต บริษัทลูกของธนาคารนครหลวงไทย ที่เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว "แม็กซ์บำนาญ 60/7" ผลิตภัณฑ์แบบประกันเพื่อเตรียมตัวรับวัยเกษียณ

โดยกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อกรมธรรม์นี้กำหนดไว้ตั้งแต่เด็กวัย 10 ขวบ ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุวัย 52 ปี รวมทั้งยังได้กำหนดเป้าหมายยอดขายผ่านเจ้าหน้าที่ของธนาคารนครหลวงไทยจำนวน 6,000 คน ที่ประจำอยู่ใน 380 สาขาของธนาคารฯ ไว้ที่ 100 ล้านบาท เมื่อถึงสิ้นปี 2549

สำหรับแนวคิดหลักในการพัฒนาโปรดักส์ใหม่ตัวนี้มาจากแนวโน้มที่ชัดเจนในความจำเป็นของรัฐบาลที่ต้องการเร่งจัดแผนแม่บทประกันภัย เพื่อเตรียมรับมือล่วงหน้ากับความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างสังคมในอีก 15-20 ปีข้างหน้า จากที่ว่าคนซึ่งกำลังอยู่ในวัยทำงานวันนี้ ร่วมๆ 12.4 ล้านคน หรือราว 20% ของจำนวนประชากร กำลังจะนำประเทศไทยไปสู่การเป็นสังคมที่อุดมไปด้วยคนวัยชรา หรือ Aging Society

แต่เหตุผลที่บริษัทฯ ต้องขยายกลุ่มเป้าหมาย ลงมายังเด็กเล็กวัย 10 ขวบด้วยนั้นมาจากพื้นฐานการพิจารณาข้อมูลตัวเลขสถิติด้านประชากร 2 ชุด ซึ่งจัดเก็บโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในทุกๆ รอบ 10 ปีครึ่ง

โดยตัวเลขชุดแรกชี้ถึงผลคาดการณ์อายุโดยเฉลี่ยของคนไทยเริ่มยาวขึ้นถึงกว่า 70 ปี เมื่อถึงปี 2523 ส่วนตัวเลขในชุดที่ 2 มาจากการพิจารณาข้อมูลสถิติประเมินขนาดสมาชิกโดยเฉลี่ยในแต่ละครอบครัว ระหว่างปี 2543-2553 ซึ่งบอกว่าเมื่อถึงปี 2543 ลดลงเหลือเพียง 5 คนต่อครอบครัว โดยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 3 คนต่อครอบครัว เมื่อถึงปี 2553

ยังมีอีกภาพที่ชี้ถึงมีความเป็นไปได้ว่า เด็กในรุ่นต่อๆ ไปอาจจะเติบโตไม่ทันเวลาที่จะเข้าสู่วัยทำงานก่อนที่พ่อแม่ของพวกเขาจะก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอายุ นอกจากนี้แล้วในอนาคตจำนวนเด็กในวันนี้ ที่จะเติบโตขึ้นเป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่ชราในวันข้างหน้า ยังมีแนวโน้มว่าน่าที่จะต้องลดลงด้วยเช่นกัน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายช่วงชีวิตวัยเรียน และช่วงชีวิตในวัยทำงานที่เนิ่นนานในกลุ่มคนรุ่นพ่อรุ่นแม่

ความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจที่มีมากขึ้นนั้น ยังได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างขนาดครอบครัวไทย จากครั้งอดีตที่ยังเป็นโครงสร้างในแบบ Complex Structure ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากมาย กลายมาเป็นครอบครัวเชิงเดี่ยว ที่สมาชิกครอบครัวมีจำนวนอยู่เพียงไม่กี่คนในปัจจุบัน

รวมทั้งยังทำให้ระยะเวลาในแง่เชิงการ มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือพ่อแม่ของตน ต้องพลอยหดสั้นและห่างเหินกันมายิ่งขึ้น จากที่เป็นปัจจัยในการผลักดันให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ต้องเร่งฝีเท้าก้าวเข้าสู่แผนการยกระดับมาตรฐานการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการรีบออกหางานทำกันอย่างรวดเร็วในทันทีที่จบการศึกษา

"แต่เดิมสังคมเราเป็นครอบครัวใหญ่ คนที่พอจะมีกำลังหาเงินมาเลี้ยงคนแก่ในครอบครัวจะมีอยู่มาก แต่ตอนนี้สังคมเปลี่ยนไป คนวัยทำงานก็เริ่มจะมีอายุมากขึ้น การหารายได้ก็ลำบากมากขึ้น แต่งงานก็ช้า ลูกอาจโตไม่ทัน คนจึงเริ่มคิดกันใหม่ว่า ถ้าเกษียณแล้วยังต้องมีรายจ่าย แต่ไม่มีรายได้ แล้วจะทำอย่างไร" อธิคม บางวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์ประกันชีวิต กล่าว

แนวคิดของคนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จึงกลายมาเป็นในแนวคิดการพัฒนาโปรดักส์ตัวใหม่ที่ชื่อ "แม็กซ์บำนาญ 60/7" แบบประกันรับวัยเกษียณ พร้อมด้วยกรมธรรม์ เพื่อการออมเงินสำหรับบุตรหลานในอนาคต

ในตัวผลิตภัณฑ์นี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็กซ์ประกันชีวิต ชูจุดขายเรื่องการชำระเบี้ยประกันภายในช่วงเวลาสั้นๆ คือเพียงแค่ 7 ปี แต่ให้ความคุ้มครองอย่างยาวจนอายุ 60 ปี พร้อมเงินคืนทุกปีตลอดชีวิต

โดยช่วงแรกคืนให้ในอัตรา 10% ของทุนประกัน ซึ่งเริ่มตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 1- อายุ 59 ปี, ช่วงที่ 2 จากอายุ 60-67 ปี ได้รับคืนในอัตรา 30% และช่วงสุดท้ายคือตั้งแต่อายุ 68-99 ปี บริษัทฯ จะคืนในรูปเงินสมนาคุณให้ปีละ 30%

แต่อัตราเงินคืนที่กำหนดไว้นี้ ทางแม็กซ์ ประกันชีวิตบอกว่า อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจในปีนั้นๆ ยกเว้นเฉพาะผู้ที่ซื้อประกันภายในปี 2549 ที่ยังจะได้รับการการันตีอัตราเงินคืนที่ 30% โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีข้อเสนอแรงจูงใจเรื่องการให้เงินโบนัสเพิ่มอีก 1% ตั้งแต่ปีที่ 2-7 ของการชำระค่าเบี้ย สำหรับผู้ที่ไม่เคยผิดนัดชำระค่าเบี้ยประกัน

ส่วนเงื่อนไขการให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์กำหนดไว้ว่าในปีที่ 1-2 บริษัทฯ จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้ถือกรมธรรม์ 100% ของทุนประกัน, ในปีที่ 3-4 จะได้รับความคุ้มครอง 150% ในปีที่ 5-6 ให้ความคุ้มครองที่ 200% และเมื่อลูกค้าชำระเบี้ยครบในปีที่ 7 จะได้รับความคุ้มครองเป็น 250% จนกว่าจะถึงอายุ 60 ปี

แต่จากนั้นสัดส่วนความคุ้มครองนี้จะค่อยๆ ลดลงปีละ 25% จนเหลือ 100% เมื่อถึงอายุ 67 ปี และเงื่อนไขความคุ้มครองนี้จะหมดลง โดยผู้เอาประกันจะกลับเข้าสู่เงื่อนไขการ ได้รับเงินคืนปีละ 30% ตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะมีอายุครบ 99 ปี

อย่างไรก็ตาม แผนการออมผ่าน "แม็กซ์บำนาญ 60/7" ถูกกำหนดไว้เป็น 2 แผน คือแผน A สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มี อายุตั้งแต่ 10 ปี จนถึง 39 ปี ชำระเบี้ยประกัน 45,000 บาท ต่อปีต่อทุนประกันที่ 100,000 บาท และแผน B สำหรับลูกค้าที่มีอายุ 40-52 ปี ชำระเบี้ย 50,000 บาทต่อปี ต่อทุนประกันที่ 100,000 บาท โดยจำนวนเบี้ยประกันที่ต้องชำระจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนทุนประกันและผลประโยชน์ที่ลูกค้าต้องการ

แม้แบบประกันนี้จะยังมีจุดอ่อนในประเด็นค่าเบี้ยประกัน ที่อาจทำให้คนคิดกันได้ว่ายังสูงอยู่ก็ตาม แต่ทางผู้บริหารของแม็กซ์ประกันชีวิต บอกว่า ระยะเวลาที่ผู้เอาประกันจะได้เก็บเกี่ยวผลตอบแทนนั้น อย่างไรก็นับว่าคุ้มกว่าเมื่อดูจากช่วงเวลาที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน

สำหรับสถานะของบริษัทแม็กซ์ประกันชีวิต เมื่อสิ้นปี 2548 มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 2,972 ล้านบาท ทุนประกันที่ 9,575 ล้านบาท และเงินสำรองประกันภัย 2,464 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีลูกค้าทั้งสิ้นกว่า 30,000 กรมธรรม์

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีภาระขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 80-90 ล้านบาท แต่คาดว่าตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเริ่มทำกำไรได้แล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us